BNK48 ก้าวสู่ประตูอีสาน

-

ออลแม็กกาซีนฉบับนี้เราขอมาในแนวน่ารักฟรุ้งฟริ้ง ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยรอยยิ้มเปี่ยมชีวิตชีวา เจิดจ้าไปกับความสดใสของสาวๆ ขวัญใจวัยรุ่น BNK48 กลุ่มไอดอลหญิงที่นาทีนี้ไม่มีใครโด่งดังเท่า

BNK48 วงไอดอลที่รวมเด็กสาวหลายสิบชีวิต เป็นวงน้องสาว (แฟรนไชส์) ของวง AKB48 ซึ่งถือกำเนิดที่ประเทศญี่ปุ่น นำเพลงจากวง AKB48 มาร้องโดยแปลเป็นภาษาไทย รวมทั้งนำระบบจากประเทศญี่ปุ่นมาใช้ เช่น การจัดอันดับความนิยมของสมาชิกซึ่งมีผลต่องาน กฎห้ามถ่ายรูปคู่และถูกเนื้อต้องตัวศิลปิน ทำได้เฉพาะในงานที่อนุญาตเท่านั้น

ไข่มุก-เนย-ตาหวาน-ปูเป้-แก้ว-น้ำหนึ่ง-โมบายล์ คือสมาชิก BNK48 ที่ร่วมกันแจกความสดใสให้เราในครั้งนี้ น่าเสียดายที่ น้ำใส สมาชิกอีกคนไม่สามารถมาได้ พวกเธอทั้งหมดมาพร้อมกับโปรเจ็กต์สุดท้าทาย ไทบ้าน x BNK48 การรวมกันระหว่าง ไทบ้าน เดอะซีรีส์ และสาวๆ BNK48 กับภารกิจศึกษาประเพณีพื้นบ้านของภาคอีสาน ในฐานะเด็กเมืองหลวงและเด็กรุ่นใหม่นับเป็นการเรียนรู้ครั้งสำคัญ สาวๆ มาชวนทุกคนให้เปิดตา เปิดใจ และเปิดประตูอีสานไปพร้อมกัน

 

 

 

ตาหวาน BNK48

ก้าวสู่ประตู BNK48

ไข่มุก: หนูรู้จัก AKB48 อยู่แล้ว พอเห็นประกาศรับสมัครก็ลองมาออดิชั่นดู ตอนขออนุญาตแม่ แม่ยังเข้าใจว่าหนูจะไปแข่งเย็บผ้า เพราะตอนนั้นหนูเรียนตัดเย็บแล้ว โรงเรียนนั้นชื่อ BNK เหมือนกัน พอประกาศผลแม่ก็ตกใจ อ้าว BNK48 คือวงไอดอล นี่ไม่ได้ไปแข่งเย็บผ้านี่นา (ฮ่า)

ตาหวาน: หนูอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็ก ที่ผ่านมาออดิชั่นหลายแห่งแต่ก็ยังไม่ได้ จนอยากจะเลิกแล้วเหมือนกัน คราวนี้หนูส่งใบสมัครวันสุดท้ายเลยค่ะ ลังเล แต่ก็ลองดูอีกสักครั้งแล้วกัน เพราะเป็นความฝันที่ฝังใจ อยากทำให้ถึงที่สุด ถ้าไม่ได้จะกลับไปมุ่งมั่นกับการเรียนละ

เนย: หนูชอบเต้น ชอบดูคลิปเต้น แต่เราไม่กล้าออกไปประกวด จนมานั่งคิดๆ อายุเท่านี้แล้วจะไม่ลองดูหน่อยเหรอ ตัดสินใจส่งใบสมัครเกือบวันสุดท้ายเหมือนกัน ลองดูวะ

ปูเป้: หนูชอบ AKB48 ที่เป็นวงรุ่นพี่อยู่แล้ว แล้วตอนเขาเปิดรับสมัครอายุก็ยังไม่เกิน (ฮ่า)

แก้ว: ส่วนหนูน่ะแม่บังคับมาด้วยเหตุผลว่าอย่าเสียใจทีหลังนะ ทีมงานเข้ามาชวนแก้ว เอาโบรชัวร์ให้ดู เราก็คิดๆ หรือจะเป็นดวงของเรา เพราะไม่ได้ไปแสวงหาแต่เข้ามาเอง ก็น่าจะคว้าไว้นะ แล้วแม่สนับสนุนด้วยค่ะ

