สำหรับดาราบางคนโอกาสในการก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงก็เกิดขึ้นอย่างจับพลัดจับผลู แถมยังโด่งดังในชั่วข้ามคืนอย่างเหลือเชื่อ เหมือนชะตาฟ้าลิขิตให้เป็นดาว แต่สำหรับบางคนกลับต้องผ่านบททดสอบ ต้องอาศัยความมานะอดทน พิสูจน์ฝีมือก่อนจนได้รับการยอมรับ เช่นเดียวกับ ‘ฟลุ้ค’ ณธัช ศิริพงษ์ธร นักแสดงหนุ่มหน้าหวาน เข้าวงการและโด่งดังจากการแสดงซีรีส์วาย ผลงานสร้างชื่อได้แก่ พี่ชาย My Bromance, ด้ายแดง นอกจากนั้นฟลุ้คยังฝากผลงานไว้หลายแนว เช่น มอญซ่อนผี, ตีสาม คืนสาม 3D, หลวงพี่แจ๊ส 5G, วัยแสบสาแหรกขาด โครงการ 2 และผลงานล่าสุดกับบทบาทเด็กวัยรุ่นเพศที่สามซึ่งมีปัญหากับครอบครัวจนหันไปพึ่งยาเสพติดใน เสียดาย 2020
ตลอด 7 ปีในวงการบันเทิงฟลุ้คผ่านการแสดงทั้งภาพยนตร์ หนังสั้น ละคร ซีรีส์ สร้างชื่อเสียงกลายเป็นที่รักของแฟนคลับจนมีชื่อติดเทรนด์ทวิตเตอร์ มีแท็คประจำตัวอย่าง #เจ้าแก้มก้อน และมีคู่จิ้น โอห์ม-ฟลุ้ค แต่ทั้งหมดนั้นไม่ได้มาง่ายๆ เด็กหนุ่มจากลำพูนคนนี้ทุ่มสุดตัวให้แก่ความฝัน เขาเลือกย้ายโรงเรียนกลางเทอมม.5 เพื่อเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ กลายเป็นเสาหลักของครอบครัวตั้งแต่ยังเด็ก ล่าฝันบนถนนบันเทิงจนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในที่สุด วันนี้ของฟลุ้คจึงพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้สำเร็จเพราะโชคช่วย
“ฟลุ้คมองเห็นโอกาสมากกว่า”
ฟลุ้คเล่าถึงวัยเด็กของตนเองว่าพื้นเพเป็นคนลำพูน โตมากับครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้างกันแต่เด็ก คุณย่าจึงเป็นผู้เลี้ยงดูจนเข้ามัธยม ซึ่งเป็นช่วงวัยรุ่นและเริ่มดื้อเกินกว่าคุณย่าจะรับมือไหว จึงย้ายมาอาศัยกับพ่อและแม่เลี้ยงแทน แม้ไม่ได้เติบโตในครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ฟลุ้คก็ไม่รู้สึกขาด เพราะพ่อและแม่เลี้ยงมอบความรักให้เขาเต็มที่ ทั้งสองยังสนับสนุนเส้นทางนักแสดงของเขา ฟลุ้คเข้าวงการบันเทิงโดยมีผู้ชักชวนให้ไปแคสติ้งภาพยนตร์ และผ่านการทดสอบได้รับเลือก และมีผลงานตามมาอีกหลายชิ้น ด้วยความไม่สะดวกในการเดินทางไปกลับลำพูน-กรุงเทพฯ ฟลุ้คตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเดิมแล้วย้ายมาเรียนกรุงเทพฯ เพื่อมุ่งมั่นกับการทำงานมากขึ้น และการตัดสินใจครั้งนั้นถือเป็นก้าวสำคัญของเขา
