แมลงสาบอันงดงาม รวมเรื่องสั้นสะท้อนความอัปลักษณ์ของชีวิต

-

หนังสือที่มีชื่อย้อนแย้งเล่มนี้ เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 13  เรื่องที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ  รองชนะเลิศ และชมเชย จากการประกวดในโครงการเรื่องสั้นยอดเยี่ยมแห่งปี “เรื่องสั้นของฉัน”  จัดโดยหนังสือพิมพ์เดลินิวส์  ซึ่งเป็นเวทีประกวดเรื่องสั้นแห่งใหม่ที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม
โครงการประกวดนี้เปิดกว้างให้นักเขียนส่งเรื่องสั้นประเภทใดก็ได้  คนหนึ่งส่งกี่เรื่องก็ได้   จึงมีเรื่องสั้นส่งเข้าประกวดถึง 2,238 เรื่อง  ส่วนหนึ่งในจำนวนนี้ได้รับคัดกรองให้ลงเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1 ปี คือระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2562 – พฤศจิกายน 2563   ทุกเรื่องที่ได้ตีพิมพ์จะได้รับค่าเรื่องตามธรรมเนียม   จากนั้นจึงมีคณะกรรมการคัดเลือกให้เหลือ 40 เรื่อง  และคณะกรรมการรอบสุดท้ายตัดสินเรื่องที่ควรค่าได้รับรางวัล  ซึ่งเป็นจำนวนเงินสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์  คือ รางวัลชนะเลิศ 300,000 บาท  รางวัลรองชนะเลิศ  2 รางวัล  รางวัลละ 50,000  บาท  รางวัลชมเชย 10 รางวัล  รางวัลละ 10,000 บาท   ในภาวะที่วงวรรณกรรมได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจและเทคโนโลยีซึ่งเข้ามาดิสรัปต์สื่อสิ่งพิมพ์เช่นนี้  การจัดประกวดนับว่าเป็นการให้โอกาส  ให้กำลังใจ  และต่อยอดลมหายใจของนักเขียนและแวดวงวรรณกรรมร่วมสมัยของไทย  หวังว่าหนังสือพิมพ์เดลินิวส์คงไม่จัดทำโครงการดีๆ เช่นนี้เพียงปีเดียว

 

 

เรื่องสั้น 13  เรื่องนี้  ส่วนใหญ่มีเนื้อหาพ้องกันคือกล่าวถึงชะตากรรมของคนเล็กคนน้อยในสังคม  จะเรียกว่าเป็นคนชั้นล่าง  คนชายขอบ  ผู้ถูกกระทำ หรือผู้พ่ายแพ้  ก็แล้วแต่  คนเหล่านี้มีทั้งคนจนหาเช้ากินค่ำ  คนค้าขาย  คนพิการ   ผู้หญิง  เด็ก กลุ่มชาติพันธุ์  กลุ่ม LGBTQ  หรือกลุ่มเพศหลากหลาย ฯลฯ   ปัญหาที่ตัวละครเหล่านี้เผชิญอยู่เป็นปัญหาซึ่งหนักหนาสาหัสขึ้นทุกวันในสังคมไทยและสังคมโลก  นั่นคือ ความรุนแรง  การละเมิดทางเพศ  การเหยียดกลุ่มเพศหลากหลาย  การกดขี่เอาเปรียบ   ความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมกันทั้งทางเศรษฐกิจ  ชาติพันธุ์ และเพศสภาพ