น้ำหนึ่ง: หนูชอบดูการแสดงของเกิร์ลกรุ๊ปบอยแบนด์อยู่แล้ว เราได้แรงบันดาลใจจากเขา เวลาไปคลั่งไคล้เราก็ได้รับความสุขด้วย หนูอยากเป็นคนส่งความสุขให้คนอื่นบ้าง

โมบายล์: หนูเป็นสายญี่ปุ่นอยู่แล้ว ชอบแต่งคอสเพลย์ เต้น cover (การเต้นเลียนแบบศิลปิน) เลยรู้จักวง AKB48 มาก่อนแล้ว พอได้ยินว่าเปิดรับรุ่นน้องในประเทศไทยก็ไม่ลังเล ตัดสินใจสมัครเลย

 

 

 วิถีไอดอล สิ่งที่คิด VS สิ่งที่เป็น

ไข่มุก BNK48

ปูเป้: หนูไม่คิดว่าจะซ้อมหนักขนาดนี้ กลับบ้านแล้วปวดตัวมากแบบไม่คิดว่าชีวิตต้องมาทำอะไรอย่างนี้ (ฮ่า) ไม่นึกว่าการเต้นจะยากขนาดนั้น ต้องปรับพื้นฐานร่างกายให้ยืดหยุ่น ให้แข็งแรง ซึ่งเหนื่อยมาก

ไข่มุก: เรื่องเต้นไม่คิดว่ายากขนาดนี้เหมือนกัน เราคิดว่าแค่แสดงความสดใสของเด็กผู้หญิงก็พอ แต่จริงๆ แล้วฝึกโหดมาก จำได้ว่าเรียนเต้นครั้งแรกเกือบเป็นลมเหมือนกัน แต่พอเห็นเพื่อนที่เขายังเต้นกันอยู่ เราอยากทำได้เหมือนเขา ก็ต้องพยายามกว่านี้ จากสกิลการเต้นอันดับท้ายของห้องก็พยายามถีบตัวเองขึ้นมาค่ะ อีกอย่างคือทางฝั่งญี่ปุ่นเขามีความอาโนเนะ แต่ของไทยเราไม่ขนาดนั้น ยัง keep cool บ้าง ทั้งๆ ที่ตัวหนูไม่ได้เป็นคนที่ cool อะไรขนาดนั้น (ฮ่า) แต่พอมาทำยูนิตมิมิกุโมะ (Mimigumo) ก็ค่อนข้างใกล้เคียงกับภาพที่จินตนาการไว้

ตาหวาน: หนูเป็นสาย K-pop มาก่อน ติดตามฝั่งเกาหลีมากกว่าญี่ปุ่น เลยไม่ค่อยรู้เรื่องระบบของ 48 กรุ๊ป พอเข้ามาก็เรียนรู้ใหม่ว่าต้องมีเซมบัตสึ (สมาชิกที่ได้แสดงในเพลงนั้นๆ) 16 คนนะ มีแสดงเธียร์เตอร์ มีการแข่งขัน ตอนแรกก็งงๆ ไม่รู้ต้องทำตัวยังไง

เนย: หนูคิดภาพเด็กผู้หญิงมาเต้นไปด้วยกัน เต้นกับเพื่อน แต่พอมาเจอมันมีเรื่องการแข่งขันด้วย

แก้ว: ไม่คิดว่าวงเราจะมีชื่อเสียงขนาดนี้ และไม่คิดว่าตัวเองจะมีผลต่อชีวิตใคร เพราะไอดอลของญี่ปุ่นคือศิลปินทั่วไป แต่ไอดอลไทยคือคุณต้องเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เยาวชนด้วย เป็นสิ่งที่พวกเราที่เข้ามาไม่ได้คิดถึงจุดนั้นมาก่อน

น้ำหนึ่ง: เราต้องทำหลายอย่าง เป็นทั้งนักร้อง นักเต้น นักเอนเตอร์เทน นักจับมือ นักถ่าย two-shot และยังต้องไม่ลืมเป็นนักเรียนที่ดีอีก

โมบายล์: สำหรับหนูพวกกฎต่างๆ พอรู้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ที่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ทำคือการถ่ายโฆษณาหรือเล่นภาพยนตร์ ทางญี่ปุ่นน้อยมากที่เขาจะได้ไปออกรายการต่างๆ เขาเน้นแค่ทำวง แต่เราได้ทำงานที่นอกเหนือจากนั้นเยอะมาก

