24 ชั่วโมง กับการตั้งคำถามถึงสัมพันธภาพของมนุษย์

-

ผลงานของ “แพรพลอย  วนัช” เคยผ่านตามาแล้วจากงานประกวดรางวัลวรรณกรรมบางเวที ลีลาภาษาและการเล่าเรื่องของ “แพรพลอย วนัช” ฉายแววความเป็นนักเขียน จนไม่ประหลาดใจที่หนังสือ 24 ชั่วโมง ซึ่งประกอบด้วยเรื่องสั้น 14 เรื่องจะมีเสน่ห์ชวนอ่าน  แต่ละเรื่องเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของผู้คนในกลุ่มต่างๆ ทั้งครอบครัว เพื่อนร่วมงาน  ลูกจ้าง นายจ้าง ฯลฯ ซึ่งทำให้ผู้อ่านใคร่ครวญถึงช่องว่างระหว่างสัมพันธภาพของมนุษย์ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว  รู้เท่าไม่ถึงการณ์  หรือจงใจ

เรื่องสั้นที่พูดถึงสัมพันธภาพเปราะบางในครอบครัวมีหลายเรื่อง เช่น  เรื่อง “ตุ๊กแก” เป็นเรื่องศีลธรรมและจรรยาบรรณทางเพศของคนในครอบครัว ข่าวเรื่องญาติผู้ใหญ่ฝ่ายชายข่มขืนหลานสาวไม่มีวันขาดหายไปจากหน้าสื่อ  จนดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติแต่ไม่มีวันที่จะเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กผู้หญิงที่ถูกกระทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำเลวร้ายนี้ไม่มีแม่คอยปกป้องทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ บาดแผลนี้จึงไม่มีวันเลือนหายจากจิตใจของผู้เป็นลูก เรื่อง “พิซซ่า” กล่าวถึงคู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมานานปี กลายเป็นคนแปลกหน้าจนแทบจะหย่าขาดจากกัน ภรรยากลายเป็นหญิงอ้วน แก่ ขี้บ่น  เพราะเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานเลี้ยงลูกและจัดการเรื่องทุกอย่างตามลำพังโดยไม่มีคู่คิด  ส่วนสามีก็หมกมุ่นกับปัญหาหน้าที่การงานในแต่ละวัน วันที่เส้นสัมพันธภาพเปราะบางขาดผึงคือวันที่เธอคิดว่าสามีเห็นใจพนักงานร้านพิซซ่ามากกว่าใส่ใจความรู้สึกของเธอ เลยผลุนผลันออกจากร้านแล้วเกิดอุบัติเหตุ  เมื่อเธอกลับถึงบ้าน พิซซ่าซึ่งลูกๆ บอกว่าพ่อสั่งให้เก็บไว้ให้แม่กิน เป็นสิ่งบอกความใส่ใจของสามีที่เธออาจมองไม่เห็นหรือมองข้ามไป มีเรื่องน่าเศร้าในครอบครัวอีกอย่างหนึ่งซึ่งเราได้รับรู้เสมอคือเรื่องที่ลูกๆ ไม่อาจดูแลพ่อแม่ผู้ชราด้วยตนเองได้ จึงพาไป “ทิ้ง” ไว้ที่เนิร์สซิ่งโฮม โดยไม่ได้คิดถึงจิตใจเปราะบางของพ่อแม่ผู้ชราซึ่งเฝ้ารำลึกถึงวันที่ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ผู้เขียนสร้างความรู้สึกเศร้าสลดรันทดใจไว้ในเรื่อง “ซุปฝักทอง” ส่วนเรื่อง “ผีเสื้อ” ให้ข้อคิดว่าความตายไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับการมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ในเรื่องนี้ฝ่ายภรรยาเป็นมะเร็ง สามีพยายามยื้อชีวิตของเธอให้นานที่สุด  แต่เธอกลับขอเลือกความตายแทนการรักษา เพื่อเก็บช่วงชีวิตแห่งความสุขระหว่างพ่อแม่ลูกไว้เป็นความทรงจำที่แสนประทับใจของทุกคนตลอดกาลนาน

 

 

