ผู้คนในหนังเรื่อง Fingernails มักพูดเรื่อง ‘แบบทดสอบ’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเห็นคู่สนทนามีผ้าก๊อซพันแผลอยู่ที่นิ้ว
แบบทดสอบนี้อยู่ที่สถาบันรัก (Love Institute) ซึ่งทดสอบด้วยการถอดเล็บของคู่รักเข้าเครื่องวิเคราะห์ ผลจะออกมาเป็น % เช่น ถ้า 100% แปลว่าทั้งคู่รักกัน, 50% แปลว่าที่พยายามอยู่ฝ่ายเดียว, 0% แปลว่าไม่ได้รักกัน
แอนนาสมัครเข้าทำงานในสถาบันรัก รับผิดชอบจับคู่กับเอมีร์ พนักงานอีกคนทำหน้าที่ดูแลคู่รักที่เข้ามาทำแบบทดสอบ นอกจากทดสอบแล้วทางสถาบันรักยังมีหลักสูตรให้คู่รักผูกพันกันมากยิ่งขึ้น ด้วยการฝึกในแบบจำลองต่างๆโดยอิงหลักการวิทยาศาสตร์ (เช่น ให้จับคู่กระโดดร่มลงจากเครื่องบินเพื่อดูว่าจะยังไว้ใจคู่รักได้มากขึ้นหรือไม่ ฯลฯ) ก่อนจบการฝึกด้วยการถอดเล็บเพื่อนำไปทดสอบว่าทั้งคู่จะเป็นคู่รักที่เหมาะกันไหม
แอนนาเคยทำแบบทดสอบนี้ร่วมกับไรอัน ทั้งสองเป็นคู่รักที่อยู่กินกันมาร่วมปี ผลทดสอบในอดีตของพวกเขาเป็นบวก และชีวิตคู่ก็ดูราบรื่น แต่ในก้นบึ้งของหัวใจแอนนากลับรู้สึกถึง‘ความเหงา’ เธอไม่รู้ตัวว่าเธอกำลังมีปัญหา
เมื่อพบว่าเพื่อนของเธอที่มีแฟนแล้วยังต้องไปทดสอบซ้ำเพื่ออยากได้ความมั่นใจหลังจากเริ่มทะเลาะกับคู่ชีวิตบ่อยขึ้น แอนนาก็เลยอยากทดสอบใหม่อีกรอบ และเมื่อเธอเริ่มมีใจผูกพันกับเอมีร์ เธอก็ยิ่งรู้สึกหวั่นไหว
==
สำหรับคนดูที่เรียนวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสรีรวิทยาหรือสายการแพทย์มา อาจไม่เห็นคล้อยตามสิ่งที่หนังพยายามเชื่อมโยง เช่น การเปิดเรื่องด้วยคำโปรยตอนต้นเรื่องจากนักวิทยาศาสตร์ว่า
“สัญญาณแรกๆของปัญหาหัวใจมักพบที่เล็บ เช่น จุด การโก่งงอ หรือการเปลี่ยนสี”
หรือที่ในหนังโปสเตอร์ของสถาบันรักก็มีข้อความเขียนว่า “ปัญหาของหัวใจ มักเริ่มต้นที่เล็บ”
ซึ่งประโยคดังกล่าวเป็นความจริงหากพูดถึงโรคหัวใจ (Heart disease) แต่หัวใจทำหน้าที่เพียงสูบฉีดโลหิต ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรัก
ความรักคือเรื่องของจิตใจ (mind) ไม่ใช่หัวใจ (heart) และอวัยวะที่น่าจะเกี่ยวข้องที่สุดคือสมอง
ดังนั้นถ้ายึดมั่นตามหลักวิทยาศาสตร์ การเชื่อมโยงเรื่องเล็บกับความรักจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลย
แต่ถ้าคนดูลองมองข้ามหลักวิทยาศาสตร์ แล้วปล่อยใจไปกับการเซ็ตโลกในหนัง Fingernails ก็จะพบข้อคิดที่น่าสนใจ
====
โลกในหนัง Fingernails คือการยอมรับการมีอยู่ของสถาบันรักซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดความลังเลใจและลดอัตราหย่าร้าง (จากโปสเตอร์ของสถาบันฯ) เพราะถ้าคู่รักยังไม่แต่งงานแล้วผลทดสอบเป็นลบก็จะเลิกรากันไปก่อน ไม่ต้องสานต่อจนถึงแต่งงานแล้วหย่า แต่ถ้าผลทดสอบเป็นบวกก็จะช่วยให้คู่ที่กำลังมีปัญหากันเกิดความเชื่อมั่นแล้วอยู่ด้วยกันต่อไปได้
ข้อคิดของหนัง Fingernails คล้ายกับหนังรักแบบ Eternal Sunshine of the Spotless Mind ตรงที่มีความพยายามนำวิทยาศาสตร์มาอธิบายเรื่องรักผ่านจินตนาการแบบไซไฟ
