ไอ้ขอด (ตอนจบ)
……..
จนกระทั่งคืนหนึ่ง ที่นนท์ได้รับมอบหมายให้ติดตามนายไปที่บ้านของคู่อริ เพื่อตามเงินจำนวน 20 ล้าน ที่ตกลงส่งมอบกัน แล้วหายสาบสูญไป นนท์และทีมอีก 4-5 คน เตรียมประจำการ คนขับรถ ต้นทาง และผู้ติดตาม
นายสั่งให้พวกนนท์จับคนในบ้านนั้นมัดมือไว้ด้านหลังแล้วมานั่งรวมกันที่โถงข้างล่าง นายพยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้คู่อริยอมมอบเงินจำนวน 20 ล้านคืนมาตามที่ตกลงกันไว้
ทว่าเจ้านั่นยืนยันเสียงแข็งไม่ยอมคืนเงินให้ ซ้ำมีสิ่งที่ยั่วยุให้นายโกรธมากขึ้นไปอีก นั่นคือเห็นได้ชัดว่าทุกคนในบ้านหลังนี้ แต่งตัวและเตรียมข้าวของลงกระเป๋าเดินทางเรียงรายเรียบร้อย คงมีเจตนาเดินทางหนี หากมาช้ากว่านี้อีกเพียงนิดเดียว เงินของนายคงถูกหอบหายสูญไปแล้ว
นายให้นนท์จับตัวแม่ของมันลุกขึ้นมา เอาปืนจ่อที่หัว บังคับให้มันไปเอากระเป๋าเงิน เมื่อมันยังไม่ยอมทำตาม นายก็หันมายิงเข้าที่ขาของหญิงชราที่ผมประคองอยู่ เสียงหวีดร้องดังลั่นบ้าน
หญิงสาวขยับตัวเข้าประชิดกำบังลูกสาวตัวน้อย ที่กำลังร้องไห้โฮเสียขวัญ ปลอบลูกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวทั้งที่ตัวเองก็ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด
เจ้าของบ้านกัดฟันกรอดจนหนทาง ในที่สุดก็ยอมเดินขึ้นบันไดไปทั้งที่มัดมือเพื่อไปเอากระเป๋าเงินมาให้นาย
เมื่อลงมาถึงข้างล่างนายรับกระเป๋าบรรจุเงินเปิดตรวจดูความเรียบร้อยอยู่ครู่หนึ่ง ก็ลุกเงยหน้าขึ้นมา จ้องหน้าคู่อริ อดีตลูกน้องคนสนิทของแก แล้วยกปืนขึ้นยิงเข้ากลางแสกหน้า จนร่างนั้นผงะหงายหลังร่วงลงไปกองที่พื้น รูสีแดงบนใบหน้าที่อยู่ระหว่างดวงตาลึกโบ๋ ตาเบิกค้าง เด็กหญิงร้องหวีดพยายามโผมาหาพ่อของแกแต่แม่ก็รีบเอาตัวเองบังแกไว้
นายยกกระเป๋าขึ้น หันมาพูดกับนนท์ “เก็บพวกมันให้หมด”
นนท์ตกใจหน้าตาตื่น “แต่นายได้เงินแล้วนี่ครับ”
“มึงจะเก็บให้กูหรือให้กูเก็บมึง”
มือที่กำด้ามปืนไว้ชุ่มเหงื่อ นนท์กระชับปืนในมือ มองหน้าหญิงชราที่นอนสลบไสลเลือดไหลนองออกมาจากต้นขา มองเด็กหญิงและแม่ของแกที่กำลังซุกตัวหากันร้องไห้ตัวสั่น หวาดกลัว สิ้นหวัง ไร้หนทางต่อสู้ ประหนึ่งลูกกวางที่อยู่ต่อหน้าเสือ เสียงสะอื้นของเด็กหญิงน้อยตรงหน้าหลอมรวมเป็นเสียงเดียวกับเสียงสะอื้นหน้าร้านขนมในความทรงจำไกลโพ้น
ชายหนุ่มจำได้เพียงเสียงระเบิดกึกก้องของปืนสั้นไทยประดิษฐ์ที่ถืออยู่ในมือดังติดกันหลายครั้ง แรงถีบจากด้ามปืนในฝ่ามือแรงจนทำให้อุ้งมือช้ำ
