ปีนี้วงการซีรีส์เกาหลีมีซีรีส์สืบสวนคุณภาพเยี่ยมถึง 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ Mouse ที่เขียนถึงแล้วในคอลัมน์เดือนก่อน
อีกเรื่องคือ Beyond Evil ซึ่งคว้ารางวัลใหญ่บนเวที Baeksang Arts Awards ถึงสามรางวัลคือซีรีส์ยอดเยี่ยม, บทยอดเยี่ยม และนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
Mouse เหมาะกับคนที่ชอบหนังสืบสวนแบบพลิกความคาดหมายเหมือนอ่านคินดะอิจิที่มี gimmick หรือเงื่อนงำในคดี แต่เมื่อผ่านครึ่งหลัง Mouse ก็สนุกในความไม่ค่อยสมจริงนัก มีช่วงที่ไม่กระชับเหมือนซีรีส์หลายเรื่องของเกาหลีที่เข้าอีหรอบเดียวกันเมื่อจำเป็นต้องลากยาวถึง 16 ตอน
ตรงข้ามกับ Beyond Evil ที่ดำเนินเรื่องช้ากว่าและจุดพลิกผันก็ไม่ถี่จนเหลือเชื่อเหมือน Mouse วิธีการเล่าแบบเนิบหนักแน่นสามารถรักษามาตรฐานความยอดเยี่ยมได้คงเส้นคงวาตลอดเรื่อง
Beyond Evil เล่าเรื่องในปี 2000 ที่เมืองเล็กๆ ชื่อมันยาง มีฝาแฝดวัยรุ่นในครอบครัวชนชั้นกลาง แฝดชายชื่ออีดงชิกซึ่งดูไม่ค่อยเอาไหนในสายตาของผู้ใหญ่ แฝดหญิงชื่ออียอนยูซึ่งเป็นเด็กเรียนเก่งและเป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้าง
อียอนยูได้รับข้อความกลางดึกจากใครสักคน เธอยิ้ม และแอบย่องออกไป แล้วเธอก็ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย
ไม่มีใครรู้ว่าอียอนยูเป็นหรือตาย หลักฐานที่คนร้ายทิ้งไว้ให้มีเพียง “นิ้วมือทั้ง 10” ที่ถูกตัดของเธอ
อีดงชิกเป็นผู้ต้องสงสัยตัวการแต่ก็ไม่มีหลักฐานเอาผิดเขามากพอ จากนั้นมีการตายของหญิงสาวอีกหลายคนเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง อีดงชิกกลายเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งฆ่าฝาแฝดตัวเองและคดีอื่นๆ แต่ในที่สุดเขาก็หลุดพ้นจากการเป็นผู้ต้องหา
20 ปีต่อมา อีดงชิกกลับมาเป็นตำรวจที่บ้านเกิดตัวเอง เขายังไม่เลิกราที่จะตามหาอียองยู เพราะในเมื่อไม่มีใครเจอศพก็แปลว่าเธออาจมีชีวิตอยู่ และเหตุการณ์ก็เริ่มคลี่คลายไปสู่โอกาสพบตัวอียูยอน เมื่อฮันจูวอน ลูกชายของรอง ผบ.ตร.ย้ายมาประจำที่สถานีตำรวจเดียวกัน
จากนั้นคดีฆาตกรรมหญิงสาวที่คล้ายคลึงกับรูปแบบการตัดนิ้วของอียองยูได้ถูกรื้อฟื้น ส่วนฆาตกรก็เริ่มต้นฆ่าต่อเนื่องอีกครั้ง แต่คราวนี้ตำรวจที่ร่วมกันสืบสวนคืออีดงชิก/ฮันจูวอน คู่หูผู้มีบุคลิกต่างกันสุดขั้ว แถมต่างฝ่ายต่างมีแผนในใจที่จ้องเล่นงานอีกคน
==