เพียงแต่ตรรกะใน Fingernails ที่นำมาขยายความเป็นหนังรักผ่านการทดสอบเล็บดูจะโน้มนาวใจได้ยากกว่า จนชวนให้คิดว่าเป็นการหลอกลวง (hoax)
แต่หากสมมติว่า การถอดเล็บเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่แสดงผลได้ถ่องแท้จริงๆ ตามที่หนังต้องการอธิบาย การถอดเล็บก็คล้ายกับการไปพึ่งพาหมอดูหรือสายมู มันคือกิจกรรมเพื่อหา ‘คำตอบ’ ในความสัมพันธ์ปัจจุบันซึ่งเจ้าตัวกำลังลังเลหรือมีปัญหาแล้วตอบตัวเองไม่ได้
ทั้งสองกรณี (ถอดเล็บ, สายมู) แม้ต่างกรรมวิธี แต่ก็เหมือนกันตรงที่เป็นการ ‘รับรองจากภายนอก’ ให้คนที่ต้องการคำตอบในเรื่องรักเกิดความสบายใจ
==
แต่ความรักคือความรู้สึกซึ่งต้องการคำตอบจากภายในมากกว่าการรับรองจากภายนอก
นางเอกของเรื่องอย่างแอนนา อยากชวนไรอันไปทดสอบอีกรอบก็เพราะความรู้สึกบางอย่างในชีวิตคู่เปลี่ยนไป อาจแค่จืดจาง เหงา หรือหมดรักเลยคิดอยากเลิก และการที่เธอแอบทดสอบจับคู่กับเล็บของเอมีร์ ก็เพราะเธอเริ่มหวั่นไหว ใจหนึ่งอาจอยากคบหากับเขา แต่ก็ติดตรงยังอยู่กินกับไรอัน
สมมติว่าผลทดสอบกับไรอันรอบหลังได้ 0% ผลทดสอบกับเอมีร์ได้ 100% แอนนาก็บอกเลิกบอกเลิกกไรอันแล้วหันไปคบหากับเอมีร์ เพราะผลทดสอบจากการถอดเล็บก็เหมือนคำทำนายจากหมอดู ซึ่งหลายคนใช้เป็นเข็มทิศนำทางชีวิตเพราะคิดว่าเป็นคำตอบจากคนรู้จริงหรือผู้เชี่ยวชาญ และบางคนก็ใช้เป็นข้ออ้างเพื่อจะได้ไม่ต้องยอมรับความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ไม่ต้องรู้สึกผิดหากคิดอยากเลิกรา
แต่จริงแล้วคนที่รู้จักความรักอย่างลึกซึ้งและไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญในการรับรองรัก ก็คือคนทั้งคู่ที่กำลังอยู่ในความสัมพันธ์
ถ้าเพียงแต่แอนนาสำรวจใจตัวเองหรือไปปรึกษานักจิตบำบัดด้านชีวิตคู่ (แทนที่จะไปถอดเล็บ) เธอก็จะพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับไรอันมีปัญหามานานแล้ว สังเกตได้จากการที่เธอต้องโกหกเขาตลอดเรื่องการหางานใหม่ แล้วหลังจากได้งานก็ยังต้องโกหกต่อเนื่อง ซึ่งก็เหมือนกับเรื่องที่เธอเล่าให้คนอื่นฟังว่าแม้แต่เวลากินข้าว เธอก็ไม่เคยแสดงความชอบอาหารจานใดเป็นพิเศษ แต่จะยกชิ้นโปรดให้ไรอันเสมอ ไรอันเลยไม่รู้ว่าเธอชอบกินอาหารชิ้นนั้น
เมื่อความสัมพันธ์แบบไม่กล้าพูดความจริงดำรงอยู่ในชีวิตคู่ ประกอบกับความรู้สึกเหงาที่สั่งสมมานานเป็นเดือนเป็นปี ถ้าเพียงแต่แอนนายอมรับว่ากำลังมีปัญหา ก็อาจนำไปสู่การเปิดใจ หรือปรับความสัมพันธ์ หรือการบำบัดชีวิตคู่
===
ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำงานของหัวใจหรือเล็บ ความรักคือความรู้สึกซึ่งทุกคนอาจไม่เข้าใจทั้งหมด แต่หากให้เวลาและค่อยๆ ใคร่ครวญ อย่างน้อยการบอกว่า ‘รักหรือไม่รัก’ ก็คือความรู้สึกที่สามารถตอบได้โดยไม่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ
เพียงแต่ในประเด็นความสัมพันธ์ว่า ‘จะรอดหรือไม่รอด’ ก็เป็นอีกกรณี (ซึ่งอาจต้องพึ่งพาความช่วยเหลือผู้อื่น เช่น การบำบัดชีวิตคู่)
คอลัมน์: มองโลกผ่านจอ
เรื่อง: “ผมอยู่ข้างหลังคุณ”
( www.facebook.com/ibehindyou , i_behind_you@yahoo.com )
ภาพ: อินเทอร์เน็ต