นนท์พยายามนึกแทบตาย แต่ยังไงก็นึกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่นกันแน่ มารู้ตัวอีกทีกระเป๋าใส่เงินก็มาอยู่ในมือเปื้อนเลือดของเขา ระหว่างทางกลับบ้าน
บ้านที่ชายหนุ่มเองก็เกือบจะไม่แน่ใจแล้วว่ามันเคยมีอยู่จริงหรือไม่…
พวกที่ทำงานด้วยกันไม่มีใครรู้ว่านนท์เป็นใครมาจากไหนเพราะไม่เคยเล่า โทรศัพท์มือถือถูกโยนทิ้งป้องกันการติดตาม นนท์ระวังตัวมาตลอด แม้แต่ชื่อก็ยังเป็นชื่อปลอม แต่เพื่อความไม่ประมาท ชายหนุ่มจึงตั้งใจจะมาพาแม่กับน้องย้ายไปหาที่อยู่ใหม่
นนท์กลับมาถึงหมู่บ้านในสายวันนั้น ให้เวลาตัวเองเตรียมใจด้วยการแวะไปเยี่ยมเถ้าอัฐิพ่อที่กำแพงวัด นอนงีบหนุนกระเป๋าเงินให้หายเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ยาวไปเกือบบ่าย จึงตัดสินใจเดินกลับบ้าน
บ้านปิดประตูแต่ไม่ได้ลงกลอน ไม่มีใครอยู่ คนข้างบ้านหน้าตาตื่นตอนที่เห็นเขา แต่เมื่อจ้องหน้ากันอยู่พักหนึ่งจึงกลายเป็นตื่นเต้นดีใจจำกันและกันได้ แล้วครู่ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อย ที่ต้องบอกข่าวเรื่องแม่และแนนให้เขาฟัง
“แม่เราเขาไปสบายแล้ว เขาเป็นโรคไต เสียไปเมื่อสักสามปีที่แล้ว ส่วนน้องแนน พอแม่ตายก็พาแฟนเข้ามาอยู่บ้าน เปลี่ยนไปมาสองสามคน ตอนหลังหายไปนานๆ ไม่ค่อยกลับ นี่ก็ไม่กลับบ้านมาสองปีได้แล้ว เราเองก็หายไปเลย ไม่ส่งข่าว ไม่รู้เป็นรู้ตาย แม่เขาเป็นห่วงเรามากนะนนท์”
ควันบุหรี่ลอยอ้อยอิ่งออกจากริมฝีปากของชายหนุ่ม สายสีขาวอมเทา ความเก่าทรุดโทรมของตัวบ้านถูกพรางให้จางลงเมื่อมองผ่านม่านควันเปลี่ยนรูปร่างลวดลายไปมาในอากาศ แม้แต่ม้านั่งสนามตัวเก่าที่เคยกว้างใหญ่ พอจะแอบมางีบนอนกันสองพี่น้องได้ตอนเด็กๆ ตอนนี้กลับเล็กแคบ เก่ากรอบ สีบนเนื้อเหล็กหลุดร่อนเหลือแต่ลายสนิม สวนหลังบ้านที่เคยมีพืชสวนครัวกับแปลงดอกไม้เล็กๆ ของแนน กลายเป็นพื้นที่รกเรื้อ มีแต่พงหญ้าและกิ่งก้านเถาอัญชันเลื้อยระดะเต็มรั้วลวดหนาม ดอกสีม่วงเข้มผลิบานสวยงามผิดที่ผิดทางจนน่าสงสาร หลังรั้วลวดหนามนั่นเป็นทางเดินลงไปยังตลิ่งและท่าน้ำชายคลอง แม่เคยพาลงเล่นน้ำและกำชับหนักหนาว่าอย่าพากันลงมาเล่นเองเพราะน้ำลึก
นนท์ทอดสายตามองขึ้นไปบนหน้าต่างที่เคยเป็นห้องนอนของเขา พลันสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองกลับมา ก่อนผลุบหายกลับเข้าไป
“ไอ้ขอด!”
ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปในตัวบ้าน ผ่านชั้นล่างที่มีแต่ซากข้างของเครื่องใช้กองระเกะระกะ ฝุ่นหนาจนแทบไม่เห็นสีของพื้นกระเบื้อง
เขาถอดรองเท้าวางใต้บันไดตามคำสั่งของจิตไร้สำนึก ไม่เคยมีครั้งไหนที่เด็กบ้านนี้จะใส่รองเท้าเหยียบบันไดขึ้นไปข้างบนได้ ชั้นบนคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เคยสะอาด อบอุ่น และปลอดภัยเสมอ เมื่อมีแม่
“ไอ้ขอด มึงยังอยู่นี่เหรอวะ” นนท์ร้องเรียก หัวใจเต้นแรงด้วยความดีใจ เขากวาดตามองไปรอบตัว ก่อนจะเห็นมันยืนขนฟูตัวสั่นอยู่ข้างกองกล่องลังวางสุม สีขนที่เคยขาวสะอาดกลายเป็นสีขาวตุ่นสกปรกมอมแมมเหมือนวันแม่อุ้มเข้ามาอยู่ในบ้าน
“มึงไม่ต้องกลัวกู กูนนท์ไง มึงจำได้ไหม ลูกแม่ไง พี่ไอ้แนน ผู้หญิงที่ขยำข้าวให้มึงกินน่ะ เมื่อก่อนกูเคยหาเงินมาซื้อไก่ย่าง ซื้อปลาทูดีๆ ให้มึงแดก ตอนนั้นมึงโคตรน่ารักเลย ดูสภาพมึงตอนนี้สิ” ก้อนแข็งๆ ที่ก่อจากความรู้สึกตื้อตันในอกก่อตัวขึ้นมาจุกที่ลำคอ
“ป่ะ มึงไปกับกู กูจะพามึงไปอยู่บ้านใหม่ จะพาไปเข้าร้านอาบน้ำทำขนมึงสวยๆ”
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ แมวหางขอดหน้าตามอมแมมกลับยิ่งขู่ฟอด ตัวสั่นหนักขึ้น
“ไปอยู่กับกูนะ กูจะซื้ออาหารแมวยี่ห้อแพงๆ ซื้อส้วมแมวไฮเทค คอนโดแมว กูซื้อบ้านให้มึงต่างหากทั้งหลังเลยยังได้ จะจ้างคนมาเลี้ยงดูแลมึง เออ หรือมึงยังโกรธที่กูเคยเตะมึงเจ็บวะ ตอนนั้นมึงยังตัวเล็กกระติ๊ดนึง จำได้ด้วยเหรอ เออ กูขอโทษก็ได้ ยกโทษให้กูเถอะ มานี่มะ ไปอยู่กับกูนะไอ้ขอด”
ชายหนุ่มค่อยๆ ขยับเดินเข้าไปใกล้ช้าๆ แมวสีขาวดวงตาวาวโรจน์ ขู่คำรามด้วยเสียงห้าวใหญ่ สลับเสียงฟ่อ ฟอด และทำท่าพร้อมจะตะปบข่วน
น่าแปลก ที่ยิ่งนนท์เข้าไปใกล้ มันกลับไม่ถอยหนี แต่กลับเดินก้าวมาข้างหน้าช้าๆ ทั้งที่ยังตัวสั่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด “มึงก็อยากกลับมาหากู เห็นไหม ไม่งั้นมึงคงหนีออกหน้าต่างไปแล้ว ใช่ไหมขอด ไม่ต้องกลัวนะ”
จนถึงระยะที่จะเอื้อมได้ นนท์พุ่งเข้ารวบตะครุบตัวมันไว้ในอ้อมแขน กอดเอาไว้แน่น
เจ้าแมวดิ้นรนต่อสู้สุดกำลัง ทั้งกัดทั้งข่วน คมเขี้ยวและเล็บฝังขูดลงในผิวเนื้อหลายแห่ง ราวกับกอดลูกบอลกลที่ประกอบด้วยใบมีดและตะปูแหลมหมุนคว้าง
ในที่สุดชายหนุ่มก็จับมันไว้ไม่อยู่ ขาหน้าของมันตะปบจิกเล็บเข้าที่แก้มลากเป็นแผลยาวมาถึงคางชั่ววูบวินาทีนั้น เขาโกรธขึ้นมาจนหน้ามืด ยกตัวแมวขึ้นสูงและขว้างมันออกจากตัวสุดกำลังแขน
ร่างเล็กๆนั้นลอยคว้างเพียงเสี้ยววินาที ก่อนกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะวางทีวีเก่าเสียงดังปัง! ก่อนหล่นลงมากองแน่นิ่งที่พื้นเหมือนผ้าขี้ริ้วเก่าๆ
