ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ทุกๆ ท่าน
มาแล้วจ้า ธรรมะมาแล้วจ้า ไม่ได้มาขาย แต่มามอบให้แก่ญาติโยมทุกๆ ท่าน ใครที่มองว่าธรรมะเป็นเรื่องยาก ธรรมะเป็นเรื่องไกลตัว ลองเปิดใจรับธรรมะสักนิด แล้วโยมจะเปลี่ยนความคิดทันที สิ่งที่สำคัญเราต้องเปิดใจก่อน ถ้าใจเปิดหูก็เปิด ถ้าใจปิดหูก็ปิด ไม่ว่าธรรมะจะดีมีคุณค่ามากแค่ไหน ถ้าใจปิดเราก็ไม่อยากฟัง เพราะว่าใจของเราปิดประตูลงกลอนเป็นที่เรียบร้อย
เราจะนึกถึงธรรมะต่อเมื่อมีปัญหามากมายที่ประดังเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องปากท้อง ปัญหาในที่ทำงาน ปัญหาบ้านเมือง บางคนเจอปัญหาหนักจนน้ำตาแทบกระเด็นจึงนึกถึงธรรมะ อย่างว่านะโยม เมื่อไม่เห็นทุกข์ก็ไม่เห็นธรรมะ เพราะความสุขความสบายทำให้เราเพลิดเพลิน ทำให้เราประมาท ไม่ได้สนใจความจริงในชีวิตว่ามันต้องมีสุข มีทุกข์ มีลาภ เสื่อมลาภ มีสรรเสริญ มีนินทา
ถ้าเราเข้าใจธรรมะ เราก็จะเข้าใจคำสอนที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป แต่บางคนบอกว่ากว่าทุกข์จะดับได้ ชีวิตของโยมก็เกือบดับไปก่อนทุกข์แล้วท่าน
ถ้าพูดแบบธรรมะแท้ๆ คือ ทุกข์มีเพราะเราถือ ทุกข์หนักเราเพราะแบก ทุกข์เบาเพราะเราวาง
ปล่อยก็ว่าง วางก็เบา เอาก็หนัก แต่มันไม่ได้ทำง่ายอย่างที่เราคิด
โยมทุกท่าน ทุกปัญหา ทุกความเครียด ถ้าเราจะแก้ขออย่างเดียวให้เรามีสติพร้อมที่จะต่อสู้กับมัน ปัญหามีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้กลุ้ม โยมทั้งหลาย ถ้าเราอยากดับไฟต้องใช้น้ำ ถ้าอยากดับความทุกข์ก็ต้องใช้ธรรมะเป็นเครื่องดับทุกข์
เรื่องปากท้องเป็นเรื่องสำคัญนะโยม โบราณเขาบอกว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง หมายความว่าคนเราจะไปไหนก็ต้องมีเสบียงในการเดินทาง สมัยก่อนเวลามีสงคราม ยามออกศึกจะต้องเตรียมเสบียงให้พร้อมและมีทหารกล้าคอยรักษาเสบียงไม่ให้ศัตรูมาปล้นไปได้
ชีวิตของเราก็เช่นเดียวกัน จะต้องมีเสบียงชีวิตในการเดินทาง คนที่มีเสบียงชีวิตไว้มาก ย่อมไม่กังวลเมื่อต้องเดินทางไกล แล้วอะไรเป็นเสบียงชีวิตของคน ตอบชัดๆ เลย บุญกุศลที่เราทำนั่นแหละโยม
โยมทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทรงรู้ ทรงเห็น แล้วเอาความจริงอันนั้นมาตรัสสอนเราว่า สัตว์โลกมีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ใครทำกรรมอะไรไว้ จะต้องได้รับผลของการกระทำนั้นด้วยตนเอง
ดังนั้นอำนาจของบุญกุศล หรือบาปซึ่งเราทำไว้เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ จะเป็นแผนที่ให้เราเดินทาง ใครที่ทำบุญกุศลไว้มาก เราจะไปถึงจุดหมายที่เป็นความสุข
ส่วนใครที่ทำบาปไว้ จุดหมายปลายทางคือความทุกข์ ความทรมาน ซึ่งเราจะต้องไปรับผลของกรรมนั้นๆ ไม่มีใคร หลีกเลี่ยงกรรมได้ เพราะกฎแห่งกรรมเป็นศาลยุติธรรมที่เที่ยงธรรมที่สุด
