พวกนักเลง ‘หัวไม้’ น่ารังเกียจจริงๆ

-

ฉบับนี้จะเขียนถึงสำนวนไทยที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า ‘หัว’ ซึ่งบางสำนวนมีความหมายในด้านลบ แต่บางสำนวนก็มีความหมายในด้านบวก ได้แก่ หัวไม้ หัวขี้เลื่อย และหัวเห็ด

หัวไม้ (นักเลงหัวไม้)

คำว่า ‘หัวไม้’ มีใช้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดังจะเห็นได้จากวรรณคดีเรื่องศรีสวัสดิ์วัด ซึ่งหมื่นพรหมสมพัตสร (นายมี) กวีผู้มีชื่อเสียงในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้แต่งไว้เป็นคำประพันธ์ประเภทกาพย์ชนิดต่างๆ ต่อมามีการนำหนังสือเล่มนี้มาใช้เป็นแบบเรียนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีเนื้อหาสะท้อนลักษณะสังคมไทยและระบบการศึกษาภายในวัด พระภิกษุจะใช้สอนเรื่องจริยธรรมและการกระทำกิจวัตรประจำวันแก่เด็กวัดที่อยู่ในวัยเรียน ว่าควรประพฤติปฏิบัติตนอย่างไรต่อพระภิกษุสามเณรและชี เด็กวัดจะต้องไม่ทำตัวเป็นนักเลง  คือไม่พอใจใครก็ใช้ไม้ยาวที่ทำให้เป็นเหลี่ยมคมตีหัว  ดังคำประพันธ์บทหนึ่งว่า

กลายเป็นหัวไม้  ใครว่าขัดใจ สร้างไม้ตีเศียร

สี่เหลี่ยมแปดเหลี่ยม ถือแอบแนบเนียน

เที่ยวไล่เบียดเบียน สงฆ์เถรเณรชี

คำว่า ‘หัวไม้’ ซึ่งบางคนใช้ว่า ‘นักเลงหัวไม้’ ได้ถูกนำมาเป็นสำนวนเปรียบให้หมายถึงคนเกะกะเกเรที่ใช้อาวุธชนิดใดก็ได้ทำร้ายผู้อื่นที่ตนไม่พอใจ  เช่น  ยายสุขพูดกับยายสมเพื่อนบ้านถึงวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งซึ่งชอบรวมกลุ่มกันเที่ยวหาเรื่องเกะกะระรานคนในหมู่บ้าน  ทำให้เป็นที่น่าหวั่นเกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่คนในครอบครัวของตนว่า “ทำไมพ่อแม่มันไม่สั่งสอนตักเตือนกันบ้าง ว่าให้เลิกทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ซะที  ม่ายงั้นสักวันคงได้ไปอยู่ในคุกแน่ๆ”

หัวขี้เลื่อย (สมองขี้เลื่อย)

‘ขี้เลื่อย’ เป็นคำเรียกผลพลอยได้จากการเลื่อยไม้ คือจะได้ขี้เลื่อยซึ่งมีทั้งลักษณะที่เป็นเนื้อหยาบ เนื้อละเอียด และผงฝุ่นขี้เลื่อย แม้ขี้เลื่อยแทบจะไม่มีราคาแต่ก็มีผู้นำไปใส่ถุงขายราคาถูกๆ เพราะนำไปใช้ประโยชน์บางอย่างได้ เช่น ใช้ในการซ่อมงานไม้ งานเฟอร์นิเจอร์ ใช้ผสมปลูกต้นไม้ เป็นต้น

คำว่า ‘หัว’ ในที่นี้หมายถึง ‘สมอง’ ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ภายในกะโหลกศีรษะ มีลักษณะเป็นก้อนหยุ่นหยักย่นเป็นลูกคลื่น เป็นอวัยวะซึ่งมีความซับซ้อนที่ควบคุมความคิด ความจำ อารมณ์ ความรู้สึก การสัมผัส การมองเห็น การเคลื่อนไหว ฯลฯ ภายในสมองจะเป็นไขมันร้อยละหกสิบ นอกนั้นอีกร้อยละสี่สิบจะเป็นส่วนประกอบ เช่น น้ำ โปรตีน ฯลฯ

สำนวน ‘หัวขี้เลื่อย’ ถูกนำมาใช้เปรียบกับคนที่มีสมองด้อยคุณค่าหรือหัวไม่ดี เช่น ชาญชัยพูดกับนทีเพื่อนสนิทตอนหนึ่งว่า “ทำไมวะสูตรแค่นี้ก็จำไม่ได้ ตอนสอนวิชานี้ครูก็อธิบายง่ายๆ ชัดเจนแล้ว ข้อสอบออกมาตรงเผงแกก็ยังอุตส่าห์สอบตก แกมันหัวขี้เลื่อยจริงๆ อย่างที่ใครๆ เขาว่ากัน  มีอะไรไม่เข้าใจก็ถามกันได้นี่หว่า”

 

หัวเห็ด

‘หัวเห็ด’ เป็นคำที่ใช้เรียกตะปูชนิดหนึ่งที่มีหัวบานเหมือนหัวดอกเห็ดว่า ‘ตะปูหัวเห็ด’ ตะปูชนิดนี้ถ้าใช้ตอกสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นสังกะสี ไม้ ฯลฯ ก็จะทำให้ติดตรึงแน่น ไม่หลุดง่ายๆ 

ต่อมามีการนำ ‘หัวเห็ด’ มาใช้เป็นสำนวนเปรียบกับคุณสมบัติของคนที่มีอุดมการณ์ มีความมุ่งมั่น ทำงานอย่างไม่ย่อท้อหรือยอมแพ้แก่อุปสรรคหรือสิ่งที่ไม่ถูกต้องใดๆ  เช่น นักข่าวหัวเห็ด ตำรวจหัวเห็ด เป็นต้น ดังตอนหนี่งเพื่อนๆ ที่ทำงานบางคนพอรู้ว่าชาติกำลังจะออกเดินทางไปทำข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กำลังร้อนระอุในแดนผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่รู้ว่าต้องไปเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง แต่เขาก็ยังอยากจะไปทำข่าวมานำเสนอแก่ประชาชนด้วยประสบการณ์จริงที่ได้ไปเห็นมา เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ชาติมันเป็นนักข่าวหัวเห็ดอยู่แล้ว ใครๆ ก็เบรกไม่อยู่ เพราะมันเป็นคนจริง ไม่เคยหวั่นเกรงอันตรายอะไร ความจริงถ้าจะรอให้เหตุการณ์เพลาความรุนแรงลงสักหน่อยแล้วค่อยไปน่าจะดีกว่า ไปตอนนี้อาจได้ไม่คุ้มเสีย ยังไงๆ ก็ขอให้มันโชคดีกลับมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริงให้พวกเราฟังก็แล้วกัน”


คมคำสำนวนไทย

เรื่อง: ยุพร แสงทักษิณ

ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!