Billy – Babe :: Series Y พลังไทยสู่เวทีโลก

-

หากติดตามวงการซีรีส์วายไทยอยู่บ้าง ย่อมได้เห็นพัฒนาการของซีรีส์แนวนี้ เริ่มต้นด้วยแนวความรักในวัยเรียน และอาชีพต่างๆ ของตัวเอก ไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศ ทหาร หมอ น้องร้องนักแสดง มาเฟีย หรือแม้แต่ผี ซึ่งมีการให้รายละเอียดของแต่ละอาชีพอย่างเข้มข้น จากแนวเลิฟคอเมดี้ ก็ขยายสู่แอกชัน ดราม่า ย้อนยุค และแฟนตาซี ทั้งยังสอดแทรกประเด็นต่างๆ เช่น ปัญหาครอบครัว การตั้งคำถามต่อค่านิยมหรือกฎระเบียบ เมื่อวงการซีรีส์วายไทยเติบโตและสร้างสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ จึงดึงดูดทั้งแฟนคลับต่างชาติและนักลงทุน กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่มีศักยภาพอย่างหนึ่งของไทย 

ลางสังหรณ์ คือซีรีส์วายจากค่าย Idol Factory ของนักแสดงหนุ่มที่เคยขึ้นปก ออล แม็กกาซีน ‘เซ้นต์’ ศุภพงษ์ ผู้มุ่งมั่นอยากผลักดันซีรีส์วายไทยสู่สายตาชาวโลก ลางสังหรณ์ว่าด้วยเรื่องราวของ ‘พญา’ และ ‘ธาร’ สองหนุ่มที่ผูกพันกันมาตั้งแต่อดีตชาติ โดยมีความบาดหมางระหว่างพญาครุฑกับพญานาคเกี่ยวข้อง แน่นอนว่าซีรีส์เรื่องนี้ได้รับความนิยมทั้งในไทยและจากอินเตอร์แฟนอย่างท่วมท้น จนนำไปสู่การสร้างตอนพิเศษขึ้น 

ออลฯ ได้มีโอกาสสนทนากับสองหนุ่มนักแสดงนำ บิลลี่’  ภัทรชนน อ่อนสอาด และ ‘เบ้บ’  ธนทัต พรรณวิริยะกุล ถึงเรื่องราวของโปรเจกต์นี้ ความทุ่มเททั้งงานโปรดักชัน งาน CG อันสวยงาม ฉากแอ็กชันเดือดๆ รวมถึงการนำเสนอวัฒนธรรมไทยแก่ชาวโลก เช่น ประเพณีบุญบั้งไฟ

นิยามตัวเองสั้นๆ ของสองหนุ่ม  

เบ้บ – เป็นคนขี้เบื่อ ไม่ชอบความซ้ำซากจำเจ ชอบหาสิ่งใหม่ๆ ทำ

บิลลี่ – คนรอบข้างมักบอกว่าเป็นเจนเทิลแมน คือผมรู้จักให้เกียรติผู้อื่น ใส่ใจคำพูดว่าจะกระทบความรู้สึกใครรึเปล่า ไม่ตัดสินคน ชอบดูแลเทกแคร์คนรอบข้าง

ชีวิตวัยเยาว์ก่อนเข้าสู่วงการบันเทิง

เบ้บ – เบ้บเป็นลูกโทน และเพียงหลานคนเดียว แม่มีพื้นเพจังหวัดอุดรธานี ส่วนพ่อมีเชื้อสายจีน ครอบครัวค้าขายอยู่ในห้างสรรพสินค้า ตอนเด็กๆ เบ้บไถสเกตเล่นอยู่ในห้าง MBK แล้วย้ายไปไถต่อที่ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต รวมตัวเป็นแก๊งลูกพ่อค้าแม่ค้าในห้าง

