สัตว์เลี้ยงน่ารักที่ผูกพันนับเนื่องเป็นสมาชิกในครอบครัวกับสังคมมนุษย์มานานนับพันปีที่กระผมจะนำมาเล่าสู่กันมื้อนี้คือ ‘หมา’ จากความใกล้ชิดคุ้นชินทำให้เรามีสำนวนไทยที่เกี่ยวกับมันอยู่หลายสำนวน เช่น หมาเห่าใบตองแห้ง หมาลอบกัด หมาเห็นข้าวเปลือก หมาเห่าไม่กัด หมาหลายราง หมาตามเกวียน หมากัดอย่ากัดตอบ ไปจนถึง ตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก เป็นต้น
สังเกตจากตัวอย่างสำนวนไทยที่กระผมยกมาข้างต้น ดูเหมือนว่าหมาถูกเปรียบเทียบไปในแง่ลบมากกว่าจะกล่าวถึงมันในแง่บวก ทั้งๆ ที่มันเป็นสัตว์แสนซื่อ รักเจ้าของมั่นคง ยากที่จะหาสัตว์อื่นเทียบได้ แต่เหตุไฉนเมื่อเราพบเจอคนที่มีพฤติกรรมไม่น่ารัก เรามักสบถว่า “นิสัยหมาๆ” คนใจร้ายเราก็ว่า ‘ใจหมา’ ปากไม่ดีก็ว่า ‘ปากหมา’ ดูราวกับว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายไปเสียทุกเรื่อง
ประสาคนรักหมา เลี้ยงหมา คุ้นเคยกับหมา เห็นหมาผอม หมาจร ก็มีแต่ความเมตตาสงสารและรู้สึกเดือดร้อนเมื่อได้ยินใครมายัดเยียดความร้ายให้สัตว์แสนรัก แต่ก่อนกาลนานโพ้น เราเลี้ยงหมาไว้ล่าสัตว์และนำทางมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ปรากฏหลักฐานภาพเขียนสีรูปหมาตามเพิงผาแหล่งโบราณคดีในประเทศไทยหลายแห่ง เช่นที่อุทัยธานี นครราชสีมา บางแห่งมีการฝังหมาไว้ในหลุมฝังศพด้วย เช่นที่แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง อุดรธานี นั่นเป็นเรื่องหมาๆ ในวัฒนธรรมโบราณ มาถึงวันนี้ หมาเปลี่ยนหน้าที่จากล่าเนื้อเห่าขโมย มาเป็นเพื่อนร่วมชายคาสมาชิกตัวโปรดของคนในบ้าน
บรรดาสัตว์ทั้งหลายที่เลี้ยงไว้ใกล้ชิดอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน มักมีการสังเกต คัดสรรลักษณะที่ดีจนมีการจดบันทึกไว้เป็นตำรา ทั้ง ช้าง ม้า วัว ควาย แมว ไก่ นกเลี้ยง รวมถึง ‘หมา’ ด้วย
ก็แลสังคมชาวบ้านโบราณ สัตว์เลี้ยงคู่เหย้ามักเป็นสายพันธุ์ที่หาได้ในท้องถิ่น ยังไม่มีสายพันธุ์แปลกๆ ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเหมือนเช่นวันนี้ หมาแมวและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ จึงมีแต่สายพันธุ์พื้นถิ่น ตำราดูลักษณะสัตว์เลี้ยงก็จำเพาะเจาะจงแต่ตามที่มีอยู่ในพื้นบ้านพื้นเมือง
ตำราดูลักษณะสุนัข หรือ ตำราหมา ที่กระผมนำมาเล่าสู่กันมื้อนี้น่าจะมีอายุเก่าถึงสมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นสมุดไทยดำ (สมุดข่อย) เขียนเส้นรง มีภาพประกอบ เนื้อหากล่าวถึงสุนัขลักษณะดี 5 จำพวก แต่งเป็นกาพย์โบราณ ซึ่งกระผมขอปรับอักขรวิธีให้ใกล้เคียงกับปัจจุบันเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น
๏ หมาตัวแดงตลอดหาง ท้องขาว
๏ สุนัขใดงามใสแสง ขนท้องขาวแดงมักปนกัน
เลี้ยงไว้บ่อาธรรม์ จักให้คุณแก่เจ้านาย ๚ะ
๏ หมาดอกเลาทั้งตัว เล็บยี่สิบถ้วน
๏ สุนัขใดสีดอกเลา งามลำเพามีเล็บล้วน
งามถี่ถ้วนยี่สิบหมาย เลี้ยงไว้ได้ดังใจ
ทรัพย์จะมาได้โดยถวิล จะบอกขุมทองให้
อย่าสงสัยในแผ่นดิน ๚ะ
๏ หมาตัวแดงตลอดหาง
๏ จะกล่าวสุนัขา ในตำราท่านผูกพัน
หมาตัวใดขนเป็นมัน แสงเลื่อมฉันอยู่ทั้งตัว
ผู้ใดเลี้ยงไว้ ครั้นนานไปมีคนกลัว
สิ่งสินมากพันพัว จะได้เป็นถึงซึ่งเศรษฐี ๚ะ
๏ หมาตัวขาว สี่เท้าดำ ขาวตลอดหาง
๏ สุนัขใดอันตัวขาว ทั้งสี่เท้าดำงามดี
เลี้ยงไว้เป็นเศรษฐี เงินทองมากอยู่ครามครัน ๚ะ
๏ หมาดำนิลตลอดหาง ตาดำด้วย
๏ สุนัขใดสิบเก้าเล็บ ทั้งตัวงามบ่มลทิน
จะคาบทรัพย์มาให้สิ้น เลี้ยงไว้เถิดไม่เสียแรงดอก
๏ นอกไปยิ่งกว่านี้ ไม่สู้ดีอย่าแสวง
เลี้ยงไว้จะกัดแข็ง มิได้เกิดซึ่งลาภผล นะท่านเอย ๚ะ
สรุปว่าหมาลักษณะดีที่ตำราท่านแนะนำให้หามาเลี้ยงมี 5 จำพวก คือ 1. ตัวสีแดง ท้องสีขาว 2. ตัวสีดอกเลา (สีเทานกพิราบ) เล็บครบ 20 นิ้ว 3. สีแดงทั้งตัว 4. ตัวสีขาว สี่เท้าดำ 5. ตัวสีดำ ตาสีดำ นอกจาก 5 จำพวกนี้แล้วไม่ควรหามาเลี้ยง นั่นเป็นเรื่องของความเชื่อโบราณ ไม่เกี่ยวกับวันนี้
คนรักหมา เลี้ยงหมาก็ต้องเข้าใจหมา โบราณท่านว่า หมาจะเห่าจะหอนเป็นเรื่องของหมา ดังที่ท่านสุนทรภู่กล่าวไว้ในสวัสดิรักษาว่า
๏ อนึ่งสุนัขมักเฝ้าแต่เห่าหอน อย่าขู่ข้อนด่าว่าอัชฌาสัย
เสียสง่าราศีมักมีภัย คนมิได้ยำเยงเกรงวาจา
คอลัมน์: ตะลุยแดนวรรณคดี
เรื่อง: บุญเตือน ศรีวรพจน์
ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์