สัมพันธภาพระหว่างคนแปลกหน้าก็เป็นเรื่องน่าประทับใจ เพราะในสังคมปัจจุบันซึ่งต่างคนต่างอยู่เช่นนี้  ความเอื้ออาทรต่อคนแปลกหน้าก็กลายเป็นมุมงดงามของชีวิต  ดังเช่นเรื่อง “แผลสีเทา”  ที่เริ่มด้วยนักเขียนซื้อเวลาและข้อมูลจากสาวบริการทางเพศ  แต่แล้วทั้งสองกลับเป็นเพื่อนที่ให้กำลังใจกันในยามตกต่ำถึงที่สุด  ดังที่เธอกล่าวว่า ”ตอนนี้เธอสำเหนียกและลึกซึ้งกับคำว่าเพื่อนแล้ว คำที่ไม่เกี่ยวข้องกับเวลา ไม่มีเพศ  ไม่มีสูงต่ำดำขาว ไม่มีชนชั้นหรือเงื่อนไข  ไม่ต้องมีคำพูดแต่เข้าใจกัน  นี่แหละเพื่อน” และเรื่อง “คนแปลกหน้า”  ซึ่งเป็นเรื่องชายหนุ่มแสดงน้ำใจแก่สาวน้อยแปลกหน้าที่ทำงานในตึกเดียวกัน  โดยหารู้ไม่ว่าเธอเป็นผู้พิการและยากไร้  เธอสำเหนียกในความเป็นเพื่อนและน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ผู้ให้พื้นที่แก่คนเล็กๆ อย่างเธอ ส่วนเรื่อง “รอยเวลา” ก็อาจจะจัดอยู่ในลักษณะสัมพันธภาพระหว่างคนแปลกหน้า  เพราะเป็นเรื่องของนักเขียนผู้เป็นแรงบันดาลใจให้เด็กกำพร้าคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียน  แต่เขาขีดเส้นแบ่งสัมพันธภาพระหว่างตัวเขากับตัวเธอเอาไว้ จึงมารับรู้เรื่องราวของเธออีกครั้งหลังจากเธอตายไปแล้วผ่านเรื่องสั้นที่เธอเขียนถึงชีวิตรันทดและความใฝ่ฝันของเธอ  น่าเศร้าที่เรื่องราวของเด็กหญิงไม่ได้กระทบความรู้สึกของนักเขียนมากเท่าใด  เพราะเขาก็ยังใส่ใจกับตัวเองและครอบครัวมากกว่าโลกภายนอก

เรื่อง “ซูชิชิ้นสุดท้าย”  เป็นเรื่องสัมพันธภาพของหมอกับคนไข้  ผู้ที่เคยเป็นคนไข้คงทราบดีว่าหมอแต่ละคนมีความเห็นใจและเอาใจใส่คนไข้แตกต่างกันไป   ใครเจอหมอดูแลดีก็นับว่าโชคดี  ใครเจอหมอที่รักษาคนไข้แบบไร้ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ก็นับว่าโชคร้าย  ในเรื่องสั้นเรื่องนี้แม่พบว่าหมอคนแรกไม่ตรวจร่างกายลูกชาย  ไม่ทักทายให้เด็กคลายความหวาดกลัว  ที่น่ารังเกียจคือพิพากษาต่อหน้าเด็กว่าโรคจะไม่หายตลอดชีวิต  คำพูดนี้เป็นฝันร้ายของแม่และลูก  เมื่อแม่พาลูกไปพบหมอคนใหม่ที่มีทั้งจิตวิทยา  เมตตาธรรม และจรรยาบรรณของแพทย์  เธอและลูกจึงผ่านพ้นฝันร้ายนั้นมาได้ด้วยดี

เรื่องเกี่ยวกับสัมพันธภาพระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างมีสองเรื่อง  เรื่อง “กระดูกซุป” มีลักษณะที่แสดง สัมพันธภาพทางชนชั้น  เจ้านายแบ่งกระดูกหมูที่ใช้ต้มน้ำซุปให้คนงานกิน แต่กลับเป็นเรื่องดราม่าเพราะเพื่อนคนงานด้วยกันวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการเหยียดหยามดูหมิ่นเพราะกระดูกหมูเป็นอาหารของสุนัข  ความมีน้ำใจจึงถูกแปรเจตนาไปทางลบเพราะอคติเรื่องชนชั้น  ส่วนเรื่อง “เต่ากับเส้นด้าย”  เป็นเรื่องของนายจ้างทำผิดกฎหมาย ลูกจ้างเลยขอลาออกจากงานแล้วยังถูกโกงเงินสะสมอีก  การยอมจำนนเหมือนเต่าหดหัวในกระดองกลายเป็นการสั่งสมความเครียดและเกือบจะกลายเป็นเส้นด้ายที่ขาดผึงด้วยแรงโทสะเมื่อพบกับการถูกรังแกอีกครั้ง