“ถามว่าตัดสินใจยากไหม ฟลุ้คมองเห็นโอกาสมากกว่า ณ ตอนนั้นฟลุ้คเซ็นสัญญากับบริษัทหนึ่ง มีงานที่ต้องถ่ายต่อเนื่อง แล้วเราอยู่ต่างจังหวัดต้องเดินทางมากรุงเทพฯ ทุกอาทิตย์ ค่าใช้จ่ายสูง สู้เรามาเช่าบ้านที่กรุงเทพฯ น่าจะดีกว่า เพราะที่นี่เราพอมีญาติพี่น้องอาศัยอยู่ด้วย ตอนแรกฟลุ้คจะมาอยู่กับญาติ แต่ไปๆ มาๆ พ่อกับแม่เขาห่วงเราเพราะเป็นลูกคนเดียวด้วย เลยตัดสินใจย้ายมาพร้อมกับผม ตอนย้ายมาแรกๆ ค่อนข้างกดดันเหมือนกันนะครับ พ่อกับแม่ต้องออกจากงานมาเริ่มต้นใหม่ที่กรุงเทพฯกับเรา จะทำงานอะไรล่ะ พ่อชอบค้าขาย เปิดร้านอาหารไหม ส่วนแม่เลี้ยงเคยเป็นพนักงานออฟฟิศ ก็ต้องมาหางานใหม่ เราจึงกลายเป็นเหมือนเสาหลักครอบครัว ดูแลค่าใช้จ่ายในบ้าน ล้มลุกคลุกคลานพอสมควรเลยตอนนั้น เพราะกรุงเทพฯ อย่างที่รู้ค่าครองชีพค่อนข้างสูง เป็นช่วงลำบากนิดหน่อย แต่เราก็ทำงานไป ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเสียโอกาสอะไร”
“ทุกอย่างคือผลจากการกระทำ”
เริ่มต้นด้วยงานการแสดง แล้วจูนกับการแสดงติดตั้งแต่แรกเลยรึเปล่า “ก็ชอบตั้งแต่แรกนะครับ อาจเพราะฟลุ้คเจอสังคมที่ดีด้วย เจอเพื่อนๆ พี่ๆ ทีมงานน่ารัก เลยรู้สึกสนุกกับการทำงาน แต่กว่าจะมาเป็น ‘ฟลุ้ค’ ณธัช อย่างทุกวันนี้โดนด่าโดนตำหนิมาเยอะเหมือนกัน เวลาเราเล่นไม่ได้ก็โดนผู้กำกับติเพื่อก่อ แต่ไม่ได้รู้สึกท้อ เรามีวันนี้ได้เพราะคำตักเตือน” อะไรคือ passion ที่กระตุ้นให้ยังอยากทำต่อไปโดยไม่รู้สึกท้อ เราถามฟลุ้ค “อืม…พอเราโดนดุก็นอยด์นะครับ แต่พอเห็นผลงานแล้วมีคนชอบ มีคนพูดถึงก็เป็นกำลังใจ ขอยกตัวอย่างภาพยนตร์ ตีสาม คืนสาม 3D เรื่องนั้นฟลุ้คโดนดุเยอะพอสมควร ด้วยความที่เป็นคอเมดี้ซึ่งเราไม่ถนัด พอวันฉายรอบสื่อมวลชน ได้เห็นผลงานก็รู้สึกหายเหนื่อย คุ้มว่ะ แล้วได้คุยกับผู้กำกับตอนเข้าห้องน้ำ ผู้กำกับที่ดุๆ โหดๆ มาตลอด ชมเรา ให้กำลังใจเรา วันนั้นเข้าใจเลยว่า ทุกอย่างคือผลจากการกระทำ เราต้องขยันและตั้งใจให้มากกว่านี้ ไม่อยากเป็นตัวถ่วงของใคร”
บทบาทที่ยากที่สุดสำหรับฟลุ้คคือบทไหน เราถามในประเด็นงานแสดงต่อ “ณ ตอนนี้เป็นเรื่องด้ายแดงฮะ ทำไมถึงไม่เลือกเสียดาย 2020 ที่ดราม่าทั้งติดยาและมีปัญหาชีวิต อารมณ์และบรรยากาศของซีรีส์หม่นเทาก็จริง แต่มันมีที่มาที่ไป มีการไล่ระดับอารมณ์ แต่สำหรับด้ายแดง บางทีเข้าซีนต้องร้องไห้เลย เป็นการร้องไห้โดยไม่มีเรื่องราว ตัวละครอยู่ๆ น้ำตาไหล ฉันเศร้าแต่ไม่รู้ทำไม ตื่นมาก็ร้องไห้ สำหรับฟลุ้คการร้องไห้โดยไม่มีสิ่งกระตุ้นนั้นยาก ก่อนมาเล่นด้ายแดง คนมักคิดว่าฟลุ้คเล่นดราม่าเก่ง แต่ฟลุ้คประเมินตัวเองว่าไม่เก่งเลย เราไม่รู้จะร้องไห้ยังไงให้น้ำตาออกมาเยอะขนาดนั้น”