ชายหนุ่มตกตะลึงนิ่งอึ้งไปหลายวินาที ก่อนจะตั้งสติได้ รีบโผเข้าไปอุ้มซากชีวิตที่ยังอุ่นร้อนขึ้นมากอดแนบอก “ไอ้ขอด ไอ้แมวเหี้ย มึงอย่าตายนะ กูไม่ได้ตั้งใจ อยู่กับกูก่อน อย่าทิ้งกูนะมึง” เขาลูบตัวมันติดๆ กันหลายครั้ง ปากคอสั่น ทำอะไรไม่ถูก
ทว่าร่างเล็กๆ ในอ้อมกอดก็ไม่ขยับไหวติงแต่อย่างใด ดวงตาเบิกค้าง ปากอ้า ลิ้นห้อยออกมาข้างนอกเลือดไหลออกจากปากและจมูก
ชายหนุ่มกัดริมฝีปากจนเลือดไหล ตัวสั่น ความสิ้นหวังโถมเข้าสู่ภายใน ค่อยๆ วางร่างของไอ้ขอดลงบนพื้น ตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งสังเกตเห็นเต้านมบวมเบ่งและหัวนมที่มีรอยดูดเป็นวง ใจร่วงวูบ
“ไอ้…ไอ้ขอด นี่มึงเป็นตัวเมียเหรอวะ”
เมื่อบ้านตกอยู่ในความเงียบสงัด นนท์จึงได้ยินเสียงเล็กดังลอดออกมาจากกองกระดาษลังที่เจ้าแมวหางขอดไปยืนอยู่เมื่อครู่
ลูกแมวตัวกระจิ๋ว เท่าแม่ของมันตอนที่เพิ่งมาอยู่ ค่อยๆ เดินเตาะแตะออกมาข้างนอก อ้าปากร้องไห้เสียงเล็กเบาหวิว มันคงกำลังร้องเรียกแม่ของมัน
“เหี้ยเอ๊ย!” นนท์สบถ ทิ้งตัวนอนหงายเหยียดยาวบนพื้นบ้านชั้นสองที่มีแต่ซากทับถมของความทรงจำเก่ากรอบ ยอมให้ตัวเองร้องไห้สะอึกสะอื้นได้เต็มที่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี น้ำตาไหลลงข้างแก้มถูกแผลข่วนจนแสบยิบ ตอกย้ำให้นนท์รับรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่ฝันร้ายเรื่องหนึ่ง
ยาวนานจนฟ้าเริ่มมืด ชายหนุ่มได้ยินเสียงรถหลายคันมาจอดใกล้ๆ บ้าน และเสียงฝีเท้าในรองเท้าหนังเดินลงส้นตุบๆ
เขาลุกขึ้นเหม่อมองออกไปที่ท่าน้ำหลังบ้าน ก่อนก้มคว้ากระเป๋าเงินขว้างออกไปนอกหน้าต่าง สุดแรงเกิด
ในแสงสลัวรางจากไฟทางที่ลอดมาทางหน้าต่าง ชายหนุ่มก้มมองลูกแมวน้อยตัวอ้วนกลมน่าเอ็นดูที่ยังคงซุกร่างนอนแนบซากร่างของแม่มันอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ปากยังคาบหัวนมแม่ไว้ทั้งหลับ ไอ้ขอดมันเลี้ยงลูกดีแท้ๆ ตัวเองผอมกะหร่อง แต่ลูกยังอ้วนขนฟูสวย
แล้วเขาก็สะอื้นขึ้นมาอีก “มึงไม่ควรเกิดมาเลยรู้ไหม โลกนี้แม่งเหี้ย ไม่น่าอยู่เลย โดยเฉพาะเวลาที่แม่มึงตายแล้วแบบนี้”
เสียงฝีเท้าลงส้นเปิดประตูด้านล่างเข้ามาในตัวบ้าน รองเท้าคู่หนึ่งเหยียบบันไดชั้นล่าง ล่วงล้ำทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของบ้านไปหมดสิ้น
วินาทีถัดจากนั้น เสียงปืนนัดหนึ่งระเบิดลั่นดังก้องไปทั่วบริเวณ และดังกึกก้องสะท้อนกังวานไปทั่วทั้งคุ้งน้ำในคลองด้านหลัง กระแสน้ำยังคงไหลเอื่อย เก็บซับเรื่องราวในรอยทางที่ผ่านมันไปอย่างเงียบๆ เช่นที่เคยเป็นมาเสมอ#.
…………………………………………..
อ่านตอนแรก—–> คลิ๊ก