 

 

เนย BNK48

เรื่องประทับใจ และเรื่องยากๆ เมื่อก้าวมาเป็นไอดอล

โมบายล์: เรื่องประทับใจคือเหตุการณ์ที่ได้ไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นหนึ่งเดือน เป็นโอกาสที่เกิดขึ้นได้ยาก จึงเป็นเรื่องที่สุดยอดมากสำหรับเราที่ได้ไปยืนอยู่บนสเตจตรงนั้น

น้ำหนึ่ง: ความประทับใจของหนูคือการได้มาเจอคนที่รักเรามากๆ หนูเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจตัวเอง พอได้รับความรักความทุ่มเทจากแฟนๆ ที่มีให้เราเยอะแยะ รู้สึกดีใจและทึ่งมาก ไม่เสียใจจริงๆ ที่วันนั้นตัดสินใจก้าวเข้ามาตรงนี้

แก้ว: เรื่องแรกที่ประทับใจเลยคือการได้เจอมิตรภาพที่ดี เพราะในวงมีการแข่งขันสูง เราไม่คิดว่าจะเจอความรักที่เกิดขึ้นภายในวงแบบนี้ และเรื่องราวดราม่าต่างๆ ที่เข้ามา ต้องขอบคุณมากที่สอนให้แก้วเป็นแก้วที่เข้มแข็งขึ้น อีกอย่างคือการได้เล่นคอนเสิร์ตที่อิมแพ็คอารีน่า ถ้าหนูเป็นครูแค่สอนเปียโนธรรมดา ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางได้เล่นในฮอลล์ใหญ่ขนาดนี้ แต่เพราะเป็น BNK48 จึงทำให้มีโอกาสแบบนี้

ปูเป้: หนูชอบช่วงเวลาที่ได้เล่นคอนเสิร์ต ได้เห็นคนสนุกไปกับโชว์ของเรา รู้สึกว่านี่แหละเหตุผลที่ทำให้อยากมาเป็น BNK48

ไข่มุก: สิ่งที่ยากในมุมมองของหนูคือการทำให้คนอื่นเข้าใจตัวเราอย่างแท้จริง เวลาใส่ชุดเซมบัตสึออกไปแสดง เขาเห็นเราเฉพาะตอนอยู่บนสเตจ เห็นแคแรกเตอร์น่ารักๆ แอ๊บแบ๊ว ไม่ได้เห็นเบื้องหลังว่าเรามีโหมดจริงจังนะ หรือแท้จริงเราเป็นคนแบบไหน หนูว่าเป็นเรื่องยากที่จะรับมือเหมือนกัน ทำยังไงให้เขาเห็นสิ่งที่เราเป็นจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิด

เนย: แรกๆ การอยู่หน้ากล้องคือเรื่องยากสำหรับหนู แต่ตอนนี้น่าจะเป็นเรื่องการจัดการความคิดตัวเอง เวลาเราโดนคอมเมนต์ต่างๆ ส่วนตัวเป็นคนคิดมาก ก็เก็บทุกอย่างมาคิด มันยากที่เวลาเจอคอมเมนต์ไม่ดีแล้วจะทำยังไงไม่ให้ตัวเองจมดิ่ง ยิ่งเรารู้สึกไม่ดีแล้วแสดงออกทางสีหน้า ยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่เข้าไปอีก

ตาหวาน: ช่วงแรกสิ่งที่ยากคือการค้นหาตัวเอง เราควรมีแคแรกเตอร์ยังไงในวง BNK48 จนถึงตอนนี้หนูก็ยังไม่รู้เลย ไอดอลต้องน่ารัก แต่เราลูกทุ่ง ก็บาลานซ์ตัวเองไม่ค่อยถูก แล้ววงเรามีคนเยอะก็มีการแข่งขัน เราต้องพยายามอยู่เสมอ

 

 

เนย ไข่มุก ตาหวาน

 

การจัดอันดับ ความกดดันที่ต้องเผชิญ

ตาหวาน: ช่วงแรกมีความรู้สึกกดดัน เช่น คนนี้เขาเคยอยู่อันดับต่ำกว่าเรา เขาขึ้นมาเท่าเราแล้ว แล้วเขาก็แซงเราแล้ว แรกๆ เครียด จะทำยังไงให้อันดับขึ้น แต่พอสักพักเริ่มรู้สึกว่าอันดับเป็นเรื่องภายนอก ตอนนี้หนูโฟกัสแค่งานที่ทำ คนรอบข้าง เพื่อน มากกว่าแคร์เรื่องการแข่งขัน