Beyond Evil มีความคล้ายกับซีรีส์สืบสวนชั้นดีของปีนี้จากฝั่งตะวันตก Mare of Easttown (HBO) และซีรีส์สืบสวน Broadchurch ตรงที่ตัวเอกคือนักสืบต้องทำงานในท้องที่ที่ตนเองเติบใหญ่ ดำเนินเรื่องในเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรไม่มาก ผู้คนในเมืองส่วนใหญ่รู้จักกันดี บ้างก็สนิทกันเหมือนพี่น้อง ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลส่งผลต่อการทำงานตามหลักวิชาชีพของตัวเอก
เมื่อเมืองเล็กแสนสงบเกิดเหตุฆาตกรรมทำให้สายใยความผูกพันสั่นคลอน ไม่มีใครเชื่อว่าคนใกล้ตัวจะเป็นคนร้ายเพราะไม่เคยเห็นความชั่วร้ายในตัวคนผู้นั้น และก็มีผลให้การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ตั้งอยู่บนมาตรฐานวิชาชีพเนื่องจากความสนิทสนม เพราะบางครั้งก็มีอคติกับคนที่ไม่ชอบหน้า บ้างก็ต้องเกรงใจผู้ใหญ่ที่ตัวเองนับถือ หรือไม่ก็ละเว้นมาตรฐานการสืบสวนกับบางคนที่ตัวเองเชื่อใจ
ซีรีส์ทั้ง 3 เรื่องจึงต้องมีตัวละคร “คนนอก” ที่เข้ามาในเมืองโดยไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับคนในเมือง ช่วยให้ตัวเอกหลุดจากความลำเอียงดังกล่าว
==
บทอีดงชิกเป็นตัวละครที่เก็บกดความโศกเศร้าเจ็บปวดหลายอย่าง ย้อนไปอดีตก็โตมากับความเศร้าเสียใจที่ไม่รู้ว่าน้องสาวของตัวเองตายไปหรือยังเพราะไม่เคยมีใครพบศพ โตมากับการไร้ความอบอุ่นในบ้านที่พ่อแม่เปลี่ยนไปตลอดกาลหลังจากน้องตาย และโตมากับ “อคติของสังคม” ตั้งแต่วัยรุ่น แม้เขาจะพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าน้องสาว แต่ชาวเมืองหลายคนยังมีภาพจำ และเคลือบแคลงในตัวเขาเรื่อยมาว่าคือคนร้าย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะการทำงานของตำรวจเมื่อ 20 ปีก่อน
ตอนคดีของอียูยอนที่อีดงชิกเป็นผู้ต้องสงสัยรายแรก เขาถูกนายตำรวจใหญ่ในท้องที่บีบให้ต้อง “รับผิด” เพราะตำรวจไม่มีหลักฐานจะเอาผิดได้มีแค่ “ข้อสงสัยกับความเชื่อ”
การกดดัน ซ้อม และทรมานเพียงเพื่อต้องการยัดข้อหาจะได้ปิดคดี ผลลัพธ์คือการถูกตีตราจากสังคมซึ่งอีดงชิกต้องแบกรับไว้ และมันยังเป็นตราบาปของอดีตตำรวจรุ่นพ่อเองที่รู้สึกผิดในใจ เพียงเพราะตอนนั้นเคยคิดว่าทำถูก
และนั่นก็คือบททดสอบของอีดงชิกผู้ซึ่งต่อมาเป็นตำรวจว่าเขาจะเดินตามรอยเดิมที่เคยโดนมั้ย
Beyond Evil จงใจนำเสนอวิถีคิดสองแบบซึ่งเราเห็นชัดตั้งแต่โปสเตอร์จับคู่ตัวละครนำสองคน คือ อีดงชิก ผู้ไม่เชื่อว่าการยึดมั่นกฎระเบียบจะจับคนร้ายได้เสมอไป ในขณะที่ฮันจูวอนยังเชื่อมั่นวิถีตำรวจและต้องการยึดมั่นระเบียบของกฎหมาย
แต่พอครึ่งหลังเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของฮันจูวอน เมื่อเขาคิดว่าการเติบโตคือการยอมเปลี่ยนตัวเอง ไม่ต้องยึดมั่น “กฎระเบียบ” แล้วเขาก็เริ่มทำแบบอีดงชิก นั่นเพราะเขาไม่รู้มาก่อนว่า “ราคาที่ต้องแลก” คืออะไร เพราะราคาของการ “ไม่ยึดมั่นวิถีตำรวจที่มีกฎหมายและระเบียบขั้นตอน” ของอีดงชิกนั้น เจ้าตัวต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดจากราคานั้นไว้เพียงลำพัง
