‘หนึ่ง’ ณัฐพงษ์ งามสง่า อัศวินของเหล่าสี่ขา

-

“เดิมเคยมีป้ายเขียนว่าห้ามให้อาหารหมา มีคำสาปแช่งคนให้ด้วย ก็ผ่อนปรนให้ได้ แค่อยู่ในจุดที่เหมาะสม เลยเป็นวิธีที่ไม่มีดราม่า ในเมื่อเรามีเมตตาต่อสัตว์ ก็ต้องมีเมตตาต่อมนุษย์ร่วมโลกด้วยเช่นกัน ถ้าเรามัวแต่ถกเถียงกันก็ไม่ทำให้หมาจรจัดหยุดท้องได้ แล้วมานั่งเถียงกันทำไม”

หนึ่งในกรณีพิพาทซึ่ง ‘หนึ่ง’ ณัฐพงษ์ งามสง่า เจ้าของเพจอัศวินหมาดำ เข้าไปเกี่ยวข้องจนเขากลายเป็นอัศวินของหมาจรจัด เมื่อวันดีคืนดี ตลาดร่มหุบแห่งแม่กลองที่เขาอาศัยอยู่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวมีชื่อ เกิดการประชุมถกเถียงกันถึงเรื่องหมาจรจัด

“มีข้อถกเถียงกันว่าถ้าหมาจรจัดกัดนักท่องเที่ยวจะทำยังไง ผมก็คิดว่าถ้าปล่อยให้หน่วยงานราชการทำกันเองคงโดนจับไปปล่อยที่อื่น ซึ่งไม่ใช่การแก้ไขที่ถูกต้อง ผมจึงไปคุยกับคนที่ให้ข้าวให้น้ำหมาเหล่านี้ว่า ถ้ามีปัญหาอะไร มาร่วมกันแก้ ไม่ใช่หนี ทำให้เป็นระบบ เลยลงมือทำตั้งแต่จับทำหมัน ฉีดวัคซีน ใส่ปลอกคอแบ่งสีให้รู้ว่าเป็นมิตรหรือดุ คนเห็นจะได้ระวัง พอพาเข้าโครงการ ‘สุนัขชุมชนแม่กลอง’ จนถึงตอนนี้ได้ผลตอบรับที่ดี ปัจจุบันจำนวนหมาในโครงการลดน้อยลง ผมไม่ดีใจถ้ามีหมาใส่ปลอกคอแบ่งสีเดินเต็มตลาดแม่กลอง เพราะเราทำโครงการนี้เพื่อคุมประชากร พอเขาตายจากไป จำนวนก็ต้องลดลง ถ้าวันหนึ่งไม่มีหมาในตลาดเลย คือความสำเร็จครับ”

สังคมไทยกับความใจบุญ

“การเมตตาดีนั้นดีแน่ แต่ไม่ควรทำให้ใครเดือดร้อน บางทีมีการทะเลาะกันเองของชาวบ้าน หรือหน่วยงานกับชาวบ้าน เกิดจากทั้งสองฝ่ายไม่ยอมเปิดใจคุยกัน ก็ทำให้แก้ปัญหาไม่ได้ ผมจะลงไปช่วยคุยกันให้เข้าใจ ไปอย่างเป็นมิตร อย่างให้อาหารสัตว์จรจัด ก็จะอธิบายว่าให้ได้นะ แค่ขอมีจุดที่ตกลงกันว่าจะให้ตรงไหน จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่น และผมใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักพี่ที่ให้ข้าวหมา ยืมมือเขาเวลาต้องการจับหมาตัวนั้นทำหมัน หรือฉีดยา เพราะถ้าเป็นหน่วยงานราชการหรือตัวผมคงจับหมาตัวนั้นยาก แต่ถ้าเป็นคนให้ข้าว หมาจะยอม บางคนมาบอกช่วยหาบ้านให้ลูกหมาหน่อย ผมจะว่าเลยนะ ทำไมไม่โทร.มาก่อน จะได้ทำหมัน ก็ไม่เกิดลูกหมาเพิ่ม

