Prologue
5 ข้อ เกี่ยวกับบาส
- บาสเป็นคนเชียงใหม่ แต่เกิดกรุงเทพฯ สมัยมัธยมเคยเป็นนักกีฬาปิงปอง เพราะอยากลดน้ำหนัก แต่ทำผลงานเข้าตาจนได้เป็นนักกีฬาเยาวชนตัวแทนภาคเหนือ
- บาสเป็นที่รู้จักจากการเป็นนักแสดงนำในซีรีส์เดือนเกี้ยวเดือน ซึ่งเป็นยุคแรกๆ ของซีรีส์วายในไทย ด้วยความโด่งดังของนิยาย เขาจึงมีทั้งแฟนคลับและแอนตี้แฟนตั้งแต่ออดิชัน
- บาสเคยเป็นสมาชิกวงบอยแบนด์ ฟอร์มวงจากนักแสดงซีรีส์เดือนเกี้ยวเดือน ชื่อ ‘SBFIVE’
- บาสห่างหายจากการแสดงไปช่วงหนึ่ง และเบนเข็มเป็นนักร้องกลางคืน เพื่อพัฒนาทักษะทางดนตรี
- บาสเพิ่งหวนคืนงานแสดงด้วยบทนำในซีรีส์วาย Fourever You เพราะรักนำทาง ทำให้แฮชแทกประจำตัวเขากลับมาขึ้นเทรนด์ X อีกครั้ง
“ไม่อ้วนจะเป็นนักกีฬาได้ยังไง” คือจุดเริ่มต้นเส้นทางกีฬาของเขา
“เริ่มจากอ้วนเนี่ยแหละครับ ตอนนั้นผมอายุประมาณ 11 ปี เป็นคนอ้วนท้วนสมบูรณ์ สูงประมาณ 150 เซนติเมตร น้ำหนัก 60 เกือบ 70 กิโลกรัม เราอยากดูดี หุ่นดี อ้วนแล้วรู้สึกตัวเทอะทะ ยิ่งไปโรงเรียนเหงื่อออกแล้วมีกลิ่นตัวด้วย เลยคิดอยากออกกำลังกาย เคยไปซ้อมมวย เพราะคุณตาอยากให้เป็นมวย แต่ลองแล้วไม่ชอบ จนได้ลองเล่นปิงปองในคาบพละ เล่นแล้วสนุก มันไม่ใช่กีฬาที่จะเล่นได้ง่ายๆ แต่เรากลับอยากเล่น อยากเอาชนะ จากนั้นก็ได้ทุนและเป็นนักกีฬาของภาคเหนือ”
Turning Point จากนักกีฬาสู่นักแสดง
“เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นส่งผลให้ผมหลุดจากรายชื่อคนที่ได้คัดตัวเยาวชนทีมชาติ ท้อครับ เราซ้อมหนักและเหนื่อยมาก ผมตัดสินใจเลิกเลย ถ้ารู้สึกว่าไม่ใช่ก็ไม่อยากเสียเวลาทำ ไม่เสียดายด้วย
“ช่วงนั้นมีโมเดลลิ่งติดต่อมา เลยคิดว่าตัวเองคงหน้าตาดีพอมีแวว ก็ลงมากรุงเทพฯ ช่วงแรกอาศัยกับรุ่นพี่นักกีฬาเพื่อหางานแคสต์”
6 เดือนกับการแสวงหาโอกาส
“ผมไม่มีโมเดลลิ่งดูแลเป็นกิจจะลักษณะ เลยไม่มีคนส่งงานให้ไปแคสต์ที่ไหนๆ พอดีมีรุ่นพี่ที่รู้จักเขาอยู่สังกัดแห่งหนึ่ง ชวนผมไปนั่งเล่นที่ตึกบริษัทแก เผื่อมีผู้ใหญ่เห็นและเรียกไปให้งาน ผมไม่หวังมากแต่ก็ลองดู ไปนั่งในสถานที่ที่จะมีคนเห็นทุกวันนาน 6 เดือน Love Songs Love Series ตอนขอบคุณที่รักกัน เป็นผลงานที่ได้มาจากการไปนั่งขลุกทุกวันเนี่ยแหละ วันหนึ่งมีพี่คนหนึ่งหันมาเจอ ถามว่าเราคือใคร ผมก็บอกว่าเรียกผมไปทำงานได้นะ ผมเป็นเด็กเชียงใหม่มาหางานแคสต์ เขาก็สนใจและติดต่อให้ไปเล่นเป็นเอ็กซ์ตร้าในซีรีส์ ผมได้บทคนป่วยที่ต้องล้มคว่ำ ผมล้มเองเลยไม่ต้องใช้สตันท์แมน ในบทต้องฟันแตก ผมก็ล้มโดยเอาหน้าลง เกร็งตัวแล้วทิ้งน้ำหนักเลย จนพี่ทีมงานตกใจ เราอยากได้งานจึงต้องทุ่มเท