บิลลี่ – ส่วนผมเป็นคนนครสวรรค์ พ่อแม่เปิดยิมเทควันโด ผมกับน้องชายฝึกเทควันโดตั้งแต่เด็ก ร่างกายของผมไม่แข็งแรง ครอบครัวจึงผลักดันให้เล่นกีฬา ผมเริ่มซ้อมเทควันโดตั้งแต่อายุ 4-5 ขวบ พอ 7-8 ขวบก็ตระเวนแข่ง ทุกสัปดาห์ผมจะขึ้นรถทัวร์เพื่อไปแข่งที่จังหวัดต่างๆ จากเหนือจรดใต้ ยุคนั้นเทควันโดฮิตมาก แต่ผมไม่ได้ชอบเพราะเป็นกีฬายอดฮิต เทควันโดนั้นนอกจากสอนการต่อสู้แล้ว ยังฝึกจิตให้เรารู้จักควบคุมสติและอารมณ์ เมื่อเกิดการกระทบกระทั่งกัน หากถืออารมณ์เป็นใหญ่ก็จะมีผลเสียหายในการดำเนินชีวิต

ปีกความฝันที่ผันแปร

บิลลี่ – ลึกๆ ในใจผมมีความฝันอยากเป็นนักบินครับ เราอยากออกจากคอมฟอร์ตโซนที่อยู่มาตั้งแต่อายุ 4-5 ขวบด้วย อยากมีเป้าหมายชีวิตของตัวเอง ไม่อยากให้พ่อแม่กำหนดว่าต้องไปสายกีฬานะ

เบ้บ – ตอนเด็กๆ เบ้บก็อยากเป็นนักบินเหมือนกัน ที่บ้านสนับสนุนอยากให้เราเป็นนักบินทหาร รับราชการ ตอนม.ต้น เบ้บตั้งใจเรียนมาก เกรด 4.00 เลย เดินตามที่พ่อแม่ตั้งเป้าหมายไว้ แต่ตอน ม.ปลาย เบ้บพบว่าตัวเองชอบทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นกีฬาสี การแสดง หรือการแข่งขัน ทุกอย่างที่เราได้แสดงออก พอถึงช่วงเรียนต่อมหา’ลัย เบ้บมีอยากเรียนนิเทศศาสตร์ เบ้บต้องโน้มน้าวและอธิบายให้พ่อกับแม่ฟังว่านิเทศศาสตร์คืออะไร ไม่ใช่แค่พูดเฉยๆ เบ้บทำลิสต์หลักสูตรของแต่ละมหา’ลัย ที่นี่ค่าเทอมเท่าไหร่ ข้อดี-ข้อเสียคืออะไร งานสายนิเทศศาสตร์มีอะไรบ้าง ให้เขาเห็นภาพ

สาขาที่เลือก วิชาเรียนที่ใช่

เบ้บ – เบ้บเรียนสาขาวารสารศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่เลือกสาขานี้เพราะเป็นสาขาที่ตรงกับความชอบส่วนตัวที่สุด สาขานี้จะแตกแขนงไปเป็น ข่าว สารคดี แม็กกาซีน เบ้บทำมาหมดตอนฝึกงาน รู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีในส่วนแมกาซีน เราชอบการวางเลย์เอาต์ ชอบแฟชั่น ชอบครีเอตลุค อันที่จริงช่วงแรกพ่อแม่เปิดใจแต่ยังไม่ยอมรับ ทว่าพอเบ้บเข้าเรียนแล้วได้ทำโปรเจกต์ คือ ทำแมกาซีนราย 3 เดือนโดยหาสปอนเซอร์จริง ได้ค่าตอบแทนจริง และยังได้เกรดด้วย พ่อแม่เห็นเราหาเงินได้ก็วางใจ

บิลลี่ – ผมเรียนสาขาวิศวกรรมการบินและอวกาศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เราฝันเป็นนักบิน ก็เตรียมตัวเพื่อเข้าใกล้ความฝัน ตอน ม.ต้น ผมเรียนอินเตอร์ สายภาษา แต่พอเรารู้ว่าการเป็นนักบินต้องเก่งคณิต ฟิสิกส์ เลยอ่านหนังสือด้วยตัวเอง ซ้อมกีฬาควบคู่กับอ่านหนังสือ เพื่อสอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดซึ่งเด่นสายวิทย์-คณิต 