 ไข่มุก: ทุกคนน่าจะรู้สึกแย่ในช่วงแรกๆ อย่างที่ตาหวานบอกอันดับเป็นเรื่องปัจจัยภายนอก สิ่งสำคัญคือการพัฒนาศักยภาพของเราเอง เรามีโอกาสได้เป็นไอดอลแล้วก็ต้องพัฒนาการร้องการเต้นให้ดี ทำหน้าที่ของเราให้ดีกว่าค่ะ

เนย: ครั้งแรกที่มีการเลือกเซมบัตสึ  หนูก็เครียด บอกตามตรงรู้สึกท้อนะคะ เราซ้อมกันทุกวันเพื่อออกซิงเกิลเพลง ทว่าที่นั่งสำหรับคนที่ได้รับเลือกนั้นมีจำกัด แต่พออยู่ๆ ไปหนูเริ่มคิดว่าแต่ละคนมีเส้นทางของตัวเอง มีจุดเด่นของตัวเอง ดังนั้นการจัดอันดับไม่ใช่ทั้งหมดของเรา ไม่ใช่สิ่งชี้วัดว่าคุณเก่งที่สุด ดีที่สุด

ปูเป้: สำหรับหนู ช่วงที่วงเรายังไม่ดังมากและมีการจัดอันดับ หนูไม่ติดเซมบัตสึก็รู้สึกว่าตัวเองจืดจาง (ฮ่า) ถามว่าน้อยใจไหม ไม่ได้น้อยใจ แต่เป็นความรู้สึกไม่รู้ต้องทำยังไงอันดับจะดี แต่ถามว่าทุกวันนี้ยังให้ความสนใจเรื่องลำดับไหม ก็ไม่เชิงค่ะ หนูอยู่อันดับกลางค่อนบน ลำดับประมาณนี้แข่งขันสูงกว่าลำดับบนหรือท้ายไปเลย มันวิ่งขึ้นวิ่งลงตลอด การรักษาลำดับตัวเองยังเป็นเรื่องยาก

แก้ว: ส่วนหนูนั้นเลยคำว่าน้อยใจไปมากแล้วค่ะ แค่ทำให้ดี เป็นตัวเอง และปล่อยวาง

น้ำหนึ่ง: ช่วงแรกมีผลต่อความรู้สึกหนูมากๆ ค่ะ เพราะตอนนั้นหนูวนอยู่สามอันดับท้าย อย่างที่ทราบอันดับของเรามีผลต่องาน ต่อการติดเซมบัตสึ ต่อโอกาสต่างๆ ที่จะได้รับ หนูรู้สึกน้อยใจทำไมคนเขาไม่ชอบเรา แล้วเราก็ไม่เป็นตัวเอง เพราะคิดแต่ทำยังไงให้คนมาชอบ ทว่าพอเราเป็นตัวเองมากขึ้นกลับทำให้คนมาชื่นชม ณ ปัจจุบัน หนูก็ยังไม่ชอบการจัดอันดับ ถึงมันจะไม่มีผลต่อหนูเท่าไหร่แล้ว แต่ยังมีผลต่อคนที่สนับสนุนหนู ทำไมน้องฉันอันดับลดลง แล้วก็ทุ่มเงินเพื่อให้เราอันดับขึ้น ซึ่งเป็นผลเสียต่อเขา หนูสงสารค่ะ จริงๆ ระหว่างสมาชิกด้วยกันเราไม่ได้ใส่ใจอันดับและเราก็รักกันดี แต่ในหมู่แฟนคลับกลายเป็นแข่งขันหนักมาก

โมบายล์: ช่วงนี้อันดับไม่มีอิทธิพลกับหนูแล้ว เฉยๆ อะไรก็ได้ หนูแค่มีความสุขที่ได้ร้องได้เต้น แต่ก็ยังอยากอยู่ลำดับต้นๆ อยู่นะ (ทุกคนหัวเราะ)

 

 