“ถ้าถามว่าไปนั่งทุกวันเนี่ยคุ้มค่าแก่การรอไหม ก็ไม่ เราไม่ได้งานอะไรมาก จนคิดว่าจะกลับเชียงใหม่แล้ว แต่มีรุ่นพี่ที่รู้จักชวนไปแคสต์ซีรีส์เรื่องหนึ่งก่อน ซึ่งก็คือเดือนเกี้ยวเดือน”
คิดยังไงกับการแสดงซีรีส์วายซึ่งช่วงเวลานั้นยังเป็นสิ่งใหม่ของวงการ
“พูดตรงๆ ผมคิดแต่จะหาเงิน อะไรก็ได้เราทำหมด เลยไม่ได้คิดว่าเป็นซีรีส์แนวไหนยังไง จุดประสงค์ตอนนั้นคือการทำงานหาเงิน”
ดราม่าเข้ามาตั้งแต่วันออดิชัน
“ด้วยความที่ต้นฉบับนิยายโด่งดัง เลยมีกระแสตั้งแต่วันออดิชัน วันแรกผมมีคนฟอลโลว์ไอจีเพิ่มขึ้นมาสองหมื่นคนเลย ความรู้สึกเดียวที่จำได้ ณ ตอนนั้นคือ งงครับ มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย เราไม่รู้จักใคร แต่กลับมีคนเข้ามาด่าเรา เพราะอยากให้คนที่เขาเชียร์ได้รับเลือกแทน ด่ามาผมก็ไม่ด่ากลับด้วยนะ เพราะเล่นโซเชียลไม่เป็น ไม่เข้าใจด้วยว่าด่าทำไม ผมมาทำงานหาเงินนะ เลยได้แต่รอทำงาน หลังจากนั้นผมก็ทำงานหนักทุกวัน บางครั้งมีถึง 4 งานต่อวัน”
ช่วงที่ห่างหายไปนั้นเกิดอะไรขึ้น
“ผมก็ไม่แน่ใจ อาจเป็นเพราะกระแสเริ่มจางลง แล้วตัวผมก็ไม่เล่นโซเชียลมีเดียด้วย ช่วงมีกระแสผมแค่กดโพสต์งานเท่านั้น ไม่รู้ว่าสามารถพูดคุยกันได้ เพราะเราผ่านการโดนด่ามาก่อนเลยไม่รู้ว่ายังพูดอะไรในโซเชียลมีเดียได้อีก ผมจึงไม่เล่น เซฟโซนของผมคือการวางโทรศัพท์ไว้ไกลๆ ตัว แล้วนั่งทำอย่างอื่น เพิ่งกลับมาเล่นเมื่อเร็วๆ นี้
“ช่วงว่างๆ นั้นก็ใช้เวลาอยู่ในห้องครับ อาจเป็นซึมเศร้าอ่อนๆ ด้วย แต่คนอย่างผมซึมเศร้าได้ไม่นานหรอก ผมมีวิธีจัดการความคิดตัวเอง ตอนนั้นเราเศร้ากับการเปลี่ยนแปลง เครียด และกำลังเกิดความคิดเชิงลบที่อาจนำไปสู่อันตราย เลยโทร.หาพี่ที่ดูแล พี่ก็บอกว่าไม่ต้องคิดมาก เราจึงกลับมาคุยกับตัวเอง ไตร่ตรองจนเลิกเครียด คนเรามีเรื่องบุญวาสนาหนุนนำ สิ่งที่เราควบคุมได้คือพัฒนาตัวเอง เตรียมพร้อมรอรับโอกาส”
‘เพลง’ คือคำตอบ
“พอผมตกผลึกว่าเราชอบอะไร เราชอบวิชาศิลปะนะ ไม่ว่าจะร้องเพลงหรืองานแสดงคือศิลปะทั้งหมด แล้วมีอย่างไหนที่ชอบมากกว่าบ้าง ได้คำตอบว่าชอบเพลง ช่วงโควิดผมใช้เวลาเพื่อทำความเข้าใจเพลง อยากทำเพลงของตัวเอง ผมเขียนเพลงไว้ด้วย และหาลู่ทางให้มีคนช่วยซัปพอร์ต ผมจึงออกไปร้องเพลงกลางคืน ได้เจอพี่ๆ ศิลปินหลายวง เขาสนใจและช่วยเสนอผู้ใหญ่ในค่ายให้ ผมใช้เวลา 3-6 เดือนในการออกไปร้องเพลงพร้อมกับสร้างคอนเนกชัน มีค่ายติดต่อเข้ามาประมาณ 8 ค่าย ซึ่งเราเลือกแล้ว เป็นค่าย Wanlove ของพี่ ’มิกซ์’ เฉลิมศรี”
แบรนด์เสื้อกับอาชีพพ่อค้า
“เป็นงานที่ทำเพื่อประคองชีวิตในช่วงว่างๆ ครับ แต่ผมชอบเสื้อผ้าอยู่แล้ว พอเป็นแบรนด์ของตัวเองก็นำเสนอตัวตนของเราได้อย่างอิสระ”
ถ้าต้องแสดงซีรีส์วายเรื่องสุดท้ายในชีวิตก็ขอเป็นเรื่องนี้
