เคยอยากได้ยาลบความทรงจำไหม?
เรื่องบางเรื่อง เหตุการณ์บางเหตุการณ์ในชีวิตเป็นบาดแผลลึกที่เราอยากจะลืม แต่ลืมไม่ได้ สิ่งเดียวที่มองเห็นว่าช่วยได้คือยาลบความทรงจำ
อกหักน่าจะเป็นอาการที่คนเป็นอยากได้ยาชนิดนี้ที่สุด คนรักตีจาก ทำให้หัวใจร้าวราน แต่ละวันผ่านไปอย่างเชื่องช้าและทรมาน เวลาผ่านไปเป็นปี อาการก็ไม่ดีขึ้น ความโกรธ ความเกลียด ความแค้น ยังพลุ่งพล่านในหัวใจเป็นระยะๆ ทั้งรักทั้งแค้น หรือรักมากก็แค้นมาก
ถ้าได้ยาลบความทรงจำก็คงดี
เชื่อว่าผู้คนหลายพันล้านคนในโลกอยากได้ยาชนิดนี้
ปัญหาคือโลกเราไม่มียาลบความทรงจำ
ทว่าต่อให้มียาดังกล่าว มันก็เหมือนดื่มเหล้าดับทุกข์ เป็นการหนีปัญหาอย่างหนึ่ง
……………
เราอาจเปรียบอาการอกหักกับการเป็นมะเร็ง ขั้นตอนการจัดการกับปัญหาคล้ายๆ กัน
คนไข้โรคมะเร็งจำนวนมาก เมื่อได้ยินข่าวร้าย จะมีปฏิกิริยาแรกคือ Denial หรือโหมดปฏิเสธ ไม่เชื่อว่ามันเป็นความจริง ไม่ยอมรับความจริงนี้
ต้องใช้เวลาในการออกจากโหมดนี้ แล้วยอมรับความจริง
ขั้น Denial ถ้านานเกินไป ก็จะหายช้า เพราะยังไม่สามารถเริ่มกระบวนการรักษา
ถ้าไม่ยอมรับความจริงว่ามีปัญหา ก็ไปต่อไม่ได้
ปฏิกิริยาขั้นต่อมาคือความโกรธ
คนไข้มักบอกตัวเองว่า “ทำไมต้องเป็นเรา?” “เราทำอะไรผิดหรือจึงซวยอย่างนี้?” “ชาติก่อนเราทำกรรมอะไรไว้?” ฯลฯ
ปฏิกิริยาต่อมาอีกคือความกลัว วิตกจริต และสิ้นหวัง
ทั้งหมดนี้เป็นปฏิกิริยาพื้นฐานของมนุษย์ทั่วไป
สิ่งแรกที่พึงกระทำคือตั้งสติ เมื่อสติคืนมาก็ให้รีบออกจากโหมดปฏิเสธโดยเร็วที่สุด ยอมรับว่านี่คือปัญหา เกิดขึ้นมาแล้ว
หลังจากนั้นก็อาจมองแบบพุทธ เป็นทางหนึ่งที่ผมเคยได้ใช้ได้ผล
นั่นคือมองและเข้าใจว่าทุกสิ่งในโลกเกิดและดับ ไม่มีอะไรยั่งยืนตลอดกาล แม้กระทั่งความทุกข์
ดังนั้นไม่ต้องหนีความรู้สึกทุกข์ ไม่ต้องแกล้งลืม ให้เผชิญหน้ากับมัน มองมันตรงๆ และเฝ้าดูมันเคลื่อนผ่านไป
ท่องในใจว่า It will pass
วันนี้ความรู้สึกทุกข์อาจลดจากเมื่อวานนี้ 1 อะตอม ก็ไม่เป็นไร พรุ่งนี้มันก็จะลดลงอีก 1 อะตอม
ลดลงมาตั้งสองอะตอมแล้ว!
เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนเราหาย
อีกอุบายหนึ่งคือเปลี่ยนมุมมอง อาจจะปล่อยวางปัญหานี้ได้ง่ายขึ้น
คนส่วนใหญ่เมื่อเจอประสบการณ์รักเลิกร้างลาจาก มักจะมองตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล มองว่าตัวเองเป็นฝ่ายเจ็บ ร้าวรานแต่เพียงผู้เดียว เพลงตัดพ้อคร่ำครวญจึงขายได้ตลอดกาล
ไม่ค่อยคิดว่าอีกฝ่ายก็อาจเจ็บปวดและร้าวรานได้เช่นกัน
ดังนั้นลองเปลี่ยนมุมมอง อย่าใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง มองอีกฝ่ายบ้าง มีเมตตากับเขา
ลองมองใหม่ว่า การที่อีกฝ่ายมีความสุขกว่าที่จากเราไป ก็คือสิ่งที่เราควรยินดีกับอีกฝ่าย ไม่ใช่มองแต่ด้านทุกข์ของตัวเอง ใครจะรู้ อีกฝ่ายก็อาจกำลังทุกข์เช่นกัน
อ้าว! ก็ไหนเคยบอกว่ารักเขาไง ถ้ารักจริง ก็น่าจะยินดีกับเขาที่มีความสุข แม้ว่าความสุขของเขาไม่มีเราอยู่ด้วย
ความทุกข์ในโลกนี้หายได้ด้วยความเข้าใจ เพราะความทุกข์ทั้งหลายในโลกมาจากการปรุงแต่ง เมื่อเข้าใจ ก็หยุดการปรุงแต่ง
หยุดปรุงแต่งเมื่อไร ก็หยุดทุกข์เมื่อนั้น
และอดทน เฝ้ามองมันสลายไป
เพราะไม่มีทุกข์ใดยั้งยืนยงตลอดกาลนาน
คอลัมน์ ลมหายใจ
เรื่องและภาพ: วินทร์ เลียววาริณ
winbookclub.com
เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/winlyovarin/