ผมไม่อยากเสียเวลา 4 ปี หากต้องเลือกสาขาอื่นที่ไม่ใช่การบิน แต่ถ้าจะเรียนการบินพาณิชย์เลยก็ไม่ไหว ค่าเทอมแพงมาก และไม่ใช่ว่าจบแล้วจะขับเครื่องบินใหญ่เข้าสายการบินได้ ก็ต้องสอบอยู่ดี จึงตัดสินใจเลือกวิศวกรรมการบินฯ ซึ่งเรียนด้านออกแบบรันเวย์ เครื่องบินและอุปกรณ์การบิน หรือไปทางซ่อมบำรุง ตอนฝึกงานพบว่าตัวเองชอบสายการจัดการ เช่น air traffic controller หรือทำ fight plan มากกว่า หลังจากเรียนจบ ผมทุ่มเทเวลาหนึ่งปีกับการอ่านหนังสือเพื่อสอบเป็น student pilot ผมสอบผ่านแต่ไปตกรอบสัมภาษณ์ ตอนนั้นเสียใจและผิดหวัง แต่เผอิญมีงานวงการบันเทิงเข้ามา และคนรอบข้างก็บอกว่าเราทำได้ดี เลยตัดสินใจลุยงานวงการบันเทิงเต็มตัว สำหรับคนที่มีฝันอยากเป็นนักบิน ผมว่าวิศวะการบินเป็นตัวเลือกที่ดี 

เส้นทางสู่วงการบันเทิง

บิลลี่ – ตอน ม.6 มีพี่มาชักชวน แต่เราปฏิเสธไป พอขึ้นปีหนึ่ง เขาก็ทาบทามมาอีก เลยลองไปคุย พอดีมีโปรเจกต์หาเด็กไปเทรนที่เกาหลี ผมก็ลองไปเรียนร้องเต้นจนผ่านการคัดเลือกทั้งในไทยและเกาหลี แต่โปรเจกต์โดนพับเสียก่อน ตอนนั้นเซ็งเหมือนกัน แต่ก็คิดซะว่าคงไม่ใช่จังหวะของเรา หันไปมุ่งแคสต์โฆษณาแทน ช่วงที่อ่านหนังสือสอบนักบินต้องพยายามอย่างหนักหน่วง เพราะเงินที่เอามาหมุนใช้จ่ายมาจากงานโฆษณา แต่ละเดือนจึงกดดันมาก ท้อจนเกือบไปทำงานประจำแล้ว ผมร้องไห้กับแม่ แล้วแม่ก็พูดว่า ยังทำไม่สุดเลย ต่อให้เราไม่ผ่าน เราก็ได้เรียนรู้ว่าบกพร่องตรงไหน คนอื่นๆ ในวงการก็ไม่ได้สำเร็จในหนึ่งปี ผมเลยฮึดสู้ต่อ กฃปีถัดมาเริ่มแคสต์ผ่านและขยับขึ้นเป็นตัวหลัก ทางค่าย Idol Factory เห็นเราก็ติดต่อให้ไปแสดงนำในซีรีส์ ผมได้บทเรียนเลยว่า ถ้าจังหวะชีวิตมันใช่ก็คือใช่ เราทำหน้าที่จนสุดความสามารถแล้ว อย่าน้อยเนื้อต่ำใจในตัวเอง 