เป้าหมายที่อยากไปให้ถึงก่อนถึงวันจบการศึกษา

โมบายล์ BNK48

ไข่มุก: ก่อนมียูนิตมิมิกุโมะ หนูคิดแค่ใช้ชีวิตเมมเบอร์ BNK48 ไปเรื่อยๆ ออกซิงเกิล เก็บตังค์แล้วไปเปิดร้านขนม (ฮ่า) แต่ยูนิตมิมิกุโมะได้จุดไฟในตัวหนูขึ้นมา หนูเลยมี passion (ความหลงใหลใฝ่ฝัน) ในการเป็นไอดอลมากขึ้น หนู มิวสิค จ๋า อยากพามิมิกุโมะไปให้ไกลที่สุด อยากให้ประสบความสำเร็จ ถึงแม้คนจะมองว่าเราขายความน่ารักคิกขุอาโนเนะ แต่เบื้องหลังเราตั้งใจกับการทำงานตรงนี้มากๆ และเป้าหมายของหนูคืออยากไปแสดงต่างประเทศด้วย

ตาหวาน: พอหนูเห็นคุณไข่ทำยูนิต เราก็อยากมียูนิตบ้างแต่เป็นสไตล์เรา หนูอยากเป็นนักร้อง ดังนั้นอยากร้องเพลง อยากทำงานในวงการบันเทิงต่อไป และคุณไข่บอกจะเปิดร้านขนม งั้นหนูก็อยากเปิดร้านไอศกรีม (ฮ่า)

เนย: หนูไม่ได้มีความตั้งใจหรือเป้าหมายขนาดนั้น จึงใช้โอกาสที่เราได้รับนี้ค้นหาตัวเองค่ะ

แก้ว: ตอนแรกแก้วอยากเป็นเซ็นเตอร์ อยากอยู่แถวหน้า แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าการเป็นเซ็นเตอร์ไม่ใช่สิ่งสูงสุดที่เราอยากเป็น ตอนที่ได้เล่นเปียโนแล้วก็ร้องเพลงในคอนเสิร์ต รู้สึกว่านี่แหละสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ เพราะฉะนั้นความฝันคงอยากมีเพลงเดี่ยวของตัวเอง

น้ำหนึ่ง: หนูอยากเป็นน้ำหนึ่ง BNK ที่ดีที่สุดในแบบของหนู ถามว่าอยากเป็นเซ็นเตอร์ไหม อยาก อยากอยู่แถวหน้าไหม อยาก อยากเล่นหนังหรือซีรีส์ใหม่ อยากค่ะ หนูอยากทำทุกอย่างที่ได้รับโอกาสให้ดีที่สุด ให้แฟนคลับที่ชื่นชมหนูได้ภูมิใจในตัวหนู

โมบายล์: หนูอยากไปทำงานที่ต่างประเทศค่ะ ไปในนาม BNK48 ที่ดีขึ้นกว่าเดิม

ปูเป้: หนูอยากเป็นคนช่วยผลักดันความสามารถของสมาชิกในวง หนูเคยโปรดิวซ์คอนเสิร์ตให้กลุ่ม Under Girl ครั้งนั้นหนูได้ทำให้แฟนคลับเห็นความสามารถของเพื่อนๆ กลุ่มนี้ เรารู้สึกประทับใจ อยากช่วยผลักดันให้คนอื่นเห็นความสามารถของ BNK48 เยอะๆ

 

 

น้ำหนึ่ง BNK48

ไทบ้าน X BNK48การแสดงภาพยนตร์และร้องเพลงอีสานครั้งแรก

ไข่มุก: หนูตื่นเต้นมากเลย พี่เลี้ยงของหนูเป็นคนอีสาน แล้วจังหวัดที่ไปถ่ายก็เป็นบ้านเกิดของเขา คือศรีสะเกษ พอรู้ว่าต้องร้องเพลงภาษาอีสานด้วยยิ่งรู้สึกท้าทายเข้าไปอีก วันที่ได้เนื้อเพลงมาหนูให้พี่เขาสอน หนูว่าเทคนิคลูกเอื้อนที่ได้เรียนมาช่วยพัฒนาการร้องเพลงของเราได้ดีขึ้น

ตาหวาน: ส่วนตัวชอบลูกทุ่งค่ะ ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์ ได้แสดงภาพลักษณ์ที่ต่างออกไป พอรู้ข่าวก็รอคอยที่จะได้ทำ

เนย: แม้หนูโตที่กรุงเทพ แต่คุณแม่เป็นคนร้อยเอ็ดค่ะ ชื่นชอบอาหารอีสานอยู่แล้ว กินได้ทุกอย่าง หนูฟังภาษาอีสานออกทุกคำนะ แค่พูดไม่ได้ ดีใจที่ได้ไปสัมผัสบรรยากาศแบบที่แม่มักเล่าให้ฟัง