==
ชื่อหนัง Beyond Evil มีความหมายตรงตัวว่าการไล่จับฆาตกรวิปริตที่เปรียบเหมือนปีศาจ เมื่อตำรวจไร้หลักฐานที่มีน้ำหนักมากพอ เขาก็ไม่อาจจับ “ปีศาจ” ได้ เมื่อตำรวจคิดว่ากฎหมายไม่อาจอยู่เหนือความชั่วร้ายจึงเปลี่ยนตัวเองให้คิดและใช้วิธีเหมือนปีศาจ หรือ “ยิ่งกว่าปีศาจ” เพื่อจับปีศาจเหล่านั้น และนั่นคือวิธีการของอีดงชิก
มันก็เหมือนหนังหลายเรื่องที่พยายามบอกว่ากฎหมายคือโซ่ตรวน ตัวเอกเลยทำตัวคล้ายศาลเตี้ยที่ไม่อินังขังขอบกับกฎหมาย เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจับคนร้าย
ซึ่ง “ราคาที่ต้องจ่าย” ในการทำตัวนอกเหนือกฎกติกาในฐานะตำรวจเพื่อ “เหนือปีศาจ” เช่น เป็นตำรวจแต่ไม่ทำตามขั้นตอนได้มั้ย? เจอหลักฐานแต่ไม่บอกใครได้มั้ย? ฯลฯ ส่งผลทางอ้อมไปสู่การคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ในระหว่างที่เขาไม่ทำหน้าที่ตำรวจแต่ทำตัวให้เหมือนปีศาจ
Beyond Evil แสดงราคาที่ชัดเจนที่เจ้าตัวต้องแลกแล้วทบทวนอยู่ในใจไปตลอดชีวิตว่าคุ้มหรือไม่ ในการล่าปีศาจด้วยวิธีการแบบนี้
===
จุดแข็งของ Beyond Evil คือหนังทำได้ดีมากในการสำรวจตัวละครแบบอีดงชิกกับฮันจูวอน และหนังก็ยังให้ความสำคัญแก่ตัวละครสมทบซึ่งมีความลึกและพัฒนาการที่ดีไม่แพ้ตัวละครนำ ฉายภาพความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่ทั้งรักทั้งเกลียดได้น่าสนใจ เช่น ครอบครัวหนึ่งซึ่งเป็นความสัมพันธ์พ่อ-ลูก ที่เกลียดกันมากถึงขั้นพร้อมทำลาย พร้อมจะลากอีกฝ่ายไปลงนรกด้วยกัน อันมีต้นเหตุมาจากพ่อที่สนแต่ความเจริญก้าวหน้ามากกว่าครอบครัว ส่วนลูกก็ต้องเห็นแม่ถูกพ่อทำลายชีวิต แถมตัวเองก็โดนผลักไสไปจากครอบครัว
หรืออีกครอบครัวซึ่งเป็นความสัมพันธ์แม่-ลูกที่รักมากจนทำลาย แม่ที่ทั้งรักลูกและรักตัวเองมากจนหนีการยอมรับความผิด ทำทุกวิถีทางโดยอ้างว่าปกป้องลูกแต่ส่วนหนึ่งก็เพื่อปกป้องหน้าที่การงานตัวเอง จนทำให้ชีวิตลูกดิ่งลงเหวอย่างไม่มีวันกู้คืน
ประเด็นทางสังคมก็ไม่ได้แตะเพียงผิวเผิน นำเสนอกลุ่มเครือข่ายอำนาจผ่านการจับมือตำรวจใหญ่ + นักธุรกิจ + นักการเมือง ว่าเมื่อเหล่าร้ายเป็นรูปแบบเครือข่ายและทั้งหมดนี้คือ ‘ผู้บังคับใช้กฎหมาย’ มันก็ทำให้พวกเขาเข้าใกล้คำว่า “ปีศาจ” อย่างแท้จริง เพราะเมื่อทำเรื่องชั่วร้ายก็สามารถยึดกุมทุกองคพายพในกระบวนการเอาผิดตามกฎหมายได้เบ็ดเสร็จ
คอลัมน์: มองโลกผ่านจอ
เรื่อง: “ผมอยู่ข้างหลังคุณ” (www.facebook.com/ibehindyou ,i_behind_you@yahoo.com)