เรื่องแมลงสาบหลังศิลา ของ “ปะการัง”  เป็นเรื่องที่โดดเด่นที่สุดสมกับได้รับรางวัลที่ 1  เพราะเป็นเรื่องที่เล่าง่าย ๆ ไม่ต้องใช้เทคนิคทฤษฎีสมัยใหม่ให้อ่านยากเกินจำเป็น  แต่กลับมีนัยแฝงอยู่บนบรรทัดและระหว่างบรรทัดหลายประเด็น  ผู้เขียนเชื่อมโยงประเด็นปัญหาหนึ่งไปสู่อีกปัญหาหนึ่งได้อย่างกลมกลืน  ความรุนแรง  เป็นประเด็นสำคัญที่ผู้เขียนสรุปไว้ในคำพูดว่า “ความรุนแรงไม่เคยแก้ปัญหาได้หรอก  มีแต่ทำให้ทุกสิ่งเลวร้าย  รุนแรงยิ่งกว่าเดิม”   เรื่องสั้นนี้กล่าวถึงความรุนแรงในครอบครัว   พ่อตบปากลูกชายที่พูดติดอ่างโดยอ้างว่าเป็นการเตือนให้รู้ตัว  ไม่ให้ติดนิสัยพูดติดอ่างไปจนโต  คำพูดของแม่ที่ว่า “เธอเองนั่นแหละที่ตบจนติดเป็นนิสัย”  บ่งบอกบุคลิกภาพของพ่อว่าเป็นผู้เสพติดความรุนแรง  และนั่นทำให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่ต่อมา  คือพ่อตั้งใจขับรถชนรถหรูราคาแพงที่ถอยออกมากะทันหัน  เมื่อการนิยมความรุนแรงผนวกเข้ากับปมลึกในใจที่เกลียดคนรวย  พ่อจึงไม่ยอมลดราวาศอกให้เสี่ยเปยจนถึงขั้นท้ายิงกัน  แต่ในที่สุดพ่อก็จำใจยอมคุกเข่าขอโทษเสี่ยเปยซึ่งขู่จะยิงหัวลูกชายติดอ่าง  ในขณะที่พ่อไม่ยอมรับความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นโดยถือว่า “คนเหมือนกันโว้ย”  แม่ก็มีคำพูดในเชิงจำยอมว่า “จะไปยุ่งกับเขาทำไม…ถ้าชีวิตเป็นตึกแถว  เราก็เหมือนอยู่กันคนละชั้น  แถมเป็นคนละตึกเสียด้วย  ต่างคนต่างอยู่ก็ไม่มีเรื่อง”  คำพูดดังกล่าวเป็นการนำเสนอแนวคิดอีกด้านหนึ่งว่าแทนที่จะใช้การทำลายล้างสร้างความขัดแย้งให้มากขึ้น  การพึ่งพาปรับเปลี่ยนตนเองด้วยวิริยอุตสาหะน่าจะเป็นแนวทางที่ดีกว่า   ดังที่กล่าวว่า  “ถ้าเราอยากเปลี่ยนชีวิตตัวเองไปขึ้นชั้นที่ดีกว่า  สูงกว่า  ก็มีทางเดียวคือ อดทน ขยัน หาความรู้ใส่ตัวเองให้มาก  เดินขึ้นชั้นไปด้วยขาตัวเอง  ไม่ใช่ไประรานเรียกร้องคนอื่นให้เดินลงมา

 

https://www.dailynews.co.th/education/836085/

 

จากเหตุการณ์ที่พ่อจงใจขับรถชนรถเสี่ยเปยเพราะหมั่นไส้คนรวย  นำไปสู่ปัญหาบ้านแตก  เพราะทัศนคติของสามีและภรรยาไม่ตรงกัน  สามีไปทาง  ภรรยาไปอีกทาง  ลูกสองคนไม่สนิทสนมกัน  เมื่อพี่น้องกลับมาพบกันอีกครั้งเพื่อเคารพศพของพ่อ   พี่ชายพาน้องขึ้นไปบนเนินเขา  ฉากฮวงซุ้ยที่อยู่บนเนินสูงก็เป็นสัญญะที่ผู้เขียนต้องการสื่อความคิดเรื่องความไม่เท่าเทียมกันของคนรวยและคนจน  ฮวงซุ้ยของคนรวยอยู่บนเนินเขาสูงที่ร่มรื่นฉ่ำเย็นตามหลักฮวงจุ้ย  แต่คนจนอาศัยลักลอบขุดหลุมฝังศพญาติพี่น้องไว้ตามพื้นดินด้านล่างซึ่งอาจจะมีคนเดินเหยียบย่ำ  สร้างนัยความหมายระหว่างบรรทัดว่าคนจนถูกเหยียบย่ำแม้ว่าจะตายไปแล้ว   ดินปั้นลูกสาวของพี่ชายจึงพูดประชดประชันว่า “พวกคนรวยมีชีวิตที่ดีกว่า  และอยู่สูงกว่าเสมอ  แม้ตอนตาย