โมบายล์: หนูดีใจที่ได้เล่นหนังกับเขาสักที เพราะการเล่นหนังหรือเล่นละครช่วยให้วงเราเติบโตขึ้นอีก และดีใจยิ่งขึ้นเมื่อได้เล่นหนังกับเพื่อนๆ แรกๆ ก็แอบกังวลเพราะหนูความจำไม่ดี ถ้ามีสคริปต์นี่หนูจะรวนเลย พูดไม่คล่อง แต่พอรู้ว่าเราถ่ายทำแบบไม่มีสคริปต์ ใช้การ improvise (แสดงสด หรือแสดงโดยไม่ต้องเตรียมไว้ก่อน) ก็ผ่อนคลายขึ้น เรื่องร้องเพลงก็ยากค่ะ แต่ว่าทำได้ คิดเองว่าทำได้ (ฮ่า)

ปูเป้: พอรู้เรื่องโปรเจ็กต์นี้ก็คิดไปต่างๆ นานา ต้องไปลุยโคลน ดำนา จับปลาแน่ ซึ่งก็ได้ทำจริง (ฮ่า) ยังดีที่มีเพื่อนอยู่เยอะ ไม่มีเพื่อนนี่ร้องไห้แล้ว (ฮ่า) การร้องเพลงอีสานนั้นยากสำหรับหนู หนูเป็นคนเหนือ ตอนแรกคิดว่าภาษาน่าจะคล้ายๆ กัน คำมันคล้ายแต่ออกเสียงไม่คล้าย เพลงเร็วนี่ โอ้! เร็วมากแบบหายใจไม่ทัน ร้องแทบไม่ทันกันเลย

แก้ว: แก้วยืนยันว่าเพลงเร็วร้องยากจริง เพราะเป็นภาษาอีสานล้วนเลย ขนาดหนูเล่นดนตรียังรู้สึกว่าเมโลดี้ยาก ยังมีเรื่องสำเนียง ถ้าเราทำได้ไม่ดีก็จะมีดราม่าซ้ำเติม ค่อนข้างกดดันหลายอย่าง

น้ำหนึ่ง: น้ำหนึ่งมีความฝันอยากทำงานการแสดงมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว อยากเป็นนางเอกละครอะไรแบบนี้ ดีใจที่ได้มีโอกาสทำสิ่งที่ใฝ่ฝัน เรื่องร้องเพลงอย่างที่พี่แก้วบอก มีเรื่องของสำเนียง ถ้าเราร้องไม่ถูกก็ดูฝืน ดูอิหยัง ร้องอิหยังกันวะ

 

 

แก้ว BNK48

ประสบการณ์บ้านๆ ที่ว้าวของแต่ละคน

ไข่มุก: หนูประทับใจการทำนา ได้จับปลา ทีมงานจะสูบน้ำออกจากบ่อ แล้วเราต้องลงในบ่อที่เป็นโคลน หนูไม่เคยทำแบบนี้เลยในชีวิต

ตาหวาน: หนูได้นั่งรถอีแต๋นครั้งแรกในชีวิต ว้าวมาก ได้รู้ว่าเขาขับกันแบบนี้นี่เอง เราเคยคิดว่าคงขับไม่ยาก แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย จะเลี้ยวทีอัตโนมือมากค่ะ (ฮ่า) สนุกดี

เนย: หนูประทับใจช่วงพักกอง ได้ลองตำส้มตำปูปลาร้า คนในกองก็ต้องชิมฝีมือหนูให้หมด (ฮ่า) แต่ก็ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น

น้ำหนึ่ง: น้ำหนึ่งชอบที่ได้ลงไปหาปลา หนูเป็นสาย adventure เที่ยวป่าเที่ยวเขา เห็นท้องนาแล้วรู้สึกร่างกายอยากปะทะโคลน (ทุกคนหัวเราะ) ถึงแม้แคแรกเตอร์ในเรื่องต้องทำเหมือนเบื่อ แต่จริงๆ หนูอยากลงไปกลิ้งในโคลนมาก

