กากีศรีสมร

-

 

นางในวรรณคดีเจ้าของสมญา “กากี” ลูกสาวฤษีเกิดในดอกบัว ท้าวพรหมทัตกษัตริย์กรุงพาราณสีขอนางไปเป็นมเหสี ต่อมาพญาครุฑลักพาเอาตัวนางไปสมสู่ยังวิมานฉิมพลี ท้าวพรหมทัตส่งพี่เลี้ยงนาฏกุเวรตามไปถึงวิมานครุฑ กากีพลาดท่าต้องเป็นชู้ซ้อนชู้กับนาฏกุเวรโดยไม่ตั้งใจ กระทั่งพญาครุฑจับได้ไล่ทันอุ้มนางมาคืนสามีเก่า

นั่นเป็นเรื่องราวย่นย่อจากกากีคำกลอนสำนวนเจ้าพระยาพระคลัง (หน) กวีเอกแผ่นดินรัชกาลที่ 1 แห่งมหานครอมรรัตนโกสินทร์ กากีสำนวนเจ้าพระยาพระคลัง (หน) นี้ถือเป็นนิทานคำกลอนยอดเยี่ยมในวงวรรณคดีไทย เนื้อความตอนปลายบรรยายว่า พญาครุฑอุ้มกากีไปวางไว้หน้าพระลานกรุงพาราณสีตอนใกล้รุ่ง เช้าตรู่ท้าวพรหมทัตบรรทมตื่นพบนางเข้า โต้คารมกันอยู่สักครู่ก็ตัดใจจากนาง

 

         ทุกนิเวศเขตขัณฑ์บุรีเรือง                            ถ้ารู้เรื่องจะตำหนิติฉิน

         ชอบใส่แพลอยไปในวาริน                           จึงจะหมดมลทินที่นินทา

         ดำรัสพลางสั่งเสวกามาตย์                           ก็รับราชชโยงการนาถา

         จึงนำนาฏกากีลีลามา                                ถึงท่าใส่แพแล้วลอยเอย ฯ

 

จบกากีคำกลอนสำนวนเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ความยาว 594 คำกลอน  แต่เมื่อดูจากชาติกำเนิดที่ไม่ธรรมดาของนาง ทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับชาวสวรรค์พันลึกทั้งครุฑและคนธรรพ์แล้ว นางต้องไม่ตายเพราะถูกลอยแพเป็นแน่ ความเป็นไปของนางก็ต้องไม่ยุติเพียงนั้น ต่อมาจึงมีผู้แต่งกากีคำกลอนภาคปลายต่อจากสำนวนเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ไปอีก 594 คำกลอนเท่ากับตอนต้น โดยเปลี่ยนท้ายคำกลอนที่จบเป็น “ถึงท่าใส่แพแล้วลอยไป” และเริ่มคำกลอนภาคปลายรับสัมผัสกับท้ายวรรคของภาคแรกคือ

 

   ฝ่ายอนงค์กากีศรีสมร                        ครั้นแพจรจากท่าชลาไหล

         สงัดเหงาเปล่าเนตรสังเวชใจ                        นางโหยไห้มาในท้องนัทีธาร

         จึ่งผินพักตร์ทัศนาดูปราสาท                        พิมานมาศอิศโรรโหฐาน

         แสงสุวรรณเนาวรัตน์สรัทกาล                      ชัชวาลช่อช่วงดวงมณี

 

ชะตากรรมของกากีศรีสมรยังไม่ถึงฆาต แพน้อยลอยละล่องเคว้งคว้างโดดเดี่ยวออกปากอ่าวไปกลางท้องทะเลกว้าง นายพานิชพ่อค้าสำเภามาพบเข้า สอบถามนางถึงต้นสายปลายเหตุ นางก็แต่งเรื่อง “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น”

 

         พรหมทัตที่เป็นภัสดาข้า                              เธอแหนงใจไม่มาภิรมย์ศรี

         ขอพิสูจน์ลุยลองกองอัคคี                            ท้าวไม่มีเมตตาตัดอาลัย

         จึงใส่แพลอยน้องมาท้องสมุทร                     จักให้สุดสิ้นชนม์ไม่ทนได้

         เป็นกุศลของข้าสัจจาใจ                              เทพไทช่วยสนองประคองมา

 

 

นายสำเภาผู้คร่ำหวอดในเชิงเจรจาต่อรองทางการค้า ประเมินเหตุคาดเดาสถานการณ์รู้เท่าทันเล่ห์กระเท่ห์ของกากี