เบ้บ – เบ้บก็ผ่านประสบการณ์แคสติ้งมาเหมือนกัน แคสต์เท่าไหร่ก็ไม่ผ่านจนปลงตกว่า ยังไม่ถึงจังหวะของเรา เบ้บทำงานเบื้องหลังอยู่ 2 ปี เริ่มเบื่องานเลยไปพักใจที่เชียงใหม่ ฉุกคิดขึ้นมาว่าเราทำงานให้คนอื่น ให้เขามีอิมเมจที่ดี ทำไมไม่ทำให้ตัวเองบ้าง จากนั้นก็คุยกับเพื่อนว่าเบ้บจะหยุดหางานให้แล้วนะ แต่เป็นการที่ทุกคนสมัครใจทำเบื้องหลังให้เบ้บมีตัวตนในโลกโซเชียล เริ่มต้นจากทำ vlog และคลิป สักพักก็กลับไปแคสต์งานอีก คราวนี้เริ่มได้งานละ จนวันหนึ่งมีคนส่งข้อความให้ลองมาแคสต์ซีรีส์ลางสังหรณ์

ความต่างระหว่างแคแรกเตอร์ ‘พญา’ กับ ‘ธาร’ 

บิลลี่ – ‘พญา’ เป็นคนพูดตรง รักความยุติธรรม กำพร้าพ่อแม่ คุณย่าเลยรับเลี้ยงเขาและน้องสาว ด้วยความเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้านจึงอยากปกป้องครอบครัวและคนที่เขารักทุกคน พญามักฝันว่าพญานาคจะมาเอาชีวิต เลยกลัวการเข้าใกล้น้ำ ทว่าเกิดเหตุการณ์จมน้ำในวัยเด็กเมื่อครั้งไปเที่ยวหนองคาย และได้เจอกับ ‘ธาร’ ซึ่งเป็นผู้ช่วยชีวิต ทั้งสองคนผูกพันกันตั้งแต่อดีตชาติ และมาพบกันอีกครั้งตอนโต

เบ้บ – ‘ธาร’ ชีวิตก็น่าสงสาร ในอดีตชาติถูกสาปไม่ให้รักใคร ถ้าเขารักใคร แล้วคนนั้นพยายามช่วยเหลือเขา ก็ต้องพบกับความตาย ครอบครัวจึงเสียชีวิตหมด เขาเลยเป็นคนไม่เปิดใจให้ใคร ธารมีพลังที่ติดตัวมาคือลางสังหรณ์ในการเห็นนิมิตร้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกับคนรอบข้าง หลวงพ่อเคยบอกธารว่า หากช่วยชีวิตเจ้าของสร้อยพระเส้นนี้ จะหลุดพ้นจากคำสาป เป็นเหตุให้ธารช่วยพญาซึ่งจมน้ำสมัยเด็ก เรื่องราวจะค่อยๆ คลี่คลายผ่านการไขคดีต่างๆ สอดแทรกการใช้พลังพิเศษของธาร

ความเชื่อเรื่องครุฑและนาคก่อนแสดงซีรีส์ และเรื่องลี้ลับที่

บิลลี่ – คุณปู่ของผมเป็นทหาร แล้วที่บ้านเปิดสนามยิงปืนด้วย ผมเห็นตั้งแต่เด็กว่าผู้ใหญ่เขาบูชาพญาครุฑนะ และผมเรียนมหา’ลัยเกษตรศาสตร์ มีสัญลักษณ์คือพระพิรุณทรงนาค ที่เกษตรฯ มีตำนานเกี่ยวกับพญานาคเล่าต่อกันมาให้ได้ยินบ่อยๆ ผมเลยมีความเกี่ยวพันกับพญาครุฑและพญานาคครับ

ตอนถ่ายทำ ฉากที่ผมต้องดำน้ำลงไป แล้วเจอกับพญานาค กองถ่ายเขาจะขึงผ้าดำ มีกล้องอยู่ข้างหลัง ผมต้องหันไปหากล้อง ตอนนั้น CG ยังไม่เสร็จ เราจึงต้องจินตนาการว่าเห็นพญานาคนะ แล้วลักษณะของพญานาคที่แวบเข้ามาในหัวก็ต่างจากภาพที่เห็นทั่วไป พอถึงเวลาลงน้ำ อยู่ๆ ผมก็กลัวมากจนขนลุกไปหมด ยังบอกเบ้บว่าพี่กลัวว่ะ รู้สึกเหมือนท่านมาจริงๆ พอถ่ายทำเสร็จได้เห็น CG พญานาคที่เขาวาดขึ้น ปรากฏว่าเหมือนที่เราจินตนาการเลย ก็เป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคลครับ

เบ้บ – ครอบครัวเบ้บมีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่อุดรธานี ใกล้แม่น้ำโขง แล้วเบ้บเป็นสายมู เชื่อทั้งพญานาคและพญาครุฑ ไม่เคยสงสัยเลยว่ามีจริงหรือไม่ 

การเตรียมพร้อมก่อนถ่ายทำ

เบ้บ – ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของเบ้บเลยค่อนข้างกดดัน แต่ทาง Idol Factory ก็ซัปพอร์ตอย่างดี ส่งเราไปเรียนทุกอย่างที่จำเป็น เช่น ยิงปืน ดำน้ำ ต่อสู้

บิลลี่ – ตัวละครในลางสังหรณ์ อยู่หน่วยสืบสวนพิเศษ เลยมีพี่ๆ หน่วยปฏิบัติการพิเศษตัวจริงมาสอนเรื่องท่าทางการเคลื่อนไหว และเล่าประสบการณ์จริงให้ฟัง เพื่อเราจะได้เข้าใจตัวละครมากขึ้น

เบ้บ – มีสิ่งที่คาดไม่ถึงเยอะ อย่างตอนแรกที่เบ้บอ่านนิยาย ก็จินตนาการถึงฉากปะทะกัน เช่น ระวังเพื่อน ระวังซ้าย ระวังขวา ระวังตัวประกัน แค่นี้ แต่พอได้ฟังประสบการณ์จริง ตั้งแต่เขาลืมตาตื่นก็ต้องเตรียมพร้อมอยู่ในสมรภูมิแล้ว ไม่รู้ว่าจะจากโลกนี้ไปวินาทีไหน ภารกิจก็ต้องทำ ครอบครัวข้างหลังก็ยังมี แววตาของพี่ๆ ที่ทำอาชีพเสี่ยงภัยนี้สะท้อนเรื่องราวมากมาย

บิลลี่ –  ใช่ เขาเจอคุณในภารกิจ คุณเป็นใครไม่รู้ แต่เขาต้องปกป้องคุณด้วยชีวิต พูดตามตรงต้องกล้าและเสียสละนะถึงทำหน้าที่นี้ได้ เป็นอาชีพที่มีเกียรติมาก พี่ๆ ส่งแพชชันในอาชีพของเขาถึงเรา พวกผมก็อยากส่งต่อถึงผู้ชมด้วยการแสดงอย่างสุดความสามารถ

ความประทับใจต่อซีรีส์ลางสังหรณ์ และการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยผ่านซีรีส์

บิลลี่ – ผมเล่นซีรีส์มาไม่กี่เรื่องก็จริง แต่เรื่องนี้กล้าพูดได้ว่าทีมงานทุ่มเทมากๆ ต้องชื่นชมพี่เชน (คเชนทร์ สดโพธิ์) และเซ้นต์เขามีความมุ่งมั่นอยากทำซีรีส์ที่ชาวโลกจะหันมามองประเทศไทย และได้เห็นว่าซีรีส์ของเรา นักแสดงของเรา โปรดักชันของเราไม่แพ้ชาติใดเลย ผลักดันให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ทีมงานทุกคนจึงช่วยกันส่งเสริมให้งานออกมาดีที่สุด ไม่ใช่ถ่ายเสร็จ โอเคใช้ได้ พอเท่านี้ แต่เราแชร์ไอเดียกันเสมอ แบบนี้น่าจะดีกว่านะ ลองดูไหม 

