ในโลกอันกว้างใหญ่
มีทางให้เลือกอยู่มากมาย
แต่ไม่มีทางเลือกไหน เลือกแล้วภูมิใจ
เท่ากับทางที่เราเลือกได้ด้วยตัวเอง
หลายครั้งที่ชีวิตต้องเดินมาถึงทางแยกซ้ายขวา บางครั้งอาจจะเจอทางสามแพร่งให้เลือกว่าจะไปทางไหนวันนั้นถึงวันที่ต้องตัดสินใจ เลือกทางไปในชีวิต
สามทางเลือกสำคัญ ที่ส่งผลกับชีวิตคนเรามหาศาล นั่นก็คือ
- เลือกเรียนอะไร
หลังจากจบการศึกษาภาคบังคับ จะเรียนต่อระดับอาชีวะศึกษา หรือต่อสายสามัญเข้ามหาวิทยาลัย หรือจะไปเตรียมทหาร เรียนเมืองไทยหรือไปต่างประเทศ หรือไม่เรียนอะไรล้วนมีผลต่ออนาคตที่ตามมาทั้งสิ้น
- เลือกทำงานแบบไหน
จบออกมาแล้วเลือกงานแบบไหน รับราชการ งานเอกชน ประกอบธุรกิจ ค้าขาย งานส่วนตัว ก็มีผลกับชีวิตทั้งนั้น
- เลือกแต่งงานกับใคร
คนเราใช้ชีวิตจนถึง 20 ปีกว่าๆ อยู่กับบิดามารดา หลังแต่งงานแล้วต้องใช้ชีวิตอยู่กับใครเจอคนดีก็ดีไป เจอคนร้ายก็แทบฝันร้ายไปทั้งชีวิต
ดังนั้น การเลือกจึงมีผลกับทุกคนมาก จะเลือกทั้งที่เลือกให้ดีที่สุด และต่อไปนี้คือ
วิธีเลือกทางเดินให้ชีวิต
- ชีวิตเป็นของเรา
ชีวิตจะดีจะร้าย ไม่มีใครรับผิดชอบชีวิตเราได้ นอกจากตัวเราเอง
ดังนั้นบนเส้นทางชีวิต จะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เดินหน้าหรือถอยหลัง ก็เป็นสิทธิของเราร้อยเปอร์เซ็นต์
เมื่อเป็นเจ้าของชีวิต ก็ต้องเลือกลิขิตชีวิตและทางเลือกทุกชนิดด้วยตัวเราเอง
แต่บางคนชอบใช้ชีวิตตามคนอื่น เห็นเขาทำก็อยากทำบ้าง เห็นเขามีก็อยากมีบ้าง
ถ้าไม่ใช่เรื่องผิดก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ถ้าไหลไปตามกระแสเอาแต่แห่ตามเขาไป จะไม่รู้ความต้องการของตัวเอง
ดังนั้นต้องถามตัวเองให้ดีว่าเราเป็นใคร จุดหมายปลายทางต้องการไปไหน อะไรคือความสุขในชีวิต เราให้คุณค่ากับสิ่งใดมากที่สุด
ถ้าเราชัดเจนกับตัวเองได้ การเลือกทางเดินของชีวิตจะง่ายขึ้น
- เลือกเอง
อิสระของชีวิตที่ทำให้เรามีความสุข คือมีเสรีในการเลือกเส้นทางชีวิต
เราเลือกจะเรียนอะไรที่ใช่ที่ชอบ ควรเลือกเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นเลือกให้ หรือเพราะสังคมกำลังนิยมชมชอบ
เลือกทำงานแบบใดที่ไหน จะซื้อบ้านหรือเช่าเขาอยู่ก่อน จะแต่งงานเมื่อไร หรืออยู่เป็นโสดไปทั้งชีวิต จะเป็นหนุ่มสาวออฟฟิศหรือไปทำสวนทำไร่ ชีวิตเราควรเลือกได้ไม่ใช่ให้คนอื่นมาเลือกแทน
เพราะบางคนด้วยความรักและเกรงใจ ไม่อยากขัดใจให้เขาเลือกทางเดินชีวิตให้
คนเลือกเลือกให้แล้วก็สบายใจ แต่ถ้าคนไม่ได้เลือกคิดว่ามันไม่ใช่ก็ต้องทุกข์ใจไปตลอดชีวิต
ฉะนั้น ทางเดินในชีวิตต้องลิขิตเอง
- รับผิดชอบ
เมื่อเลือกแล้วก็ต้องรับผลของการเลือกให้ได้ ซึ่งอาจจะดีร้าย สำเร็จหรือล้มเหลวไม่มีใครรู้
เช่น เราเลือกที่จะออกมาเป็นศิลปินอิสระไม่มีรายได้ประจำ เกิดวันที่ไม่มีงานเงินน้อยไม่พอใช้จ่าย ก็รับผลของการเลือกนั้นไว้ ไม่ใช่ไปโทษเศษฐกิจโทษลูกค้าโทษวงการให้วุ่นวาย
และก็ไม่ใช่จะงอมือเท้าอยู่กับที่ อะไรที่ทำได้ก็ทำไปสู้ให้เต็มที่ แต่ยอมรับในผลการเลือกของตนเอง
อย่างน้อยไม่ว่ามันจะออกมาดีหรือร้าย ก็ยังภูมิใจว่าเราได้เลือกด้วยตัวเอง
- ไปให้สุด
ถ้าชีวิตนี้โชคดี ได้มีทางเลือกเป็นของตัวเอง ก็ขอให้สู้ให้สุดใจ ไปให้สุดทางที่ได้เลือกเอาไว้
เพราะส่วนใหญ่ทางที่เราเลือกจะเป็นทางที่เราชอบที่สุด มีความสุขที่สุด และรู้สึกว่ามันใช่ที่สุด สำหรับเราแล้ว
และเมื่อเดินอยู่บนทางที่ใช่ จะดีกว่าไหมที่ต้องเดินต่อไปให้สุดทาง
เช่น อยากเป็นนักดนตรีก็ให้เวลาฝึกฝนให้เต็มที่ พัฒนาฝีมือให้ก้าวหน้าขึ้นไประดับมืออาชีพ ต่อยอดให้เก่งขึ้นไปเรื่อยๆ จนเป็นที่หนึ่งในวงการ
อยากเป็นช่างก็ต้องมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองให้เป็นช่างมือหนึ่งที่รู้จักกันทั่ว ไม่ใช่เป็นช่างธรรมดาที่หาได้ทั่วไป ทำอย่างที่ช่างคนไหนก็ทำได้ แล้วเมื่อไรจะเกิด
ทำอะไรก็ทำให้สุดใจ เราจะกลายเป็นช่างที่เก่งมากใครก็อยากได้ อยู่ที่ไหนใครก็ต้องการ
ในโลกกว้างมีทางเดินอยู่มากมาย
เลือกทางที่ใช่ แล้วเดินไปให้ไกลที่สุด
แล้วไปหยุดที่ฝันในวันที่ทำได้
คอลัมน์: ก้าวไกลไปข้างหน้า
เรื่อง: จตุพล ชมภูนิช
ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์