กินเจ กินสมุนไพร ป้องกันโรคโควิดได้จริงหรือ

-

โรคโควิด-19 จากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ 2019 กลับมาระบาดใหญ่ในประเทศไทยเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งนับว่ารุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านมาเยอะ ทั้งในด้านจำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้ป่วย และจำนวนผู้เสียชีวิต

อีกสิ่งหนึ่งที่หวนคืนพร้อมกับเชื้อโรค คือ ข่าวปลอมข่าวมั่วต่างๆ ที่เคยเผยแพร่กันตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการระบาด ก็ย้อนกลับมาแชร์กันเป็นไวรัลใหม่อีกครั้ง ดังเช่น  “คลิปเสียง อ้างว่าเป็นคณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ขอให้ประชาชนคนไทยทุกคนล็อคดาวน์ตัวเอง” ซึ่งทางคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ก็ชี้แจงแล้วว่าไม่ใช่ของจริง

หรือ “คลิปทดสอบการติดเชื้อ โดยให้กลั้นลมหายใจไว้นานๆ ถ้าไม่ไอหรืออึดอัด ก็แสดงว่าไม่ได้ติดโรคโควิด”  ซึ่งก็ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง เพราะคนที่ติดเชื้อนั้น ส่วนใหญ่ไม่ได้มีอาการปอดอักเสบ ถึงกับเกิดปัญหาในการหายใจ

หรือที่แชร์กันว่า “บริษัทไปรษณีย์ไทยเตือนว่ามีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19  จากจดหมายหรือพัสดุไปรษณีย์ ให้ทิ้งไว้นอกบ้านก่อน 24 ชั่วโมงหรือฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ จึงจะนำเข้าบ้าน” ซึ่งไม่เป็นความจริง ไม่เคยมีคำเตือนเช่นนั้นจากบริษัทไปรษณีย์ไทย และไม่เคยมีรายงานการติดเชื้อโรคจากการรับจดหมายหรือพัสดุ

บางอันก็แปลกๆ เช่น “ให้ยืนตากแดด 20 นาที เพื่อฆ่าเชื้อโควิด-19 ในร่างกาย เพราะเชื้อโรคชอบอากาศเย็น” แม้ว่าเชื้อโคโรนาไวรัสจะเสื่อมสภาพได้เมื่อถูกความร้อน แต่ก็ต้องเป็นความร้อนที่ค่อนข้างสูง ไม่ใช่แค่ระดับความร้อนที่ได้รับจากแสงแดด ซึ่งถึงจะฆ่าเชื้อที่ผิวหนังได้ แต่เชื้อไวรัสก็ยังอยู่ในระบบทางเดินหายใจอยู่ดี

อีกเรื่องที่พบบ่อยมาก คือ ข้อความที่ให้ “ดื่มน้ำมะนาวเพื่อฆ่าเชื้อโรคโควิด-19” ซึ่งคล้ายกันกับสมัยก่อนที่ชอบแชร์เนื้อหามั่วเกี่ยวกับ “มะนาวโซดารักษามะเร็ง” พอเกิดเรื่องวิกฤติโรคโควิด มะนาวก็เลยถูกอุปโลกน์ให้เป็นยาวิเศษอีกครั้ง โดยอ้างว่า น้ำมะนาวนั้นมีวิตามินซีสูง ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน จนเชื้อไวรัสไม่สามารถฝังตัวเข้าไปในเซลล์ของระบบทางเดินหายใจได้ และน้ำมะนาวยังฆ่าเชื้อไวรัสที่อยู่ในลำคออีกด้วย ทั้งที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันเรื่องนี้เลย

 

แชร์คำแนะนำที่ถูกต้องเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดีกว่าที่จะแชร์ข้อความข่าวปลอมข่าวมั่ว
แชร์คำแนะนำที่ถูกต้องเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดีกว่าที่จะแชร์ข้อความข่าวปลอมข่าวมั่ว

 

ที่ไวรัลกันมากอีกคลิป ก็เป็นคำให้สัมภาษณ์ของคุณหมอท่านหนึ่ง บอกว่า “ถ้าจะให้รอดจากโรคโควิด-19 ต้องกินเจ กินมังสวิรัติ เนื่องจากคนที่กินมังสวิรัตินั้น เลือดจะเป็นด่าง จึงไม่ติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์นั้น เลือดจะเป็นกรด ซึ่งไวรัสชอบ คนคนนั้นเลยติดเชื้อไวรัสได้ง่าย เสียชีวิตง่าย”

ขอบอกเลยว่า “ไม่เป็นความจริง” ไม่มีงานวิจัยทางการแพทย์ไหนที่ระบุว่า การกินมังสวิรัติจะทำให้ไม่ติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ดังที่คุณหมอท่านนั้นอ้างตามความเชื่อส่วนตัว เนื่องจากเป็นฝ่ายรณรงค์ให้คนกินมังสวิรัติ

