“ความล้มเหลว ทุกอย่าง คืออิฐปูทางไปสู่ความสำเร็จ”
เพราะ ยิ่งล้มเหลว ยิ่งเรียนรู้ รู้ว่าอะไรที่ทำไม่ได้ และอะไรที่ทำแล้วสำเร็จ
อย่างน้อย เมื่อทำวิธีนี้ไม่ได้ ก็จะได้รู้ว่ามีอีกวิธีที่ต้องตัดออกไปเพราะใช้ไม่ได้ผล แล้วก็หาวิธีอื่นต่อไป
ดังนั้น เมื่อเวลาลงมือทำอะไรแล้วไม่สำเร็จจึงไม่ใช่การสูญเปล่า หรือ เสียเวลา เพราะเหมือนการล้มไปข้างหน้า
คือ เมื่อเราออกวิ่งไป 10 ก้าวแล้วล้มลงไปเวลาเราลุกขึ้นยืนเพื่อจะวิ่งใหม่ เราลุกขึ้นมาจากก้าวที่ 10 ไม่ใช่ถอยไปตั้งต้นใหม่
ดังนั้น ยิ่งล้มบ่อย ยิ่งเข้าใกล้เส้นชัย
การล้มบางครั้งอาจจะได้บาดแผล แต่ก็ได้ประสบการณ์ และถ้าล้มจนชำนาญ เมื่อนั้นเราจะมีท่าล้ม
ตอนแรกๆ อาจจะล้มไม่เป็นท่า แต่พอล้มบ่อยขึ้น เราจะมีท่าล้ม หรือ ล้มแบบมืออาชีพ
จะเห็นว่านักฟุตบอลเวลาถูกเบียดจนล้มจะไม่มีอาการแขนขาหักให้เห็น เพราะเขาล้มเป็น
นักวอลเลย์บอลอาชีพ เวลาพุ่งไปรับลูกกับพื้นจะม้วนตัวกลิ้งไปแล้วพร้อมจะลุกขึ้นเล่นต่อได้ทันที
พวกนักบิด MotoGP เวลาเข้าโค้งเข่าแทบจะสัมผัสพื้นสนาม ถ้ารถมอเตอร์ไซค์ล้มเสียหลักไถลไปกับพื้น เขาจะปล่อยตัวให้สไลด์ไปเองแบบยันพื้น หรือรีบลุกขึ้นมาทันทีซึ่งอาจจะเป็นอันตรายได้
พวกนี้ล้มบ่อย ล้มจนชำนาญ ล้มจนชิน ล้มจนเป็นแชมป์
ชีวิตคนเรายิ่งสบาย ยิ่งไม่ได้พัฒนา ยิ่งเจอปัญหาจะยิ่งก้าวหน้ามากขึ้น
No Problem No Progress
จะเห็นว่านวัตกรรมใหม่ๆที่เปลี่ยนแปลงขับเคลื่อนโลกใบนี้ เกิดมาจากการแก้ปัญหาทั้งสิ้น
ธุรกิจที่เจริญรุดหน้า ก็เพราะว่าสามารถแก้ปัญหาให้คนส่วนใหญ่ได้
อยากประชุมกันไม่ต้องเสียเวลาเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ก็เปิด Video Conference
อยากรับประทานอาหาร ไม่อยากแต่งตัวขับรถออกจากบ้าน ก็มีคนมาบริการส่งอาหารให้
จะเห็นได้ว่ายิ่งมีปัญหาความก้าวหน้าก็ยิ่งเกิด
ชีวิตยิ่งเจอแรงต้าน ก็จะยิ่งโต
ทำไมคนอยากให้กล้ามใหญ่ ต้องเล่น Weight Training เพราะการยกเวทไม่ว่าจะเป็นบาร์เบล หรือดัมเบล ต้องอาศัยแรงต้านทั้งนั้น
ยกขึ้นมาก็หนักมากแล้ว ตอนผ่อนลงก็ต้องลงช้าๆ เพื่อต้านน้ำหนักเอาไว้ เมื่อกล้ามเนื้อส่วนนั้นมีการหดตัวและยืดขยาย กล้ามเนื้อก็จะใหญ่และแข็งแรง
คอลัมน์: ก้าวไกลไปข้างหน้า
เรื่อง: จตุพล ชมภูนิช
ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์