แล้วฟลุ้คใช้วิธีการอะไรในการเข้าถึงบทบาทและสื่ออารมณ์ออกมาได้ “บางคนบอกให้นึกถึงเหตุการณ์ในชีวิตจริงที่ทำให้ร้องไห้ แต่ชีวิตจริงเป็นคนร้องไห้ยาก เสียใจก็ไม่ค่อยร้อง จะร้องเฉพาะตอนดูซีรีส์ ซึ่งมีแค่บางเรื่องเท่านั้น ฟลุ้คเลยไปอ่านฉบับนิยายเพื่อให้อินกับตัวละคร ทว่าพอไปอยู่หน้ากองก็ยังยากอยู่ ทีมงานทุกคนจ้องมาที่เรา รอน้ำตาเราไหลอย่างเดียว ยิ่งเครียดและกดดัน ก็ต้องสารภาพว่าคิวแรกเล่นไม่ได้หรอก ประมาณคิวที่สามที่สี่เริ่มรู้ว่าต้องทำยังไง ซีนที่เป็นเหมือนเปิดก๊อกน้ำตาของเราคือซีนสุดท้ายที่พี่ดีนสวมแหวนให้น้องภาม ซีนนั้นอินมาก คิดว่าเป็นภามไปแล้ว นี่คือความรักตั้งแต่ชาติที่แล้ว สุดท้ายได้แต่งงาน ร้องแบบไม่ต้องบิลท์เลย และทำให้เราจับจุดการเล่นดราม่าได้จากเรื่องนี้ แค่เราอินไปกับตัวบท เห็นภาพตัวละครให้ชัด ทั้งนี้ต้องใช้สมาธิสูงพอสมควร”
นอกจากบทที่ยากแล้ว บทที่ฉีกตัวตนที่สุดของฟลุ้คคือบทบาทไหน “น่าจะเป็นบทบาทใน มอญซ่อนผี กับ ตีสาม คืนสาม 3D เราเล่นเป็นเด็กต่างด้าว ต้องไปเรียนวิธีออกเสียงพูดกับคนมอญจริงๆ เขาพูดไทยไม่ชัด สมมติคำว่า ‘มึง’ ก็เป็น ‘มึน’” ส่วนบทที่ชอบและเป็นอันดับหนึ่งในใจ ณ เวลานี้ฟลุ้คยกให้ ‘ภาม’ ใน ด้ายแดง “นับว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเราในตอนนี้ เราเต็มที่ มันคือสุดความสามารถของเราขณะนี้แล้ว ถ้ามีโอกาสก็อยากเล่นดราม่าหนักๆ อีก อะไรที่เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เคยตกหล่นหรือเก็บไม่หมด ก็อยากแก้ไขในผลงานถัดไป” สำหรับบทบาทในฝันที่อยากลองเล่น หนุ่มหน้าหวานอย่างฟลุ้คอยากลองโชว์ด้านร้ายๆ ให้คนดูได้เห็นบ้าง “ปกติจะเป็นคนดี น่าสงสาร จนใครต่อใครคิดว่าฟลุ้คเป็นคนนุ่มนวลอ่อนหวาน เพราะบทนายเอกแคแรกเตอร์เป็นแบบนั้น เลยอยากลองบทร้ายๆ โรคจิตนิดหน่อย น่าจะท้าทายดี”
บทบาทที่ฟลุ้คแสดงเกือบทั้งหมดเป็นเพศที่สามหรือบอยเลิฟ ซึ่งจะกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ติดตัวและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาต่อในอนาคตหรือไม่ เราถามเขาถึงความกังวลในเรื่องนี้ “ฟลุ้คยินดีที่มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของวงการบอยเลิฟ และฟลุ้คมองว่าบทหรือนิยายแนวบอยเลิฟปัจจุบันมีหลากหลายแนวไม่ต่างจากละครหรือซีรีส์ชายหญิงทั่วไป