เอ็มมานูเอล เชอร์แมน (Emanuel Sherman) เป็นชาวอเมริกัน เกิดปี 2457 เมื่อเดินทางมาเมืองไทย ก็ซาบซึ้งในรสธรรม บวชเป็นพระตลอดชีวิต
พระฝรั่งรูปนี้มีความสามารถด้านวาดภาพ เขียนภาพโฆษณาไว้มาก เมื่อเป็นพระ ก็ยังใช้ความสามารถทางศิลปะวาดภาพทางศาสนา
หนึ่งในภาพที่เขาวาดชื่อ พระองค์อยู่หลังม่าน
วลี ‘พระองค์อยู่หลังม่าน’ แปลว่าอะไร?
พุทธทาสภิกขุอธิบายภาพปริศนาธรรมนี้ว่า มันเป็นการชี้ธรรมให้เห็นโดยบอกให้เราเปิดม่านบังใจเราออก
‘ม่าน’ คืออวิชชา
‘พระองค์’ คือพระพุทธองค์และพระธรรม
นี่แปลว่าธรรมนั้นอยู่ต่อหน้าเราตลอดเวลา แต่เราใช้ม่านปิดบังตัวเอง ทำให้ไม่เห็น ‘พระพุทธองค์’
แค่แหวกม่านออกไปข้างๆ ออก ก็จะพบว่าพระองค์อยู่ที่นี่มาโดยตลอด
ท่านพุทธทาสฯเขียนเป็นบทกวีว่า
ดูให้ดี พระองค์มี อยู่หลังม่าน
อยู่ตลอด อนันตกาล ท่านไม่เห็น
เฝ้าเรียกหา ดุจจะเห่าหอน ห่อนหาเป็น
ไม่รู้เช่น เชิงหา ยิ่งหาไกล
เพียงแต่แหวก ม่านออก สักศอกหนึ่ง
จะตกตะลึง ใจสั่น อยู่หวั่นไหว
จะรู้จัก หรือไม่ ไม่แน่ใจ
รู้จักได้ จักปรีดี อยู่นี่เอง
เชิญพวกเรา เอาภาร การแหวกม่าน
งดงมงาย ตายด้าน หยุดโฉงเฉง
ทำลายล้าง อวิชชา อย่ามัวเกรง
ว่าไม่เก่ง ไม่สวย ไม่รวยบุญ
งดงามทั้งภาพ คำ และความหมาย
เมื่อเราเกิดทุกข์ ไมว่าทางกายหรือใจ หรือเกิดขึ้นทางกายแล้วส่งกระทบต่อใจ หรือเกิดที่ใจแล้วส่งผลกระทบถึงกาย เรารู้สึกว่าเราอยู่คนเดียว ไร้คนช่วย
หลายคนเลือกไปทางลัดหนีจากโลก เพราะรู้สึกว่าตนเองกำลังลอยคอเคว้งคว้างกลางทะเลทุกข์อยู่คนเดียว
แต่ความจริงเรามีตัวช่วยอยู่ตลอดเวลา
ตัวช่วยก็คือพระธรรมของพระพุทธองค์
พระองค์อยู่กับเราตลอดเวลา แค่เปิดม่านบังตาออก ก็เห็น
ทว่าเวลาทุกข์ เรามักมองไม่เห็น หรือลืมมอง
คนจำนวนมากมีนิสัยบ่นสาปแช่งชะตากรรมเมื่อประสบทุกข์
ผมรู้จักคนหลายคนที่จิตตกแล้วอยากฆ่าตัวตาย
ผมเคยผ่านประการณ์จิตตกอย่างหนักมาก่อน จึงเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ดี แต่ก็เรียนรู้ว่า ตัวช่วยสำคัญที่สุดคือสติ
เมื่อสติกลับคืน ก็เปิดม่านออก และพบพระองค์ เกิดปัญญาแก้ไขทุกข์ที่ต้นเหตุ
ปัญญาอาจมาจากธรรมของพระพุทธองค์ แต่เราต้องเปิดม่านออกก่อน
ดังนั้นยามประสบพบทุกข์ จงตั้งสติ และระลึกเสมอว่าเรามิได้อยู่คนเดียว พระองค์อยู่หลังม่านเสมอ
หลักธรรมแห่งการข้ามทุกข์มีมากมาย หลักธรรมท็อปฮิตที่ไม่เคยล้าสมัยก็คือ อริยสัจ 4 ที่สอนให้เราวิเคราะห์โครงสร้างของทุกข์ แล้วแก้ไขมันที่ต้นเหตุ
แต่จะเกิดดวงตาธรรม เห็นต้นเหตุ ก็ต้องเริ่มที่แหวกม่านออกก่อน
สำหรับคนที่ไม่มีทุกข์ ณ ขณะจิตนี้ ก็ควรระวังเสมอว่า ทุกข์ปรากฏตัวได้ทุกเมื่อทุกนาทีข้างหน้า แค่เผลอ จิตก็ปรุงแต่งสิ่งที่ประสบพบเห็นเป็นทุกข์
ชีวิตคือความไม่แน่นอน เราไม่ได้สุขตลอด แต่ก็มิได้ทุกข์ตลอด ถ้ารู้วิธีใช้สติกำกับ ก็จะรู้ล่วงหน้าก่อนที่จิตจะปรุงแต่งเป็นทุกข์
นี่ก็คือการใช้ชีวิตโดยไม่ประมาทดังที่พระพุทธองค์ตรัสสอน
…………………………..
คนไม่น้อยแสวงหาธรรมจากการค้นหาภายนอก หาวัด ‘ดีๆ’ หาพระอาจารย์ ‘ดีๆ’ โดยลืมสำรวจตัวเอง ลืมดูว่าตนเองมีม่านอวิชชาบังใจอยู่หรือไม่
หาเช่นนี้ หาอย่างไรก็ไม่พบ
อีกความหมายหนึ่งของภาพดังกล่าวคือ เตือนให้อย่าไปเที่ยวหาพระพุทธองค์จากข้างนอก จากวัดใด โบสถ์ใด สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ใด หันกลับมาดูตัวเอง ลบอวิชชาออกจากใจ ลดความไม่รู้ ความหลงผิด แหวกม่านความเขลา ความไม่รู้ออก เมื่อม่านบังตาหายไป ก็จะเห็น ‘พระพุทธองค์’ และธรรมของพระองค์
ทางเซนสอนว่า เมื่อหยุดค้นหา ก็อาจพบ นั่นคือให้มองเข้าไปภายในตัวเอง
เพียงแหวกม่านแห่งความโง่ของท่านไปข้างๆ สักศอกหนึ่งเท่านั้น
วินทร์ เลียววาริณ
winbookclub.com
เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/winlyovarin/
คอลัมน์ ลมหายใจ
เรื่องและภาพ: วินทร์ เลียววาริณ