“ผมไปรีเสิร์ชด้วยการถามหลายๆ คน ถ้าผมเล่นซีรีส์วายเรื่องสุดท้ายในชีวิตควรเป็นเรื่องไหนดี เรื่องที่เหมาะกับเรา และน่าฟื้นนำกระแสได้ คำตอบคือเรื่อง Fourever You เพราะรักนำทาง ผมก็ส่งเรื่องให้ผู้จัดหลายๆ คน ผมส่งเองเลย เคยมีหลายคนพูดว่าถ้าเราอยากเล่นเรื่องไหนก็ลองส่งมานะ ผมเลยเสนอเรื่องนี้ ลองอ่านดูไหมครับ แต่เกือบทั้งหมดกลับไม่ตอบรับ จนวันหนึ่งพี่ ‘นิว’ ศิวัจน์ สวัสดิ์มณีกุล ติดต่อเข้ามา ถามเราว่าสนใจแคสต์ซีรีส์ไหม พอผมรู้ว่าเป็นเรื่องนี้ก็ตกลงเลย สู้ครับ”
ความสุขจากการแสดง
“อินเนอร์ของผมคือนอร์ธเลยครับ ผมเข้าใจเขา ตอนที่แสดงผมไม่คาดหวังว่าจะกลับมาดังหรือมีชื่อเสียงเลย ช่วงเวลาในกองถ่ายนั้นสนุกมาก ทีมงานและนักแสดงทุกคนพูดคุยกันอย่างสนิทสนม แค่นี้ก็ไม่รู้จะดียังไงแล้ว ผมพูดกับพี่แม็ก (‘แม็กกี้’ รชต) เรื่องนี้ถ้าไม่ดังก็ช่างปะไร แค่ได้มาเจอพวกพี่ๆ ก็เป็นสิ่งที่โคตรจะดีแล้ว เป็นกลุ่มแปดคนที่อยู่ด้วยกันแล้วสนุกมาก ของขวัญจากซีรีส์เรื่องนี้คือมิตรภาพ
“พูดถึงพี่เอิร์ธ (‘เอิร์ธ’ กัษมนณัฏฐ์) ไม่คิดว่าจะสนิทกันได้ ปรากฏสนิทกันซะงั้น เพราะเป็นคนเชียงใหม่เหมือนกันเลยมีเรื่องให้เม้ามอย เขาก็มีความกังวลว่าจะเข้ากับผมไม่ได้เพราะเราต่างกันสุดขั้ว แต่พอได้คุยกันก็รื่นไหล ช่วยซัปพอร์ตกันในทุกซีน
“ส่วนพี่แม็กกี้คือคนที่ผมทำงานด้วยแล้วสบายใจมากที่สุดตั้งแต่อยู่วงการบันเทิงมา 8 ปี ผมว่าช่วงเวลาที่ได้เจอกันนั้นเหมาะสม ถ้าผมเจอพี่แม็กก่อนหน้าอาจไม่ดีขนาดนี้”
บาสอีสแฮปปี้
“ตอนนี้ให้คะแนนความสุขแก่ตัวเอง เต็ม 100 ให้ 80 คะแนน เพราะอยากสร้างบ้านที่กรุงเทพฯ เดิมทีผมไม่คิดจะอยู่กรุงเทพฯ นานจึงซื้อบ้านแค่ที่เชียงใหม่ เลยเป็นเรื่องที่กังวล แต่ไม่มาก เพราะถึงยังไงผมก็อยู่ได้ทุกที่ ไม่มีบ้านผมก็อยู่ได้”
ข้อความถึงตัวเองในอนาคต
“อยากบอกตัวเองในวันหน้าว่า ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่ทำต่อไปแบบนี้ การมีสิ่งที่ชอบ มีความสุข และเลี้ยงดูตัวเองได้ ย่อมดีที่สุดแล้ว ประเด็นสำคัญคือการมีความสุขกับสิ่งที่ทำ ในอนาคตเมื่อผมโตขึ้น มีความเครียดมากขึ้น เลยอยากเตือนตัวเองตอนนั้นว่า อย่าลืมตัวตนของเราที่มีความสุขละกัน”
ข้อความถึงแฟนคลับที่ซัปพอร์ตเสมอมา
“ขอบคุณมากครับ ถ้าไม่มีทุกคนก็ไม่มีผม และต่อให้ผมเก่งแค่ไหน พัฒนาตัวเองจนเป็นยอดมนุษย์ ทำได้สารพัด แต่ถ้าไม่มีคนดู ที่ทำทั้งหมดก็เท่ากับศูนย์ ทุกคนคือแรงซัปพอร์ตที่หนุนให้ผมมีวันนี้ และทำวันนี้ให้ดี”
นิยามคำว่า ‘รัก’
“นิยามความรักของผมเหรอ คือความรู้สึกดี ความผูกพัน ตอบได้หลายอย่าง แต่คำตอบสุดท้าย ความรักคือผมครับ เพราะฉะนั้นทุกคนอย่าลืมรักผมในเดือนแห่งความรักนี้ด้วยนะ”