บทนายเอกก็มีแคแรกเตอร์ที่แตกต่างกันในแต่ละเรื่อง และต่างประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เดี๋ยวนี้หันมาทำซีรีส์แนวนี้เหมือนกัน ยิ่งขยายให้วงการนี้มีผลงานหลายแนวขึ้น และด้วยความที่ฟลุ้คเป็นผู้ชายตัวเล็ก ถ้าให้ไปเล่นเป็นผู้ชาย ปกป้องผู้หญิงคงไม่ไหว ดูทรงแล้วไม่น่าปกป้องใครได้ อย่างไรก็ดี ฟลุ้คไม่ได้มองว่าความตัวเล็กของตัวเองคือจุดอ่อน ดีด้วยซ้ำที่เรายังสามารถรับบทเด็กวัยรุ่นได้แม้อายุเราจะเลยวัยไปแล้ว”
สิ่งที่ทำให้หนุ่มหน้าหวานคนนี้ไม่รู้สึกจำเจแม้จะรับบทนายเอกหรือเพศที่สามมาไม่น้อยก็คือการลงลึกถึงรายละเอียดของแต่ละแคแรกเตอร์ที่แสดง “ฟลุ้คต้องทำการบ้านว่าตัวละครแต่ละตัวมีแบ๊คกราวด์ชีวิตแตกต่างกันยังไง เราเป็นคนค่อนข้างละเอียดกับตัวละคร ต้องศึกษาข้อมูล ถ้ามีฉบับนิยายก็ต้องไปหาอ่านเพื่อรู้เนื้อหาโดยรวม เพราะส่วนมากผู้ประพันธ์มักใส่ชีวิตเบื้องหลังของตัวละครไว้ แต่บางครั้งเขาไม่ได้บอกตรงๆ เราต้องอาศัยการตีความเพื่อหาว่าตัวละครนั้นมีความชอบแบบใด ชอบกินอะไร ชอบสีอะไร ชอบเที่ยวที่ไหน อาศัยอยู่กับใคร ยิ่งละเอียดก็ยิ่งเพิ่มความอินในตัวละครนั้น และสามารถสร้างตัวละครที่มีแคเรกเตอร์แตกต่างกัน
“พูดกันตามตรงฟลุ้คเป็นคนไม่ชอบอ่านนิยายมาก่อน เมื่อก่อนไม่อ่านหนังสือเลย เพิ่งมาอ่านตอนเล่นด้ายแดง สารภาพตามตรงว่าตอนแรกจะไม่อ่านด้วยซ้ำ (หัวเราะ) กะว่าจะไปแคสต์ฯ แบบลักไก่ ขี้เกียจอ่าน ไว้ค่อยไปอ่านบทเอา แต่สุดท้ายเปลี่ยนใจ ลองอ่านดูก็ได้ พออ่านแล้วติดใจเลยฮะ มันสนุก มีเสน่ห์ และเป็นที่มาของการหานิยายวายเรื่องอื่นๆ มาอ่านด้วย ยิ่งเราเป็นนักแสดง พออ่านแล้วเราจะจินตนาการว่าตัวเองเป็นตัวละครนั้นๆ เมื่อได้มาเล่นจริงก็ยิ่งอินหนักกว่าเดิม เราเลยชอบอ่าน”
โดยทั่วไปประสบการณ์ทำงาน 7 ปี ถือว่ามีความชำนาญในสายงานนั้นๆ พอควรแล้ว สำหรับฟลุ้ค 7 ปีในวงการบันเทิง ผ่านงานแสดงซึ่งเป็นสิ่งที่เขาถนัดสุด งานร้องเพลงซึ่งเจ้าตัวเพิ่งค้นพบความชอบด้านนี้ และการเต้นที่นับว่าท้าทายอย่างมาก จนนักแสดงหนุ่มตกผลึกว่านี่แหละคืองานที่เขารักอย่างแท้จริง และจะไม่ทิ้งวงการนี้ “แม้ไม่ได้อยู่เบื้องหน้าก็อยากผันตัวไปทำเบื้องหลัง ตอนนี้วางแผนคร่าวๆ ถ้าจังหวะดีๆ อยากเรียนต่อปริญญาโท สาขานิเทศศาสตร์ เผื่ออนาคตมีโอกาสได้ทำเบื้องหลังฮะ
