เรื่องไมโครเวฟ: อย่าตื่นตูมแล้วกระต๊าก
“หนูมีเรื่องข้องใจเกี่ยวกับไมโครเวฟมาก ว่าใช้แล้วเป็นอันตรายแก่ร่างกายจริงเหมือนที่เขาแชร์กันไหม และญี่ปุ่น อเมริกา ก็ห้ามใช้…”
ตอบครับ
จดหมายของคุณเป็นจดหมายแบบตื่นตูมแล้วกระต๊ากซึ่งเป็นนิสัยคนใช้เน็ตจำนวนหนึ่ง จึงยังมีคนหากินทางปั่นยอดผู้ชมด้วยการกุเรื่องที่ไม่เป็นจริงขึ้น รวมทั้งเรื่องไมโครเวฟที่คุณไปอ่านเจอนี้ด้วย แต่ไหนๆ คุณก็หยิบยกประเด็นไมโครเวฟขึ้นมาแล้ว ผมขอใช้โอกาสนี้ให้ข้อมูลวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับไมโครเวฟเพื่อท่านผู้อ่านเลือกนำไปใช้ประโยชนได้บ้างนะ
- คลื่นไมโครเวฟเป็นคลื่นวิทยุซึ่งไม่ทำให้เป็นมะเร็ง
คลื่นไมโครเวฟเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หมายความว่ามันก่อสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กขึ้นในพื้นที่ที่มันวิ่งไป แต่ตาคนเรามองเห็นคลื่นนี้ส่วนหนึ่งและวิทยุสามารถรับคลื่นนี้ได้อีกส่วนหนึ่ง บางทีจึงเรียกว่าคลื่นวิทยุ (radio frequency, RF) คลื่นชนิดนี้ไม่ทำให้เป้าแตกตัวเป็นอิออน (non-ionizing radiation) จึงไม่มีพลังงานมากพอที่จะไปกระแทกอิเล็กตรอนให้หลุดจากอะตอมของอาหารเหมือนอย่างรังสีเอ็กซ์ซึ่งรู้กันดีแล้วว่าทำให้เซลล์เป้าหมายกลายเป็นมะเร็งได้ แต่คลื่นวิทยุไม่มีพิษสงอย่างนั้น และตั้งแต่ใช้งานเมื่อปี 1971 ซึ่งผ่านมา 50 ปีแล้ว ก็ไม่เคยมีหลักฐานแม้แต่ชิ้นเดียวว่าคลื่นไมโครเวฟจะทำให้อาหารกลายเป็นสารก่อมะเร็งได้
- การทำอาหารด้วยไมโครเวฟดีกว่าการต้ม
คลื่นไมโครเวฟทำให้อิเล็กตรอนในโมเลกุลน้ำในอาหารเกิดสั่นสะเทือนกลายเป็นความร้อนขึ้น อาหารจึงสุกแบบสุกในเนื้อของอาหารส่วนที่มีโมเลกุลของน้ำอยู่ เนื้ออาหารส่วนที่อยู่ใกล้ผิวนอกจะได้รับคลื่นมากกว่าและสุกเร็วกว่าเนื้ออาหารส่วนใน อาหารยิ่งมีน้ำมากก็ยิ่งสุกง่าย อาหารที่สุกแล้วด้วยความร้อนก็แค่สุกเหมือนถูกต้มหรืออบ จะไม่มีกัมมันตรังสีหรือสารใดๆ ตกค้างบนอาหาร และไม่มีการเปลี่ยนคุณค่าทางอาหาร ในทางกลับกันการปรุงสุกด้วยไมโครเวฟจะสงวนคุณค่าทางอาหารได้ดีกว่าการต้ม เพราะไม่เสียวิตามินชนิดละลายน้ำได้ไปกับน้ำและอาหารถูกความร้อนเป็นระยะเวลาที่สั้นกว่า
- ระวังการบาดเจ็บจากไมโครเวฟ
อันตรายของไมโครเวฟคือความร้อน การบาดเจ็บจากถูกน้ำร้อนหรืออาหารร้อนกระเด็นไหม้มือและใบหน้าเกิดขึ้นได้บ่อยขณะใช้ไมโครเวฟ เพราะน้ำที่เดือดจากไมโครเวฟมีความร้อนสูงและเดือดปุดๆ มากกว่าการใช้วิธีต้ม นอกจากนั้นการไม่ระวังหรือเผลอใส่โลหะเข้าไปในเตาไมโครเวฟก็จะทำให้เกิดความร้อนจากการที่คลื่นสะท้อนไปมาเพราะโลหะนั้นมากขึ้น
อวัยวะที่อ่อนไหวต่อไมโครเวฟมากที่สุดคือลูกตาและลูกอัณฑะ ใช่แล้ว ลูกอัณฑะสำหรับผู้ชายตัวสูงที่ชอบเดินแกว่งๆ อยู่หน้าไมโครเวฟ (ฮิๆ พูดเล่น) เพราะอวัยวะทั้งสองนี้คือเลนส์ตากับลูกอัณฑะมีเส้นเลือดไปเลี้ยงน้อย เมื่อโดนความร้อนแล้วจะระบายความร้อนได้ช้า ผลคือถ้าเป็นตาก็กลายเป็นต้อกระจก ถ้าเป็นอัณฑะก็เป็นหมัน
คอลัมน์: สุขภาพ เรื่อง: นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์