โมบายล์: หนูก็อยากเหมือนกัน เขาแบ่งทีมดำนากับหาปลา หนูได้ดำนา แล้วทุกคนต้องรออุปกรณ์ ถุงมือ รองเท้า ระหว่างรอก็ใจสั่นแล้วอยากลงเร็วๆ พอเห็นพี่ทีมงานเขาลงกันเท้าเปล่า เฮ้ย อยากลงแบบนั้นบ้าง (ฮ่า) วันนั้นน่ะสนุกที่สุดเลย

แก้ว: หนูไม่ใช่สายลุยขนาดนั้น หนูชอบภาษาชอบเพลง หนูต้องเล่นเปียโนเมโลดี้อีสาน ซึ่งแปลกใหม่มากสำหรับหนู ลงบีท (เคาะจังหวะ) ไม่ถูกเลย ตอนที่เราเรียนร้องเพลงเขาก็แทรกวัฒนธรรม เช่น เอากบมาตีปากจะร้องเพลงเก่ง หรือต้องร้องในโอ่ง ร้องหน้าพัดลมแบบนี้

ปูเป้: ได้ลองกินอาหารอีสาน หนูจำชื่อไม่ได้ เป็นผักเขียวอื๋อ หน้าตาไม่น่ากินเลย แต่พอลองแล้ว เฮ้ย อร่อยดีเหมือนกัน มีอาหารหลายอย่างที่ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นมาก่อน คนอีสานเขาเก่งนะคะ สามารถเอาทรัพยากรท้องถิ่นแถวนั้นมาปรุงอาหารแถมทำได้อร่อยด้วย

 

 

ปูเป้ BNK48

เรียนรู้สิ่งใหม่ มุมมองที่เปลี่ยนไป

ไข่มุก: เราเคยรู้สึกว่าการใช้ชีวิตในเมืองสะดวกสบาย มีอินเตอร์เน็ตตลอดเวลา แต่วันหนึ่งหนูลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่สนามบินเลยอดเล่นไป 3-4 วัน กลายเป็นว่าเราได้ใกล้ชิดธรรมชาติ นั่งมองท้องฟ้า ถามว่าอยากเล่นมือถือมั้ย ก็อยากนะ แต่ไม่มีก็ได้เหมือนกันนิหว่า

ตาหวาน: ช่วงเวลาที่ถ่ายหนูรู้สึกชีวิต slow life ขึ้น ส่วนตัวเป็นคนขี้ร้อน เวลาตัวเหนอะจะรู้สึกหงุดหงิด แต่พอไปอยู่ที่นั่นหนูนั่งกลางแจ้ง มีเก้าอี้ให้นั่งแล้วหลับตรงนั้นได้เลย มันไม่ร้อนอย่างที่คิด ไม่เร่งรีบ ไม่มีอินเตอร์เน็ตก็จริง แต่เราได้อยู่กับตัวเอง คุยกับเพื่อนมากขึ้น

เนย: ในส่วนการแสดงหนูได้รู้จุดอ่อนว่า หนูติดจะหน้านิ่ง ดูไม่มีอารมณ์ เราคิดว่าเราแสดงอารมณ์แล้วนะ พี่ผู้กำกับจึงแนะให้ใช้สายตา ในแง่การถ่ายทำ หนูได้สัมผัสความใจดีของผู้คน พอเราไปเที่ยวสวนก็นั่งแกะผลไม้กินตรงนั้นได้เลย เรียบง่ายน่ารักดีค่ะ

ปูเป้: สถานที่ถ่ายทำเป็นหมู่บ้านนอกเมือง พอพี่ๆ ในกองเจอลุงป้าน้าอาก็เรียกพ่อๆ แม่ๆ หมดเลย ดูน่ารักสนิทสนมกันดี

แก้ว: แก้วก็คิดเหมือนกันตอนไปอยู่ที่โน่น โซเชียลไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น วิถีชีวิตมันสงบ รถไม่ติด นอนในมุ้งไม่เปลืองค่าไฟ เขาจับปลา จูงวัว อาจไม่ได้มีฐานะมาก แต่ก็ไม่เครียด ไม่กดดันแบบชีวิตในเมือง แค่รถไอติมผ่าน หรือรถขายลูกชิ้นผ่านบ้านก็โคตรมีความสุขแล้ว เป็นความสุขกับอะไรง่ายๆ