“จริงๆ แล้วเรามีความฝัน เราอยากให้วงการบันเทิงไทยก้าวหน้าทัดเทียมฮอลลีวู้ดหรือนานาชาติ เราอยากให้ต่างชาติเห็นว่าวงการไทย นักแสดงไทย ทีมโปรดักชั่นไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่แค่มีข้อจำกัดบางอย่างเช่นเงินทุนหรืออะไรก็แล้วแต่ ณ เวลานี้สิ่งที่ฟลุ้คทำได้คือการพัฒนาฝีมือตัวเองให้มีความสามารถมากพอที่จะไปแข่งกับเขา อย่างน้อยก็เริ่มจากตัวเอง แล้วหวังว่าวันหนึ่งจะได้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์หรือภาพยนตร์ที่ได้ไปเผยแพร่และแสดงศักยภาพของวงการบันเทิงไทยแก่สายตานานาชาติ”
“พรุ่งนี้ต้องดีขึ้น”
แม้วันนี้ฟลุ้คจะประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง มีแฟนคลับที่รัก แต่กว่าจะเป็น ‘ฟลุ้ค’ ณธัช เฉกเช่นทุกวันนี้ก็ผ่านช่วงลำบากมามาก หากเขาไม่โชคดี หากเส้นทางนี้ไม่เป็นดังหวัง นักแสดงหนุ่มจะทำเช่นไร ฟลุ้คย้อนไปถึงวันที่ทุกหนทางยังอึมครึม “ฟลุ้คเป็นเด็กที่เคยขอเงินพ่อแม่ ต่อมาเราได้ทำงานช่วยแบ่งเบา แล้วก็กลายเป็นหัวเรือหลักดูแลค่าใช้จ่ายครอบครัว แน่นอนว่ากดดัน เราต้องแบกรับความรู้สึกของคุณพ่อคุณแม่ด้วย เขาก็เหนื่อยและท้อ บางช่วงมีลังเลว่ากลับลำพูนดีไหม ยิ่งช่วงไม่ค่อยมีงานจะรู้สึกไขว้เขว หรือเราไปเป็นอาจารย์ เป็นครู ทำงานสายนั้นเลยดีกว่า แต่สุดท้ายพ่อแม่ก็ไม่กลับ เขาอยากอยู่กับเรา เราก็พยายามมองโลกแง่บวก ปลอบใจตัวเอง ไม่เป็นไรหรอก ลองดูอีกสักตั้ง อนาคตข้างหน้าต้องดี ทุกวันนี้เป้าหมายในการทำงานคือเพื่อตัวเราและครอบครัว
“ฟลุ้คในวันนี้เข้าใจคน เข้าใจโลกมากขึ้น เราแกร่งขึ้นจนคิดว่าต่อจากนี้ถ้าเจอปัญหาใดๆ ฉันสามารถผ่านไปได้ ไม่กลัวอะไรแล้ว จึงอยากบอกถึงคนที่กำลังเจอปัญหาว่า แม้วันนี้ยังไม่ดี วันข้างหน้า พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ต้องดีขึ้น ต้องมีทางออก เราท้อได้แต่ไม่ยอมแพ้ คิดเสมอว่าพรุ่งนี้ต้องดีขึ้น แล้วตั้งใจมุ่งมั่น ขยันทำในสิ่งที่ชอบ วันหนึ่งจะเห็นว่าผลลัพธ์ของความตั้งใจนั้นออกดอกผลที่คุ้มค่ากับการอดทน”
มีความผิดพลาดไหนที่จดจำไว้เป็นบทเรียนเตือนใจในทุกวันนี้บ้าง “คงเป็นเรื่องนิสัยส่วนตัวมากกว่า เรื่องความดื้อของเราที่มีผลต่อการทำงาน บอกไม่ได้ว่าดื้อขนาดไหน แต่ก็ดื้อระดับหนึ่งเลย พอดื้อแล้วทำให้พ่อแม่เสียใจ คนรอบข้างเดือดร้อน แล้วเกิดการเม้าต่อๆ กันไป เราจึงรู้สึกว่าเป็นนิสัยที่ไม่ดีแล้ว ควรปฏิบัติตัวให้ดีจะดีกว่า ยิ่งเราอยู่ในที่แจ้ง คนรู้จักเยอะ ดังนั้นทำตัวดีย่อมดีกว่า”
