ส้มโอทับทิมสยาม อัญมณีผลไม้ไทย

-

ส้มโอทับทิมสยามไม่ใช่ส้มโอพันธุ์ดั้งเดิมในพื้นที่ปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่เป็นส้มโอพันธุ์พูโก หรือปูโก พืชประจำถิ่นของบ้านปราโอ ตำบลประจัน อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี ที่ปลูกในสวนผสมร่วมกับส้มโอพันธุ์อื่นๆ เช่น ขาวทองดี โรตี บานหยา รวมถึงผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่น มังคุด ทุเรียน ลองกอง เงาะ มีข้อมูลที่คุณวิรัตน์ ธรรมบำรุง ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 7 สุราษฎร์ธานี เล่าว่า คุณหวัง มัสแหละ นำกิ่งพันธุ์มาปลูกเป็นรายแรก ใน พ.ศ. 2523 จากนั้นก็แพร่หลายเป็นที่รู้จักกันต่อๆ มา จนถึงเมื่อราว พ.ศ. 2544 คุณอัมพร สวัสดิ์สุข บ้านเลขที่ 39 หมู่ที่ 15 บ้านแสงวิมาน ตำบลคลองน้อย เกษตรกรเมืองปากพนังเริ่มปลูกในพื้นที่ของตนเอง ต่อมาได้ขยายพื้นที่ปลูกไปยังบ้านแสงวิมาน หมู่ที่ 13 ซึ่งอยู่ใกล้กัน

เดิมทีพื้นที่ในเมืองนครศรีธรรมราชมีพืชท้องถิ่นหลายชนิด ทั้งทุเรียน มังคุด ลองกอง เงาะ ตลอดจนส้มโออยู่แล้ว แต่เมื่อได้ทดลองนำกิ่งพันธุ์ส้มโอชนิดใหม่มาปลูก ก็ดูจะให้ผลผลิตดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ในอำเภอปากพนัง ซึ่งมีสภาพเป็นดินเหนียวอันอุดมด้วยธาตุแคลเซียม ภูมิประเทศและภูมิอากาศใกล้เคียงกับพื้นที่แหล่งกำเนิด

ลักษณะพิเศษของส้มโอพันธุ์ทับทิมสยามปากพนังนั้น ใบค่อนข้างกว้าง ปลายใบแหลม ใต้ใบมีขนอ่อนนุ่ม ผลกลมมีจุกคล้ายหลอดไฟ ก้นผลเว้าเล็กน้อย ผลโตเต็มที่มีขนาดเส้นรอบวงประมาณ 18-25 เซนติเมตร ผลเรียบเป็นมัน มีสีเขียวนวลอมเหลือง ต่อมน้ำมันละเอียด มีขนอ่อนนุ่มคล้ายกำมะหยี่ปกคลุมทั่วทั้งผล เมื่อจับผลเบาๆ จะรู้สึกผิวเปลือกนุ่ม เปลือกบาง ถ้าเก็บเกี่ยวหรือขนส่งไม่ดีจะช้ำง่าย เปลือกในและผนังกลีบเป็นสีชมพูอ่อน หนาราว 1 เซนติเมตร  เมื่อสุกเต็มที่ ตรงจุดกึ่งกลางผลมีสีน้ำตาลเข้ม และตรงก้นผลจะหายไป เนื้อผลมีขนาดเล็กเบียดกันจนแน่น ไม่แตกง่าย ไม่แฉะน้ำ แห้งกรอบ เนื้อสีชมพูถึงแดงคล้ายทับทิม เมล็ดเรียงชิดแกนผล รสชาติหวานและหอมนุ่ม ไม่มีรสขมติดลิ้น

อาจจะกล่าวได้ว่า ส้มโอดีที่สุดในโลกคือพันธุ์ทับทิมสยาม เพราะสภาพความเหมาะสมของพื้นที่ปลูก คือ คือ ลุ่มน้ำปากพนัง ซึ่งปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI (Geographical Indication) ส้มโอทับทิมสยามจึงได้รูปทรงสวย ผิวเนื้อดี รสชาตินุ่มลิ้น คือความต้องการตลาดจีนรับซื้อไม่อั้น พ่อค้าจีนถึงกับมาตั้งหลักปักฐานรับซื้อรวบรวมส้มโอนี้ส่งไปขายในจีน

ผลผลิตจะออกมากในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม โดยเฉลี่ยมีผลผลิตไร่ละ 700-800 ลูก และควรเก็บในช่วงระยะเวลาตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายน หรือประมาณปลายฤดูหนาวถึงฤดูแล้ง เนื่องจากเป็นช่วงที่มีน้ำฝนน้อย ส่งผลให้ส้มโอทับทิมสยามมีปริมาณมาก ผลโต และรสหวานเพิ่มขึ้น

ตลาดหลักเป็นตลาดพรีเมี่ยมและของฝากขึ้นชื่อของจังหวัดนครศรีธรรมราช ชาวสวนใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ ทั้งการบำรุงรักษา การควบคุมคุณภาพ ราคาผลผลิตเลยค่อนข้างสูง แม้แต่ในช่วงปี 2563-2564 ซึ่งเป็นช่วงโรคโควิด-19 ระบาดหนัก จีนหยุดนำเข้าผลไม้ไทย แต่ราคาหน้าสวนของส้มทับทิมสยามไม่ได้รับผลกระทบมาก ราคายังเฉลี่ยอยู่ที่ 150 บาท/ลูก ขณะที่ราคาจำหน่ายปลีกตั้งแต่ 200-500 บาท/ลูก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดและคุณภาพ ถ้าหากเป็นเกรดพรีเมี่ยมที่มีขายในโมเดิร์นเทรดราคายังสูงถึง 600 บาท/ลูก

ระยะเวลาที่เหมาะแก่การเก็บเกี่ยวผลผลิตที่นั้น คือหลังจากดอกบานประมาณ 8-9 เดือน สังเกตต่อมน้ำมันรอบจุดสีน้ำตาลที่ก้นผลจะห่าง สีเปลือกรอบจุดสีน้ำตาลเป็นสีเขียวนวล การเก็บเกี่ยวควรระมัดระวังตอนใช้กรรไกรตัดก้านขั้วผล ควรมีถุงผ้ารองรับ เพื่อป้องกันผลตกกระแทกพื้น เมื่อได้ผลมาแล้วนำผลใส่เข่งหรือตะกร้าสะอาดและเก็บไว้ในที่ร่ม ถ้านำมาผึ่งไว้ 1-3 วัน รสชาติจะดีขึ้น และแกะเนื้อง่าย ส่วนมากจะคัดผลขนาดใหญ่ (น้ำหนักมากกว่า 1.5 กิโลกรัม) กลาง (น้ำหนัก 1.3-1.4 กิโลกรัม) และเล็ก (น้ำหนัก 1.1-1.2 กิโลกรัม)

จึงกล่าวได้ว่าส้มโอทับทิมสยามจะเป็นผลไม้ที่มีอนาคตสดใสอีกชนิดหนึ่งของไทย คาดว่าราคาดีน้องๆ ทุเรียนซึ่งมีแต่จะแพงขึ้นทุกปี


ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก

รศ.ดร.บุญยงค์ เกศเทศ

คุณไพศาล บุษรานุวงศ์

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!