การอ้างเรื่องความเป็นกรดเป็นด่าง หรือค่าพีเอช (pH) ของเลือดและร่างกาย ว่าคนที่กินเนื้อสัตว์จะมีค่าเป็นกรด ส่วนคนที่กินมังสวิรัติจะเป็นด่าง ก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน เพราะเลือดของคนปกติทุกคนมีค่าเป็นด่างอ่อนๆ ประมาณ 7.35 – 7.45 ไม่ว่าจะกินเนื้อสัตว์หรือกินมังสวิรัติ เนื่องจากกลไกการปรับสมดุลของเลือด ด้วยการปรับอัตราการหายใจได้ขับเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากร่างกาย ไม่ใช่ว่ากินเนื้อสัตว์แล้วจะมีเลือดเป็นกรด อย่างที่ให้ข้อมูลผิดๆ ดังกล่าว

เคยมีการแชร์ข้อความไวรัลว่า “องค์การอนามัยโลกบอกว่า ไม่พบคนที่กินมังสวิรัติติดไวรัสโควิด เนื่องจากไวรัสต้องการไขมันจากเนื้อสัตว์ เพื่ออยู่ในร่างกายคน” ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง เพราะองค์การอนามัยโลกไม่เคยเตือนให้หยุดบริโภคเนื้อสัตว์ แต่แนะนำว่าให้เรากินอาหารที่หลากหลาย สดใหม่ และไม่ใช่อาหารแปรรูป เพื่อให้ได้วิตามิน เกลือแร่ เส้นใยอาหาร โปรตีน และสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายของเราต้องการ รวมถึงดื่มน้ำสะอาดให้พอเพียง พวกเนื้อแดงนั้น สามารถกินได้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนพวกเนื้อสัตว์ปีก กินได้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์

 

กระชายขาว พืชพื้นบ้านซึ่งนิยมนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องแกง ถูกพบว่ามีสารสำคัญที่ต้านไวรัสโรคโควิด-19 ได้
กระชายขาว พืชพื้นบ้านซึ่งนิยมนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องแกง ถูกพบว่ามีสารสำคัญที่ต้านไวรัสโรคโควิด-19 ได้

 

 

อีกคลิปหนึ่งที่ถูกแชร์กันไม่ใช่น้อย คือคลิปของคุณหมอผู้หญิงท่านหนึ่ง ที่บอกว่า “กระชายขาวสามารถยับยั้งโรคโควิด-19 ได้ 100% แนะนำให้เอามากินเพื่อป้องกันโรค ดีกว่าหาวัคซีนมาฉีดเสียอีก” ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลที่เกินจริงไป เพราะแม้จะมีงานวิจัยที่พบว่าสารสำคัญ 2 ตัวในกระชายขาว คือ สาร Pandulatin A และสาร Pinostrobin สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ลดจำนวนเซลล์ที่ติดเชื้อ และยับยั้งเซลล์ไม่ให้ผลิตไวรัสได้ ก็ยังต้องทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยกับสัตว์ทดลองและมนุษย์เสียก่อน ซึ่งคงต้องใช้เวลานานนับปี

ที่สำคัญคือ งานวิจัยนี้ใช้ “สารสกัด” เข้มข้นจากกระชายขาวต่อเซลล์ในหลอดทดลอง และยังไม่มีงานวิจัยว่าถ้าจะ “กิน” กระชายขาวเพื่อป้องกันหรือรักษาโรคโควิด ต้องกินเป็นปริมาณเท่าไรต่อวัน จึงจะได้ผลต่อร่างกายมนุษย์

 

 

 

 

 

ปัญหาแบบเดียวกันนี้ ยังเกิดกับพืชสมุนไพรอีกชนิด คือ ฟ้าทะลายโจร ซึ่งจากผลการศึกษาวิจัยพบว่า มีสารสำคัญชื่อว่า แอนโดรกราโฟไลด์ ที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสในหลอดทดลองได้ แต่ไม่มีฤทธิ์ในการป้องกันเซลล์จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงพอที่จะนำเอา “สารสกัดจากฟ้าทะลายโจร” มาทำเป็นยาเพื่อใช้บรรเทาอาการ เช่น เป็นไข้ ตัวร้อน ไอ เจ็บคอ ฯลฯ แต่ไม่แนะนำให้กินในรูปแคปซูลผงสมุนไพรเพื่อป้องกันโรคเป็นปริมาณมาก และไม่กินต่อเนื่องเป็นเวลานาน อย่างที่มีการโฆษณาขายกัน เพราะจะมีผลเสียต่อการทำงานของตับและไตได้

 

ฟ้าทะลายโจร อีกหนึ่งพืชสมุนไพรไทย ที่มีสรรพคุณช่วยลดไข้ และถูกนำมาใช้บรรเทาอาการป่วยจากโรคโควิด
ฟ้าทะลายโจร อีกหนึ่งพืชสมุนไพรไทย ที่มีสรรพคุณช่วยลดไข้ และถูกนำมาใช้บรรเทาอาการป่วยจากโรคโควิด

 

ดังนั้น ในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาด เราจึงควรกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ในปริมาณที่สมดุลเหมาะสมทั้งเนื้อสัตว์และผักผลไม้ โดยไม่จำเป็นต้องไปหาสมุนไพรใดๆ มากินป้องกันโรคอย่างที่แชร์กัน แต่คอยระวังใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่ชุมนุมชน เพื่อลดการรับเชื้อไวรัสที่แพร่จากระบบทางเดินหายใจของผู้ป่วย


คอลัมน์ : คิดอย่างวิทยาศาสตร์

เรื่อง: รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!