เบ้บ – เบ้บประทับใจที่ Idol Factory มีความเชื่อมั่นในนิยายเรื่องนี้ และกล้านำมาสร้างเป็นซีรีส์ แพชชันที่แรงกล้านั้นส่งถึงเรา จนพร้อมสู้ไปกับเขา และการผลิตเมกะโปรเจกต์ใดๆ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการสร้างอาชีพให้แก่คนเบื้องหลังอีกหลายคน

บิลลี่ – การที่ต่างชาติสนใจซีรีส์เรื่องนี้ รับรู้เรื่องราวพญาครุฑ พญานาค และประเพณีวัฒนธรรมไทย ยังขยายผลสู่การส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว รวมถึงภาคส่วนอื่นๆ ของอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทย 

นอกจากตอนหลักแล้ว ยังมีตอนพิเศษที่พลาดไม่ได้

เบ้บ – เนื้อเรื่องในตอนพิเศษไม่ต่อกับภาคหลัก แต่เป็นเรื่องราวใหม่ที่บอกเลยว่าเด็ด จะได้เห็นว่าพญาครุฑก็ไม่แพ้ใคร

บิลลี่ – เซ้นต์มารับบทพญาครุฑด้วย ฉากแอ็กชันก็ดุเดือด ซีนอารมณ์ก็เข้มข้น คุณภาพโปรดักชันเทียบเท่าถ่ายภาพยนตร์เลย สำหรับผมที่เป็นนักแสดงเล่นเรื่องนี้คุ้ม ได้ดำน้ำ โดนฝังดิน วิ่งลงทะเล แบกเรือ แบกซุง แช่ถังน้ำแข็ง ครบทุกรสชาติ

บิลลี่และเบ้บในเวอร์ชันที่เติบโตขึ้นเมื่อเข้ามาทำงานบันเทิงเต็มตัว

บิลลี่ – เดิมผมคิดว่าเข้ามาทำงานเพื่อหาเงินหารายได้อย่างเดียว แต่สิ่งที่เราทำสร้างความสุข สร้างแรงบันดาลใจ สร้างชีวิตให้ผู้ชมได้ด้วย จากประสบการณ์จริงเลยครับ มีแฟนคลับมาพูดกับผมว่า หนูได้ดูพี่แล้วทำให้ชีวิตหนูดีขึ้น พี่คือกำลังใจของหนู หนูป่วยเป็นซึมเศร้า พี่คือสิ่งยึดเหนี่ยวให้สู้ต่อ ซีรีส์ที่เราแสดงช่วยเยียวยาเขาให้มีกำลังใจใช้ชีวิต ยอมรับว่าแรกๆ ผมก็ตั้งคำถามว่าเป็นไปได้เหรอ จริงเหรอ แต่พอเราเห็นแววตาเขาขณะพูด เขาหมายความอย่างนั้นจริงๆ กลายเป็นว่าเราทำงานไม่ใช่เพราะรายได้อย่างเดียว แต่เราอยากสร้างความสุข อยากเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คน เปลี่ยนมายด์เซ็ตที่มีต่องานไปเลยว่าอาชีพนี้ก็มีเกียรตินะ

เบ้บ – เบ้บรู้สึกว่าคนที่ทำงานวงการบันเทิงเหมือนมีพลังวิเศษ ข้างในตัวเขาเปี่ยมด้วยเอเนอร์จี พร้อมส่งพลังให้คนอย่างไม่มีวันหมด เบ้บเคยเป็นคนที่ดูดาราแล้วรู้สึกเกิดแรงบันดาลใจ วันนี้พอมีแฟนคลับมาบอกว่า เบ้บเป็นแรงบันดาลใจให้เขา เบ้บอยากบอกว่าเราเข้าใจคุณนะ เพราะเราก็เคยรู้สึกแบบนั้นมาก่อน ตัวเราที่เป็นความสุขให้แก่คนอื่น มันตื้นตันจนอธิบายไม่ได้ จากนี้เบ้บและเพื่อนนักแสดงก็ยังมีอะไรอีกมากมายที่อยากแชร์ อยากส่งพลัง ส่งความสุขให้ทุกคน