นอกจากนี้  ยังมีเรื่อง “รุ่นพี่” แสดงสัมพันธภาพของรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมสถาบัน แต่ปัญหาหนี้สินเป็นเหตุให้เกลียวความสัมพันธ์คลายลงจนจากกันด้วยความตาย

มีเรื่องสั้นที่กล่าวถึงความหยิ่งผยองของสาวสวยที่คิดว่าเธอสามารถสยบคนรอบข้างได้ด้วยเสน่ห์ร้อนแรง  หรือความโด่งดังที่ “ขายได้” ของเธอ  นั่นคือเรื่อง “บังเหียน”  เป็นเรื่องของชายหนุ่มและหญิงสาวที่เชื่อมั่นว่าเสน่ห์ร้อนแรงของเธอจะปราบเขาลงได้เหมือนที่เคยทำกับชายหนุ่มทุกคนมาแล้ว แต่ครั้งนี้เธอต้องผิดหวังและอับอาย ส่วนเรื่อง “สเต๊ก”  เป็นเรื่องของสาวสวยที่ไต่เต้าจนเป็นดาราดังโดยใช้ร่างกายยวนเสน่ห์สมบูรณ์แบบที่เธอเปรียบตัวเองกับ “สเต๊ก” ชั้นพรีเมียม เธอจึงครบเครื่องทุกอย่างทั้งงาน  เงิน  ชื่อเสียง  บ้าน  คนรัก ทำให้หยิ่งผยองจนไม่เห็นหัวคนอื่น  แต่ในที่สุดเมื่อประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตก็ไม่มีอะไรติดตัวเธอไปได้สักอย่าง

คนบางคนเบื่อหน่ายความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ จึงมี “โลกส่วนตัว”  ไว้หลบเร้น   อย่างเช่นเรื่อง “แชนเดอเลียร์” เป็นเรื่องของหนุ่มใหญ่มีชาติตระกูล  ฐานะ และมีครอบครัวดี เขาแยกทางกับภรรยาและมีพฤติกรรมคบหากับหญิงอื่น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับหนุ่มที่กลับมาใช้ชีวิตโสดอีกครั้งหนึ่ง แต่ในสายตาของคนอื่น พฤติกรรมของเขากลับ “วิปริต” “น่าอับอาย” เพราะเขามีห้องลับที่เก็บความลับแห่งสัมพันธภาพระหว่างเขากับสิ่งหนึ่งเอาไว้  เนื่องจากในขณะที่เขารู้สึกแปลกแยกกับความสมบูรณ์พร้อมที่เป็นเปลือกห่อหุ้มตัวเขา  เขากลับพบว่า “สิ่งนั้น” เติมเต็มความว่างเปล่าที่อยู่ภายในใจ

หนังสือรวมเรื่องสั้น 24 ชั่วโมง ของ “แพรพลอย  วนัช”  จึงสะท้อนให้เราเห็นสัมพันธภาพอันเปราะบางระหว่างคนกับคน  ในขณะที่สังคมกำลังก้าวรุดไปข้างหน้า  แต่ภาวะของความอบอุ่นอันเกิดจากการที่ “มนุษย์สัมผัสมนุษย์” กำลังลดน้อยถอยลงทุกที

อนึ่ง  ดังที่กล่าวในตอนต้นว่า “แพรพลอย  วนัช” เป็นนักเขียนรุ่นใหม่ที่ใช้ภาษาดี  แต่น่าแปลกใจที่คำว่า “กิริยา”  สะกดผิดเป็น “กริยา” ทุกแห่ง คำคำนี้มีอยู่ในเรื่องสั้นทุกเรื่อง เป็นการเขียนผิดของนักเขียนหรือของบรรณาธิการก็ไม่ทราบแน่ แต่หากมีการพิมพ์ใหม่อีก ช่วยแก้ไขให้ถูกต้องด้วยเถิด  เพราะ กิริยา หมายถึง อาการ  ส่วน กริยา เป็นประเภทของคำที่ใช้แสดงอาการ (อยู่ในหมวดคำนาม คำสรรพนาม คำคุณศัพท์ ฯลฯ)


คอลัมน์: เชิญมาวิจารณ์

เรื่อง: ศ.ดร.รื่นฤทัย สัจจพันธุ์

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!