ในเวลาที่เจออุปสรรค ฟลุ้คกล่าวว่าเขารักษาใจตัวเองด้วยการยึดมั่นในความดี “ฟลุ้คคิดง่ายๆ เลยนะว่า ‘ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว’ ทุกวันนี้อยู่ในวงการมีทั้งข่าวลือ ข่าวจริง ข่าวเท็จ ซึ่งอาจบั่นทอนจิตใจเรา แต่ฟลุ้คเชื่อว่าถ้าเราทำดี ต่อให้มีคนพูดในทางเสีย เราก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ต้องสน แล้วสักวันหนึ่งความจริงจะปรากฏเอง อาจช้าหน่อย แต่ไม่เป็นไร ทำดีต่อไปไม่ต้องคิดมาก” นอกจากนั้น ฟลุ้คยังมีวิธีระบายความเครียดด้วยการร้องไห้ให้สาแก่ใจ “ฟลุ้คไม่ค่อยเก็บเรื่องเศร้ามาคิดนาน ถ้าไม่ระบายให้คนสนิท ก็คุยกับตัวเอง แต่ฟลุ้คมีทริคคือการร้องไห้ ฟลุ้คบิลท์ตัวเองให้ร้องเลยครับ อาจด้วยการดูซีรีส์เศร้าๆ พอร้องเสร็จก็หาย สบายใจขึ้น เหมือนได้ปลดปล่อย แฮปปี้”
สิ่งสำคัญสามอันดับของเจ้าแก้มก้อน ได้แก่ 1.ตัวเอง 2.ครอบครัว 3.หน้าที่การงาน และแฟนคลับคืออีกสิ่งสำคัญที่สนับสนุนเขาเสมอ “ถ้าไม่มีแฟนคลับก็ไม่มีฟลุ้คในวันนี้ บางครั้งเราเจอเรื่องร้ายๆ หรือมีปัญหาข่าวไม่ดี แฟนคลับก็ติดแท็คทวิตเตอร์ให้กำลังใจ ในวันแย่ๆ สิ่งดีที่เรามีคือแฟนคลับ เขาเป็นแรงผลักให้อยากทำงานดียิ่งขึ้น อยากให้เขาภูมิใจในตัวเรา เหมือนที่อยากให้พ่อแม่และคนรอบข้างภูมิใจ ให้เขาพูดได้ไม่อายใครว่า เฮ้ย นี่คือศิลปินที่เขาตามนะ”
3 เล่มที่อยากแนะนำของ ‘ฟลุ้ค’ ณธัช
- แฮร์รี่ พอตเตอร์
ฟลุ้คเพิ่งมาอ่านเมื่อปีที่แล้ว เพราะมีคนแนะนำว่าถ้าอ่านนิยายแล้วไม่อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่ได้นะ ฟลุ้คเลยอ่านรวดเดียวจบ แต่อ่านเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ เพราะเราเรียนสาขาภาษาอังกฤษด้วย นักเขียนถ่ายทอดออกมาได้ดี อ่านสนุก เป็นเรื่องหนึ่งในดวงใจ
- The Song of Achilles
นิยายต่างประเทศ เป็นนิยายบอยเลิฟเวอร์ชั่นยุโรป เราอ่านนิยายวายของไทยแล้วจึงอยากลองอ่านของตะวันตก เล่มนี้เขาเน้นความสัมพันธ์อาคิลลิสกับเพื่อนสนิทของเขา จะเห็นว่าแนวบอยเลิฟของฝรั่งเขาไม่ยัดเยียดโมเมนต์ความจิ้นความฟินให้ตัวละคร ไม่ได้มีฉากกุ๊กกิ๊กอะไรเลย ค่อนข้างดราม่าด้วยซ้ำ เป็นเรื่องที่อ่านกี่ครั้งก็ยังชอบ
- Carry On
เป็นแนวบอยเลิฟอีกเล่ม ตัวเอกเรียนมหา’ลัยด้วยกัน เป็นรูมเมทที่ไม่ชอบขี้หน้า จนสุดท้ายได้ทำภารกิจร่วมกัน และพัฒนาความสัมพันธ์ เป็นอีกเรื่องที่อ่านสนุก
สถานที่ถ่ายทำ
Chocolate Ville
เลขที่ 23, 1-16 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร 10230
Line: @chocolateville โทร. 08 1921 2016, 08 3077 3738