แม้เกริ่นมาแบบนี้ โยมบอกว่าจะให้บรรลุธรรมภายในฉบับนี้เลยใช่ไหมคะ หลวงพี่ ถ้าบรรลุก็ดีนะโยม แต่ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ถ้าสนุกมากเกินไป คนที่ชอบเนื้อหาสาระก็ไม่ชอบ ถ้าสาระมากเกินไปคนที่ชอบธรรมะแบบสนุกก็ไม่ชอบ เพราะอย่างนี้เราจึงพบกันครึ่งทาง สนุกบ้างสาระบ้างปนกันไป
เอาละ มาเข้าประเด็นกันเลยนะโยม ฉบับนี้เราจะมาพูดเรื่องความรัก
โยมว่าความรักสำคัญไหม สำหรับอาตมาขอตอบเลยว่าความรักนั้นสำคัญมาก แต่จะสำคัญมากกว่า ถ้าเราเติมเมตตาลงไปในความรักด้วย
โยมทุกท่าน ที่คนเราต้องมีความรักเพราะหัวใจจะได้ไม่เหงา ไม่ได้มีแค่เราแต่มีเขาด้วย
ความรักที่แท้จริงไม่ได้มุ่งแค่เรื่องความใคร่เพียงอย่างเดียว แต่มีความปรารถนาดีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
หากเรามีความรักแบบเมตตา เวลาที่เราเจอใคร เราก็อยากให้เขาอยู่เป็นสุข ให้เขาปราศจากความทุกข์ ไม่เดือดร้อน มีความเจริญก้าวหน้าในการงาน หากเราคิดแบบนี้เราก็จะสบายใจ เพราะว่าเรามีความรักแบบเมตตาเป็นที่ตั้ง
หากเป็นความรักที่ไม่มีเมตตาต่อกัน ทำอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ถ้าเป็นแบบนี้จากรักก็จะกลายเป็นชัง จากรักก็จะกลายเป็นร้าง ดังนั้นเมื่อโยมมีรัก โยมจึงต้องมีเมตตาและรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ใช่ว่าต้องถูกใจตนทุกเรื่อง คนอื่นไม่สนแบบนี้ก็ไม่ได้ ลองมาฟังเรื่องนี้ดูแล้วกัน โยมจะได้รู้ว่ารักแท้นั่นเป็นอย่างไร
เรื่องมีอยู่ว่า มีสามีคนหนึ่งรักภรรยามาก เขาตั้งใจว่าจะไม่โกรธกัน ภรรยาเลยลองใจ
วันแรกแกล้งหุงข้าวดิบ สามีบอกว่า อือ… หุงข้าวแบบนี้กินบ้างก็ดี มันดี
วันที่สองหุงข้าวแฉะ สามีบอกว่า หุงข้าวแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เคี้ยวง่าย ย่อยง่ายดี
วันที่สาม ภรรยาไม่ได้หุงข้าวเลย มีแต่หม้อข้าว และจานเปล่าวางไว้ สามีเปิดดู แล้วพูดว่า
ดีเหมือนกัน ไม่ได้งดอาหารถือศีลแปดมานานแล้ว…
สุดท้ายสามีก็ชนะใจภรรยาอย่างไม่ต้องสงสัย
โยมทุกท่าน หากถามว่าอยากให้รักของเราเป็นอย่างไร อาตมาเชื่อแน่นอนว่าทุกคนต้องการความรักที่มีความสุข เข้าใจกัน ซื่อสัตย์ต่อกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน
บางคู่ก็ทำได้แบบนี้ เรียกว่าเป็น “คู่สร้างคู่สม” เหมาะกันเหมือน “กิ่งทองใบหยก” เหมือนห่อหมกกับใบยอ เป็น “ไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร”
อาตมามองว่า ความรักคือการเกื้อกูล ไม่ใช่ก้าวก่าย
ความรักต้องมีการมอบให้ ไม่ใช่แค่เรียกหา
ความรักต้องมีการให้ไป ถึงจะได้มา
ความรักต้องใช้เวลา ไม่ใช่แค่ซื้อนาฬิกาให้กัน
โยมรู้ไหมว่า ความรักสอนให้เราเป็นคนยิ้มง่าย
และพิเศษไปกว่านั้นคือ ฝึกให้เราร้องไห้ได้โดยที่ไม่ต้องบีบน้ำตา
เจริญพร
คอลัมน์: ธรรมะอมยิ้ม
เรื่อง: พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์