น้ำหนึ่ง: น้ำหนึ่งประทับใจวิถีชีวิตเรียบง่าย กินง่ายอยู่ง่าย ทำงานกลับมาแล้วล้อมวงกินข้าวพร้อมกัน การได้เห็นข้าวออกรวงก็ชื่นใจแล้ว เราก็มีความสุขกับเรื่องง่ายๆ ได้นี่นา ความสนิทสนมของคนละแวกบ้านก็เป็นสิ่งหาได้ยากในเมืองหลวงด้วยค่ะ

โมบายล์: หนูตั้งใจว่าจะไปเรียนรู้ ไม่ได้คิดก่อนว่าไปแล้วจะเจออะไร หนูเลยรู้สึกว่าไม่ได้แตกต่างหรือมีอะไรที่เปลี่ยนมุมมองเราจากที่เคยคิด

 

โมบายล์ แก้ว น้ำหนึ่ง ปูเป้

 

วัฒนธรรมไทยไม่เคย “เชย” และไม่ใช่เรื่องของคนแก่รุ่นย่ายาย

 ไข่มุก: วัฒนธรรมคือเอกลักษณ์ของประเทศเรานะคะ อย่าไปมองว่าคนนี้มาจากต่างจังหวัดต้องบ้านนอกแน่เลย จริงๆ แล้วเขามีหลายอย่างที่เราไม่มี และเขามีหลายอย่างที่เราขาดมากๆ ด้วย และเรายังต้องไปเรียนรู้จากเขาด้วยซ้ำ

ตาหวาน: อยากให้ลองเปิดใจค่ะ

เนย: ทั้งประเพณีและวิถีชีวิตพื้นถิ่นล้วนมีเสน่ห์ในแบบของมัน ถ้าไม่ลองไปสัมผัสก็ไม่รู้หรอกค่ะ

แก้ว: แก้วว่าไม่มีคำว่าเชย คุณไม่สามารถไปตัดสินความชอบหรือความสุขของใครว่าเชยจัง ไม่เจ๋งเลย หรือเพลงลูกทุ่งเพลงหมอลำไม่เห็นเท่ หนูว่าก็ไพเราะในสไตล์เขานะ คุณอาจไม่ชอบ แต่ยังมีคนที่ชอบอยู่

น้ำหนึ่ง: หนูรู้สึกว่าต้องเถียงค่ะ คุณพี่คะ เชยยังไงเหรอคะ ประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นต่างๆ คือรากเหง้าของคนไทย คือความ unique (ลักษณะเฉพาะ) ของเราคนไทย สิ่งที่หล่อหลอมให้เราเป็นชาติไทย

โมบายล์: หนูอยากให้มองเป็นศิลปะ อย่างตอนนี้การแต่งตัวย้อนยุค 80s 90s กลับมาฮิต หนูว่าก็เหมือนกัน มันมีความเท่ความงามในนั้น

ปูเป้: มันคือความคลาสสิค ถ้าวันหนึ่งหายไปหนูเชื่อว่าทุกคนจะโหยหา อย่างหนูไปกอง ถ่ายพูดภาษากลางกับเขา แต่เขาตอบอีสานกลับมา หนูยังอยากพูดภาษาเดียวกันได้เลย ถ้าจินตนาการว่าวันหนึ่งคนไม่พูดกันแล้วเพราะดูเชย เราคงคิดถึงมัน

 

 

 

 

ภาษาอีสานวันละคำ

ไข่มุก: ข่อยมักเจ้า – ฉันรักเธอ

ตาหวาน: เบิ่ดคำสิเว้า – หมดคำจะพูด

เนย: เมือย – เหนื่อย

น้ำหนึ่ง: จ๊วด – สุดยอด

โมบายล์: ฉันสิสูน – โอ๊ย หมดอารมณ์ โมโหแล้วนะ

ปูเป้: มุ้นอุ้ยปุ้ย – พังเละเทะ

แก้ว: รุมตุ้มโฮม – มะรุมมะตุ้ม วุ่นวาย

 

 

แจกฟรีฉบับตีพิมพ์ ที่ร้าน 7-Eleven เฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ภิญญ์สินี

Writer

กองบรรณาธิการ ศิษย์เก่าเอกปรัชญาและศาสนา ชอบติดตามกระแสสังคม และเทรนด์แฟชั่น สนใจศิลปวัฒนธรรม และสีมงคล ลายนิ้วหัวแม่มือคือลายมัดหวาย

อนุชา ศรีกรการ

Photographer

ช่างภาพที่เกิดวันเดียวกับวันถ่ายภาพโลก เลยทำอย่างอื่นไม่เป็นแล้ว

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!