น้องชายตกใจแทบช็อกเมื่อทราบว่าพี่ชายสับเปลี่ยนศพพ่อซึ่งตายเพราะโรคโควิดกับศพเสี่ยเปย  ศพเสี่ยเปยจึงถูกเผาอย่างรวดเร็วและเดียวดาย  ส่วนศพพ่อได้รับการบรรจุในฮวงซุ้ยสวยงาม  ลูกหลานของเสี่ยเปยมาทำพิธีไหว้เคารพทุกปี  พี่ชายภาคภูมิใจในการกระทำครั้งนี้มาก  ถือเป็นการแก้แค้นคนรวยและลงโทษคนรวยทรัพย์รวยอำนาจอย่างสาสม  การสับเปลี่ยนศพจึงเป็นการแสดงความรุนแรงจนข้ามเส้นจริยธรรม   พี่ชายติดอ่างที่ถูกพ่อตบตีตั้งแต่เด็ก  จึงไม่เพียงมีรูปลักษณ์คล้ายพ่อเท่านั้น  หากแต่ได้สืบทอดอุปนิสัยนิยมความรุนแรงและชิงชังคนรวยมาด้วย

ดินปั้น เป็นภาพแทนของเด็กรุ่นใหม่ที่แม้จะมีโลกส่วนตัวสูงจากการที่เธอเสียบสายหูฟังจากโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา  แต่เธอก็มีสำนึกทางสังคม  เธอเป็นหัวหน้าม็อบนักเรียนซึ่งแสดงว่ามีความเป็นผู้นำและเป็นนักสู้  นอกจากนี้   ดินปั้นยังยอมรับความเป็นจริงของโลก  ดังที่เธอทักท้วงพ่อว่าวิญญาณปู่ผู้ถูกฝังอยู่ใต้ฮวงซุ้ยไม่อาจเปลี่ยนเป็น “ผีเสื้อ”  ตามความเชื่อของคนจีนได้   ซึ่งมีนัยความหมายว่า  แม้คนจนจะปลอมตัวสวมแทนชนชั้นอื่น  ก็ไม่สามารถเปลี่ยนชนชั้นแท้จริงของตัวเองได้   การที่พ่อพูดว่า “เราชนะแล้ว”  จึงเป็นความฝันเฟื่องที่ไม่อาจเป็นจริง  ผีเสื้อที่บินอยู่ในจินตนาการของพ่อนั้น  ความจริงเป็นเพียงแมลงสาบ  สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ปรับตัวสืบทอดชีวิตมานานหลายล้านปี  มักซ่อนตัวอยู่ในที่มืด และเป็นสัตว์ที่คนเกลียดชังเป็นลำดับต้น ๆ   ดังนั้นหากคนจนเป็นแมลงสาบก็คงเป็นแมลงสาบอยู่วันยังค่ำ  ไม่อาจเปลี่ยนเป็นผีเสื้อแสนสวยได้   การเจ็บแค้นของพี่ชายที่เห็นเสี่ยเปยทำให้พ่อ  “เสียศักดิ์ศรี” ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนศพ  ก็ไม่ได้ทำให้พ่อได้รับศักดิ์ศรีกลับคืนมา  เพราะเมื่อลูกหลานจะเคารพศพพ่อ  ก็ยังต้องแอบทำ  ไม่สามารถทำพิธีได้อย่างภาคภูมิใจ  ดังที่ดินปั้นพูดว่า “เมื่อกี้ยังต้องคอยหลบเหมือนแมลงสาบที่ซ่อนอยู่หลังป้ายหลุมศพเลย”  การแก้ปัญหาแบบพ่อจึงไม่น่าถูกต้อง  เพราะเป็นเพียงมายาและการหลอกตัวเอง

ความปวดร้าวที่เกิดจากการใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา  และความเจ็บแค้นจากความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมกันของคนในสังคม  เป็น 2 ประเด็นสำคัญที่ปะการังตั้งใจนำเสนอ  ทั้งสองประเด็นเกี่ยวพันกันอยู่  เพราะเมื่อระบบโครงสร้างของสังคมไม่สามารถลดช่องว่างของความไม่เสมอภาค  คนในสังคมส่วนหนึ่งอาจสะสมความคับแค้น  จนในที่สุดเอ่อล้นเป็นการใช้ความรุนแรงต่อกัน  ตั้งแต่ประทุษวาจาไปจนถึงการกระทำตอบโต้  และนำไปสู่การโน้มน้าวให้เกิดจิตสำนึกรวมหมู่ที่พร้อมจะระเบิดเป็นดาวกระจายไปทั่วทั้งสังคม  ผู้เขียนไม่ได้นำเสนอทางออก  แต่การทำให้ผู้อ่านตระหนักรู้อย่างมีสติก็น่าจะเป็นหนทางหนึ่งที่ลดปัญหาความเลื่อมล้ำและความรุนแรงลงได้

