ผู้หญิงคนนี้ทำได้หลายอย่าง เป็นนักดำน้ำ ขี่จักรยานได้ ขับรถได้ ขับเครื่องบินได้ และยังเป็นนักเทควันโดสายดำ
ไม่น่าแปลกหากเธอมีอวัยวะครบสามสิบสอง

เจสซิกา ค็อกซ์ (Jessica Cox) เกิดมาไร้แขนทั้งสอง เนื่องจากพิการแต่กำเนิด หมอบอกว่าเธอจะช่วยเหลือตนเองไม่ได้ไปตลอดชีวิต แต่เธอทำให้หมอถอนคำพูด เพราะในวัยห้าเดือน เธอลากตัวไปไหนมาไหนได้เอง และในวัยสิบแปดเดือน เธอก็เดิน
ในวัยสามขวบ เธอสามารถใช้เท้าตักอาหารใส่ปากเองได้
เธอเรียนรู้ที่จะอยู่ในโลกโดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น ทำทุกอย่างเองด้วยเท้าเป็นหลัก ใช้ชีวิตแทบเหมือนคนปกติ
เธอขับรถ เติมน้ำมันรถเอง สวมคอนแทคเลนส์เองด้วยเท้า หวีผมเอง พูดโทรศัพท์โดยใช้เท้า ใช้นิ้วเท้าพิมพ์ดีดบนคีย์บอร์ด 25 คำต่อนาที
เธอสวมกางเกงโดยดัดแปลงตัวดูดกระจกให้เกี่ยวขอบเอวกางเกง แล้วขยับตัวสอดสองขาเข้าไปในกางเกง
หลายปีให้หลัง เธอบอกว่าการสวมเสื้อผ้าด้วยตัวเองเป็นการบรรลุชัยชนะที่น่าเฉลิมฉลองกว่าอย่างอื่น!
ตั้งแต่อายุสิบสี่ เธอปฏิเสธแขนเทียม ฝึกใช้เท้าทำทุกอย่างแทนมือ
เธอไร้แขน แต่พลังใจเต็มร้อย
ตอนที่เธอเกิด พ่อของเธอไม่ได้เสียใจ มั่นใจว่าจะสอนลูกให้เป็นคนปกติ ครอบครัวทำให้เธอผ่านชีวิตเหมือนคนปกติ เพราะพ่อแม่สอนเธออย่างคนปกติ
ตอนเป็นเด็กเธอเรียนเต้นรำ ในการแสดงครั้งแรกเธอขออยู่แถวหลัง แต่ครูบอกว่าไม่มีแถวหลัง หลังการแสดงเธอได้รับเสียงปรบมือ ทำให้มีกำลังใจเต้นรำต่อไป
วันหนึ่งเธอพบครูสอนเทควันโดที่โรงเรียน ครูบอกว่าข้อบกพร่องทางกายภาพไม่ใช่อุปสรรค อุปสรรคอยู่ที่ใจเท่านั้น เธอเรียนเทควันโด ฝึกฝนอย่างหนักจนได้รับสายดำ เธอเป็นนักเทควันโดสายดำไร้แขนคนแรกของสมาคมเทควันโดสหรัฐฯ
แล้วไปเรียนมหาวิทยาลัย เรียนจบสาขาจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยแอริโซนา
หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย นักบินคนหนึ่งถามเธอว่าอยากบินในเครื่องบินเล็กเครื่องยนต์เดียวไหม เธอกลัวการบินเสมอ แต่ก็คว้าโอกาสนี้ ขึ้นเครื่องบินเล็กเป็นครั้งแรก และติดใจ ตั้งใจว่าจะเป็นนักบินให้ได้
ไม่มีใครเชื่อว่าเธอจะเป็นนักบินได้ เธอติดรูปเครื่องบินลำหนึ่งที่โต๊ะทำงาน ทุกเช้ามองภาพนั้นและจินตนาการตัวเองเป็นนักบิน
กีฬาโดยเฉพาะเทควันโดสอนให้เธอมีวินัย ตั้งเป้าหมาย ทำให้ได้ ไม่ยอมแพ้ เมื่อทำได้แล้ว ก็ตั้งเป้าหมายใหม่ต่อไป
เธอเรียนการบินจากผู้สอนสามคน ใช้เวลาสามปี เธอขับเครื่องบินโดยใช้เท้าทั้งสองแทนมือ เธอฝึกเรียนการบินอย่างหนักนานสามปี
เธอกลายเป็นนักบินในที่สุด
ไอดอลคนหนึ่งของเธอคือ Amelia Earhart ผู้หญิงคนแรกที่บินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
แล้วเธอก็กลายเป็นนักบินไร้แขนคนแรกของโลกที่ได้รับใบอนุญาตบิน
เจสซิกากล่าวว่าช่วงเวลาที่รู้สึกตกต่ำทำให้รู้คุณค่าของช่วงเวลาที่ทำเรื่องสำเร็จ เธอบอกว่า อย่าปล่อยให้ความกลัวขวางทางของโอกาส
เธอกล่าวว่า “ความพิการเป็นกรอบคิด อะไรก็ตามที่ขวางทางสู่การไขว่คว้าบางสิ่ง เมื่อนั้นมันจึงเป็นความพิการ ฉันอยากมองมันว่าเป็นอุปสรรคหรือความท้าทายมากกว่า นี่คือวิธีที่ฉันเป็นมาตลอดชีวิต ฉันไม่รู้จักวิธีอื่น ฉันแค่มีชีวิตโดยใช้เท้า”
คนบางคนร่างกายครบสามสิบสอง แต่ไม่ใช้ รอแต่ความช่วยเหลือจากคนอื่น
กายสมบูรณ์ ใจพิการ
คนบางคนไร้แขน แต่มีปีก บินข้ามอุปสรรคไปสู่ความฝัน
โลกมีคนพิการทางกายภาพมากมายที่ไม่ยอมแพ้ต่อข้อจำกัดที่ธรรมชาติให้มา สู้จนถึงที่สุด
ล้มได้ แต่ไม่มีวันยอมแพ้
ล้มได้ แต่ลุกขึ้นมาใหม่
คนเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกว่ายังมีสายรุ้งที่เส้นขอบฟ้าเสมอมีคนถามเจสซิกาว่าทำไมเธอไม่ใช้แขนเทียม เธอไม่ชอบแขนเทียม บอกว่ามันหนัก ไม่สบาย “ที่สำคัญคือเมื่อใครคนหนึ่งจะกอดคุณ คุณจะขาดการสัมผัสนั้น”
เธออาจเลือกถูก เพราะไม่เพียงเธอฝึกฝนตัวเองจนคุมเท้าได้ เธอยังรับรู้สัมผัสเมื่อคนรักของเธอกอดเธอ
เจสซิกาแต่งงานในวัยยี่สิบเก้า ในงานแต่งงานเธอป้อนเค้กให้เจ้าบ่าวด้วยเท้า! เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน สวมแหวนแต่งงานให้เขาด้วยนิ้วเท้า เขาสวมสร้อยข้อเท้าให้เธอ
เธอสวมชุดเจ้าสาวแบบไร้แขน แต่เดินด้วยความสุข สวยงาม
คนบางคนไร้แขน แต่มีปีก
และทำให้คนอื่นรู้สึกว่ายังมีความหวัง

winbookclub.com
เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/winlyovarin/


คอลัมน์ ลมหายใจ / เรื่องและภาพ: วินทร์ เลียววาริณ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่