แว่นขยายสองยี่ห้อ

-

แว่นขยายสองยี่ห้อ

 

สมจิตพกแว่นขยายพิเศษออกจากบ้านแต่เช้า เขามองผ่านแว่นขยาย แลเห็นรถติดยาวเหยียดไม่สิ้นสุด เห็นผู้คนหน้าตาเคร่งเครียด เขารู้สึกหดหู่ เบื่อชีวิต

แต่ในโลกจริงที่ไม่มองผ่านแว่นขยายพิเศษ การจราจรเช้าวันนั้นก็เหมือนทุกวัน ไม่ได้ติดหนักอย่างที่เขาเห็น ท้องฟ้าก็สดสว่าง นกก็ร้องเพลงตามปกติ แต่เมื่อมองผ่านแว่นขยายพิเศษ สมจิตไม่เห็นภาพด้านสดใส

สมใจออกจากบ้านพร้อมแว่นขยายพิเศษ เมื่อไปถึงที่ทำงาน มองผ่านแว่นพิเศษ เห็นเจ้านายกำลังเขม่นเขา เตรียมไล่เขาออก มองไปที่เพื่อนร่วมงาน ก็เห็นเพื่อนร่วมกำลังนินทาเขา เขาไม่มีความสุข เกลียดทุกนาทีที่ทำงานในบริษัทนี้

ทว่าในโลกจริง ทุกคนในบริษัทก็ทำงานตามปกติ เจ้านายไม่ได้คิดหาเรื่องไล่เขาออก ไม่มีใครนินทาสมใจแต่อย่างใด

ทั้งสมจิตและสมใจมองโลกผ่านแว่นขยายพิเศษ มันเป็นแว่นขยายไร้ตัวตน ฝังอยู่ในหัวเราเอง แว่นขยายชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษ ทำให้ภาพที่เห็นบิดเบี้ยว เห็นปัญหาเล็กเป็นปัญหาใหญ่กว่าจริง แว่นขยายนี้เปลี่ยนท้องฟ้าสดสว่างเป็นฟ้ามืดหม่น มองสายรุ้งเห็นเป็นไส้เดือน มองเมฆขาวเป็นเมฆดำ

แว่นขยายพิเศษนี้เรียกว่าแว่นอปัญญา

ด้วยแว่นขยายพิเศษนี้ เราเห็นมดเท่าหนู เห็นหนูเท่าช้าง เห็นช้างเท่าไดโนเสาร์ เห็นรอยยิ้มเป็นหน้าบึ้งตึง

ทว่ามันเป็นแว่นขยายยอดฮิตที่คนจำนวนมากพกติดตัว บางคนพกบางเวลา บางคนพกตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

 

……………

 

สิ่งที่ไม่สบอารมณ์ที่ประดังเข้ามาตลอดชีวิตของเราก็เหมือนน้ำในแม่น้ำ มันไหลมาตลอดเวลา ไม่สิ้นสุด มองป่านแว่นอปัญญา ก็เห็นมันเป็นสายน้ำโคลน

ทางพุทธสอนว่าปัญหาใดๆ ในโลกเกิดจากการปรุงแต่ง คือการใช้ความคิดเราไปจับสิ่งที่พบเห็น แล้วปรุงแต่งในจิตเป็นอารมณ์ เป็นทุกข์ขึ้นมา

บางคนปรุงแต่งมันเป็นปัญหา แล้วปรุงแต่งอีกทอดหนึ่งให้เป็นทุกข์

ขนาดของปัญหาจะใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับการปรุงแต่ง

ถ้าปรุงแต่งให้ใหญ่ มันก็ใหญ่ ปรุงแต่งให้เล็ก มันก็เล็ก ไม่ปรุงแต่งเป็นปัญหา มันก็เป็นแค่เรื่องคาหัว ไม่คาใจ

คำว่า “ปรุงแต่ง” จึงเป็นคำสำคัญ

เครื่องมือปรุงแต่งก็คือแว่นขยายยี่ห้ออปัญญา

มองภาพปัญหาไม่ตามที่เป็นจริง

จิตมนุษย์มีความสามารถพิเศษในเรื่องแย่ๆ เช่นกัน มันสามารถกลายเป็นแว่นขยายอปัญญาได้โดยอัตโนมัติ

คนจำนวนมากเห็นปัญหาใหญ่เกินจริงแล้วระบายออกด้วยการบ่น คนได้ยินก็หงุดหงิด

เศรษฐกิจอาจไม่ดีนัก แต่เมื่อใช้แว่นขยายส่องดู ก็รู้สึกว่ามันเลวร้ายมากจนกลัดกลุ้ม เมื่อบอกคนอื่นก็มักขยายความใหญ่ของปัญหา คนที่ได้ยินเราพูดแล้ว หากมองด้วยแว่นขยายอปัญญา ก็ยิ่งไปกันใหญ่

งานที่ทำอาจเยอะ ใช้แว่นขยายส่องดู มันก็เหมือนภูเขาเลากา มากกว่าที่เป็นจริง

เมียบ่น เมื่อใช้แว่นขยายส่องดู ก็รู้สึกหนัก พาลทำให้มองแต่ด้านไม่ดีอื่นๆ ของเธอ ยิ่งขยายปัญหาให้ใหญ่ ให้เป็นทุกข์

ดังนั้นอย่าพกแว่นขยายยี่ห้ออปัญญา

มองด้วยสายตาที่เป็นจริง วิเคราะห์ขนาดของปัญหาตามที่เป็นจริง

เรามองโลกได้อย่างน้อยสองมุมเสมอ

ทางพุทธก็มีแว่นขยายพิเศษเช่นกัน แว่นขยายนี้เรียกว่า ปัญญา เมื่อมองโลกด้วยแว่นปัญญา ก็จะเห็นโลกตามจริง ว่ากันตามความเป็นจริง

หากมองโดยมีสติกำกับ ก็ยากที่จะเกิดทุกข์จากสิ่งที่เห็น

สิ่งแรกที่ควรทำคือ ทิ้งแว่นขยายยี่ห้ออปัญญาไปเสีย แล้วเปลี่ยนมาใช้ยี่ห้อปัญญาแทน


วินทร์ เลียววาริณ

winbookclub.com

เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/winlyovarin/

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!