คำขอบคุณที่อยากมอบให้

เบ้บ – อยากขอบคุณตัวเอง ขอบคุณที่ไม่ท้อ ไม่ยอมแพ้ ถ้าวันนั้นไม่ดื้อกับพ่อแม่และเลือกเรียนสิ่งที่ชอบ ไม่รู้ว่าวันนี้จะเป็นยังไง จะมีทักษะสื่อสารได้อย่างตอนนี้ไหม อาจแตกต่างกับตอนนี้เลย จึงอยากขอบคุณตัวเองมากๆ ที่ยอมรับในตัวตน กล้าคิด กล้าฝัน กล้าตัดสินใจ

บิลลี่ – ผมเองพอย้อนมองเหตุการณ์ที่ผ่านมา ความลำบากต่างๆ ที่ได้เผชิญก็ไม่มีเรื่องอะไรที่รู้สึกอยากแก้ไข แม้แต่ปัญหาใหญ่สุดในชีวิตก็ไม่อยากลบจากความทรงจำ อยากให้ยังคงเจ็บปวดเหมือนเดิม ต้องขอบคุณบาดแผลในวันนั้น ความสุข ความทุกข์ ที่หล่อหลอมเรามา ผมรู้สึกว่าการได้เจอพี่ที่มาสัมภาษณ์ผม ได้เจอเบ้บ ได้เจอช่างภาพ ทีมงานทุกคน คือสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว พูดคุยแชร์ความสุขให้กัน

ความชื่นชมซึ่งกันและกัน

บิลลี่ – ผมชอบความ… แหม มีสะกิดให้พูดดีๆ นะแก (หัวเราะ) ผมประทับใจที่เบ้บเป็นคนแคร์คนรอบข้าง เขาใส่ใจทุกสิ่ง สมมติผมจะพูดอะไรขึ้นมา เขาจะ ฮะ หรือมีสองคนพูดพร้อมกัน เขาก็ ฮะ อะไรนะ ฟังทั้งสองคน ทั้งที่ไม่ต้องขานรับหมดก็ได้ แต่เขาขานรับ แล้วไม่ตอบผ่านๆ ด้วย ช่วยออกความเห็น ช่วยแก้ปัญหา เป็นความจริงใจที่อยากช่วยคนรอบข้าง สังเกตว่าเขาร่าเริงเสมอ เบ้บไม่ชอบเห็นคนรอบข้างเครียด เขามีวิธีทำให้คนนั้นมีรอยยิ้ม เก่งมากเลยนะที่ทำให้คนหายเศร้าได้ เพราะเขาเป็น ‘ดารา’ เลยมีพลังวิเศษครับ (หัวเราะ)

เบ้บ – หูยชมซะดีเลย เขินอะ สิ่งที่ประทับใจในตัวบิลลี่คือเขาทำการบ้านดีมากๆ ถ้าทำงานร่วมกับเขาไม่มีอะไรให้กังวลเลย อันที่จริงเบ้บกับบิลลี่มีส่วนที่แตกต่างกันเยอะ เรามีไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน แรกๆ เหมือนลิ้นกับฟัน แต่พอได้หันหน้าคุยกัน เบ้บรู้สึกว่าบิลลี่ค่อยๆ ปรับตัวเข้าหาเรา เขาทำให้เห็นว่าคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เป็นน้ำไม่เต็มแก้ว เบ้บซึ่งใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจมานานก็ลดความเป็นตัวเองลง ในการทำงานเบ้บเปิดใจกับเขามากๆ


ขอบคุณสถานที่

MUU Bangkok Hotel

88/333 สุขุมวิท 55 (ถนนทองหล่อ) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

+66 (0) 2 090 9000

info.bangkok@muuhotels.com


คอลัมน์: เรื่องจากปก

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

4 ความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!