 

         ชะรอยจิตนางชั่วมัวกิเลส                            ไม่จงเจตน์ชู้รักสมัครสมาน

         ลักระบอบลอบเล่นเหลือประมาณ                 มันแสนจ้านเขาจึงส่งให้คงเดิม

         พรหมทัตที่เป็นภัสดาเก่า                             จะเลี้ยงเล่ากลัวจิตจักคิดเหิม

         ไม่ควรคู่อยู่ถนอมเป็นจอมเจิม                     พยศเดิมท้าวแจ้งจึ่งแคลงใจ

         เห็นจักเป็นเช่นนี้แล้วอีเปรต                         ต้องเนรเทศลอยมาชลาไหล

         จำจักแกล้งกล่าวสนองลองฤทัย                   ให้สมใจแพศยาอันสามานย์

 

กากีอยู่ในช่วงคับขัน อย่างไรเสียก็ต้องรักตัวกลัวตายเอาชีวิตรอดไว้ก่อน จึงโอนอ่อนผ่อนตามยอมเป็นเมียนายสำเภา ในใจนางจะคิดอย่างไรนั้นสุดวิสัยที่ชาวเราจะรู้ได้ แต่ผู้แต่งท่านอ่านใจกากีศรีสมรได้ราวกับเข้าฌานเชียวแหละ

 

         สองชื่นสองชมภิรมย์จิต                              สมสนิทสมความตามประสงค์

         นางกากีปรีดิ์เปรมกระเษมทรง                     สำราญองค์อดชายมาหลายวัน

         ผัวหนึ่งชู้สามประสมสี่                                แม่กากีหล่อนเส็งเก่งขยัน

         ยังไม่พอต่อไปข้างปลายนั้น                         ยังสู่กันกับโจรสัญจรไพร

 

ลอยลำระเริงอยู่ได้เพียงข้ามคืน ครั้นรุ่งแจ้งแสงสุรีย์นายพานิชก็เข้าฝั่งแวะบวงสรวงศาลเทพารักษ์ แล้วพากากีศรีสมรกินลมชมทะเลอยู่ที่ป่าริมหาด ยังมีนายโจรห้าร้อยผ่านมาพบเข้าก็ใช้มนตร์สะกด ขโมยอุ้มกากีเข้าป่าพาไปทำเมีย ต่อมาไม่กี่วันสมุนโจรทั้ง 500 เกิดวิวาทแย่งชิงนางกากี ฆ่าฟันกันเป็นโกลาหล กากีหนีเตลิดเปิดเปิงเข้าป่ารอดไปได้ กล่าวถึงท้าวทศวงศ์กษัตริย์เมืองอไภยสาลี ออกประพาสป่าพบนางกากี สอบถามความเป็นมา นางก็ทูลว่า

 

         เยาวมาลย์ฟังสารสุนทรท้าว                        จึงแกล้งกล่าวเบือนบิดให้ผิดที่

         ว่าตัวน้องเกิดในห้องสุมาลี                          พระมุนีเลี้ยงไว้จนใหญ่มา

         ประทานนามนางเทพเกสร                          พระบิดรรักบุตรเสน่หา

         ยังไม่มีคู่ชมภิรมยา                                    อายุข้าพึ่งได้สิบหกปี

         พระนักสิทธิ์บิดาเธออาสัญ                          ได้เจ็ดวันข้าเที่ยวมาไพรศรี

 

ท้าวทศวงศ์รับหล่อนเข้าวังตั้งเป็นมเหสี ฝ่ายท้าวพรหมทัตหลังจากลอยแพกากีไปแล้วก็ตรอมใจตาย นาฏกุเวรพี่เลี้ยงได้เป็นกษัตริย์แทน ความพิศวาสยังไม่เสื่อมสร่าง ครั้นทราบข่าวว่าชู้รักตกเป็นมเหสีท้าวทศวงศ์ก็มีราชสาส์นไปขอนางคืน ใครเล่าจะยอมให้ เกิดสงครามยุทธหัตถี ท้าวทศวงศ์ปราชัย นาฏกุเวรได้กากีกลับมาครองคู่ที่เมืองพาราณสี “จำเริญสุขสำราญอยู่นานมา  ฝูงประชาราษฎรไม่ร้อนใจ” เรื่องราวของกากีศรีสมรก็ยุติลงด้วยความสุขสมปรารถนา


คอลัมน์: ตะลุยแดนวรรณคดี

เรื่อง: บุญเตือน ศรีวรพจน์

ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!