 

https://www.dailynews.co.th/education/836085/

 

เรื่องสั้นที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ  ให้ข้อคิดในประเด็นความเหลื่อมล้ำและความรุนแรงเช่นกัน  เรื่อง อีกสักครั้งเถอะ ของกร  ศิริวัฒโณ  แสดงประเด็นความเหลื่อมล้ำในหมู่บ้านเล็ก ๆ  สาวนวล เป็นคนที่ชาวบ้านพากันรังเกียจชิงชัง  เพราะเธอเที่ยวเก็บพืชผักผลไม้ ไข่เป็ดไข่ไก่  ขี้ยาง  ของเพื่อนบ้านไปทำกินหรือขายหาเงินเลี้ยงลูก 8 คนและสามีไม่เอาไหนอีก 1 คน เธอไม่นำพากับคำห้ามปรามด่าว่าหรือเสียดสีจากเจ้าของผลิตผลเหล่านั้น  จนพวกชาวบ้านทนไม่ไหวจะเอาเธอเข้าคุก  แต่คำพูดของผู้ใหญ่บ้านสามารถระงับโทสะของชาวบ้านได้  “ถือเสียว่าเราทุกคนช่วยกันเลี้ยงคนในหมู่บ้านสักครอบครัวเถอะนะ”   คำพูดนี้มีนัยสำคัญที่บ่งบอกว่าความเท่าเทียมกันไม่อาจเกิดขึ้นโดยง่ายเพราะคนแต่ละคนมีต้นทุนชีวิตต่างกัน  แต่สังคมจะสงบสุขและขับเคลื่อนไปได้ก็เมื่อคนในสังคมช่วยเหลือเกื้อกูลกัน  มีน้ำใจแบ่งปัน  คนแข็งแรงช่วยคนอ่อนแอ  คนมีมากช่วยคนมีน้อย  สังคมที่แข็งแรงต้องเริ่มจากคนในสังคมมีจิตใจเมตตาต่อสรรพสัตว์และไม่ทิ้งคนอ่อนแอไว้เบื้องหลัง  ส่วนเรื่องพญายักษ์แห่งสามประสบ  ของบัญชา  อ่อนดี  ช่วยเสริมแนวคิดเรื่องการละเมิดทางเพศซึ่งถือเป็นการใช้ความรุนแรงกดขี่ข่มเหงผู้อื่น นอกจากนี้ยังแทรกให้เห็นว่าการกดขี่มีอยู่ทุกที่ จากทหาร  จากคนคุกด้วยกัน  จากคนในสังคมเดียวกัน  จากคนต่างสัญชาติ  เรื่องสั้นนี้กล่าวถึงเด็กหนุ่มชาวมอญผู้ภาคภูมิใจในพละกำลังและความสามารถพิเศษของตัวเองในการกระโดดน้ำจากที่สูงจนหาเงินจากนักท่องเที่ยวมาเลี้ยงยายได้   เมื่อติดคุก  เขาถูกทำร้ายทางเพศเพราะปฏิเสธการค้ายาเสพติดให้ขาใหญ่   พอพ้นโทษเขาพบว่ายายตาย  เด็กสาวที่หมายปองต้องไปขายบริการทางเพศ  เพื่อนบ้านย้ายถิ่น  ดังนั้น เส้นทางชีวิตที่เขาเลือกได้คือกระโดดน้ำด้วยท่าสวยงามที่ฝึกมานานปีและไม่โผล่ขึ้นมาอีกเลย

เรื่องสั้นทั้ง 13 เรื่องนี้เป็นจิ๊กซอว์ที่ต่อกันจนกลายเป็นภาพสังคมใหญ่ที่เต็มไปด้วยปัญหาซึ่งมีทางออกบ้างยังไม่มีทางออกบ้าง  แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหากขจัดปัญหาต่าง ๆ ตามที่นักเขียนพยายามนำเสนอ  สักวันหนึ่งเราจะมีสังคมที่สงบสุขและมีโลกที่งดงาม


คอลัมน์: เชิญมาวิจารณ์

เรื่อง: ศ.ดร.รื่นฤทัย สัจจพันธุ์

ภาพ: https://www.dailynews.co.th/education/836085/

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!