“เท่าที่ผมเจอร้อยละ 80 ของหมาที่ติดพิษสุนัขบ้า จะเป็นตัวผู้ที่ไม่ได้ทำหมัน โรคนี้ไม่ได้เกิดจากอากาศร้อนอย่างที่คนเข้าใจผิด แต่เกิดจากไวรัส เหมือนเชื้อซอมบี้ ที่ติดต่อผ่านสารคัดหลั่งของเขา และไม่แสดงอาการในทันที เราจะไม่รู้เลยว่าตัวนี้ติดเชื้อหรือเปล่า อากาศร้อนแค่กระตุ้นความหงุดหงิด ทำให้อาละวาดขึ้นมา จริงๆ เกิดได้ทุกฤดู จึงอันตราย”

กำลังใจในยามทุกข์

“เวลาเหนื่อยหรือรู้สึกแย่ ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไป จะเจอหมาที่ผมเคยช่วยเอาไว้ หรือเจอบางตัวที่ไม่คิดว่ายังมีชีวิตอยู่ ผมก็มีความสุขละ ผมหาความสุขไม่ยาก หาได้จากเจ้าพวกนี้แหละครับ พอเราทำความดี คนก็เมตตา เวลาไปไหนก็สบายใจ คนก็รักเอ็นดู มีคนให้ขนมให้ผลไม้ บางทีดีเกินไปคนก็เพ่งเล็ง แต่ผมทำจนเขาเห็นว่าทำต่อเนื่องจริงๆ ผมเข้าใจนะ เพราะอาจจะมีคนไม่ดีแอบแฝงเข้ามาได้ เลยต้องใช้เวลาพิสูจน์ ตอนที่ผมยังเอารูปตัวเองพร้อมเบอร์ติดต่อห้อยคอหมาจรจัด วันหนึ่งมีคนโทร.มาบอกว่ามีหมาโดนรถชน แล้วเขาไม่รู้ว่าจะแจ้งใคร บังเอิญเจอเบอร์ติดต่อหลังรูป ก็โทร.มาให้ช่วยหน่อย บางคนมองว่าเป็นเรื่องตลก แต่วิธีนี้ช่วยหมาได้จริง หรืออย่างมีหมาตกใจเสียงพลุวิ่งเตลิดหายไป จนมีคนไปเจอ ก็โทร.มาตามเบอร์หลังรูป ผมก็ขับรถไปรับนำกลับมาส่งที่เดิม สิ่งที่ผมตั้งใจทำและตั้งใจรับผิดชอบ ก็ช่วยพวกนั้นได้จริง”

สู่การส่งต่อให้สังคม

“มีคนมาขอรายละเอียด ‘โครงการสุนัขชุมชน’ เอาไปทำตามในชุมชนเขาเองอยู่ครับ ผมเองคอยให้คำแนะนำ พอเขาทำได้สักเคส ก็ทำต่อไปได้เรื่อยๆ ผมภูมิใจนะ แล้วสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ อยากขยายกระจายไปให้มากขึ้น เพื่อเป็นตัวอย่างแก่คนอื่นๆ ได้ทำตาม การทำแบบนี้ไม่ต้องเข้าศูนย์พักพิง แต่สามารถควบคุมปริมาณได้ ด้วยการทำหมัน ฉีดวัคซีน โดยใช้เงินงบประมาณไม่เยอะ ไม่ต้องสร้างอาคารโรงเรือน ถ้าเราทำหมันให้หมาในชุมชมตัวเองเรียบร้อย ก็เท่ากับกั้นไม่ให้หมาถิ่นอื่นเข้ามา หมาก็ไม่เพิ่มปริมาณ และค่อยๆ ลดลงตามอายุขัยเอง”

ทุกวันนี้คุณหนึ่งยังคงเดินหน้าช่วยเหลือเหล่าสี่ขาพร้อมทั้งผู้คนรอบข้างด้วยใจที่รักและหวังดี ไม่ว่าสถานที่นั้นจะลำบากยากเย็นแค่ไหน ก็ยังคงพร้อมเข้าไปช่วย สมเป็นอัศวินตัวจริง


คอลัมน์: ยุทธจักร ฅ.ฅน เรื่อง: มาศวดี ถนอมพงษ์พันธ์

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!