สมัยหนุ่มๆ ผมเคยได้ยินผู้ใหญ่สอนว่า เราต้องเรียนรู้วิธีเข้าสังคม “หัดดื่มเหล้าบ้างนะ จะได้เข้าสังคมเป็น”

“เข้าสังคม” หมายถึงการมีเพื่อน มีกลุ่ม ไม่ถูกทิ้งโดดเดี่ยวเดียวดาย ไม่มีใครคบหาด้วย

ผมเรียนรู้เมื่อเรียนจบและเริ่มทำงานว่า นอกจากเหล้าแล้ว ยังมีเครื่องมืออีกหลายชิ้นที่ช่วยในการเข้าสังคม เช่น งานอดิเรก ความรู้รอบตัว รวมถึงการตีกอล์ฟ

กิจกรรมเช่นการตีกอล์ฟมักใช้เป็นเครื่องมือเชื่อมสัมพันธ์กับลูกค้ามากกว่าการเข้าสังคมในบริบท “ไม่ถูกทิ้งโดดเดี่ยว”

เคยไหมที่คุณไปงานเลี้ยง ผู้คนมากมาย แต่รู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย? บางทีเกิดขึ้นเพราะคุณต่อต้านการเข้าสังคมตั้งแต่ก่อนไป อาจเพราะการไปร่วมงานเป็นภาคบังคับ บ้างมีเพื่อนหรือญาติเชิญไป ไม่ไปก็เหมือนไม่ให้เกียรติเขา แต่ไปก็ไม่มีความสุข

ผมเคยไปงานแต่งงาน เสนอหน้าให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวเห็น แล้วก็หลบกลับ เพราะไม่มีความสุขกับการอยู่ในสถานที่มีคนมากๆ

คนพันธุ์นี้เรียกว่า introvert (คนเก็บตัว)

อะไรเป็นคุณลักษณ์ของ introvert?

น่าจะคือชอบทำอะไรคนเดียว ไม่ชอบเข้าสังคม

มีความสุขคนเดียว

คิดมาก

คบเพื่อนยาก ถ้าคบก็ต้องเข้าใจกันจริงๆ

โดดเดี่ยวแม้อยู่ในที่คนมากๆ

เป็นนักฟังมากกว่านักพูด

คิดก่อนพูด

ใจเย็น คุมอารมณ์ได้ดี

ชอบมองตัวตนภายใน

คิดทำทุกอย่างภายในใจ เก็บกด

เปิดเผยตัวตนน้อยมาก ไม่ชอบถูกถ่ายรูป

ยืนหยัดด้วยตัวเอง

มีความคิดสร้างสรรค์

วิเคราะห์เก่ง ทำงานร่วมกับคนอื่นได้ดี เพราะไม่พูดมาก

อาการ introvert ไม่ใช่ปัญหาความผิดปกติของบุคลิกแต่อย่างใด เป็นคนปกตินี่แหละ เพียงแต่ไม่ชอบออกไปเจอคนมากๆ ไม่ชอบเผยตัว

มนุษย์เป็นสัตว์สังคม แต่ก็เป็นสัตว์โลกที่ต้องการความสงัดเช่นกัน

เพียงแต่คนบางคนประสงค์ความสงัดสูงหน่อย

introvert จำนวนมากสบายใจกว่าเมื่ออยู่กับแมว หมา หรือต้นไม้

ที่แปลกก็คือ introvert จำนวนไม่น้อยทำงานที่ต้องเจอคนมากๆ เป็นประจำ

ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ที่พูดจาปราศรัยต่อชาวโลกอย่างคล่องแคล่ว ไปงานเลี้ยงต่างๆ สารพัด ยิ้มแย้มแจ่มใสในคนหมู่มาก ก็เป็น introvert เขาไม่ชอบคนหมู่มาก ไม่ใช่คนที่มีเพื่อนมาก เป็นคนโดดเดี่ยวที่บังเอิญมีทักษะในการสื่อสารดีเยี่ยม

นักการเมืองผู้คล่องแคล่วอย่างฮิลลารี คลินตัน ก็เป็น introvert

ซีอีโอระดับโลกหลายคนก็เป็น introvert เช่น วอร์เรน บัฟเฟตต์ มาริสสา ไมเออร์ ซีอีโอของ Yahoo คนนี้ไม่ชอบงานปาร์ตี้ใดๆ แต่ก็สามารถอยู่ในสถานการณ์นั้น เธอเคยให้สัมภาษณ์ถึงเคล็ดลับว่า เธอต้องใช้วินัยสูง เช่น ถ้าอยู่ในงานปาร์ตี้ ห้ามกลับก่อนกี่โมง

เช่นเดียวกับคนดัง นักแสดงอีกมากมาย เช่น คลินท์ อีสต์วูด, แฮริสัน ฟอร์ด, ทอม แฮงก์ส, เมอริล สตรีพ, จูเลีย รอเบิร์ตส์

และที่น่าแปลกก็คือโลกมีดาวตลกมากมายที่เป็น introvert รอบิน วิลเลียม, จิม แคร์รี, วูดดี อัลเลน, สตีฟ มาร์ติน

มีการวิจัยว่า ดาวตลกส่วนมากเป็น introvert บางทีสองอย่างนี้เข้ากันได้ดี เพราะดาวตลกมักต้องละเอียด คิดลึก เข้าใจคนอื่น ไม่เช่นนั้นก็คิดมุขยาก

 

ผมเป็นชาว introvert มาตั้งแต่เกิด เคยตั้งคำถามว่า จำเป็นแค่ไหนที่เราต้องเข้าสังคม? เราอยู่ในโลกโดยไม่มีเพื่อนได้ไหม?

บ้างมองว่าเกิดเป็นคนก็ต้องเข้าสังคม ในเมื่อมนุษย์เป็นสัตว์สังคม บ้างว่าการเข้าสังคมคือการได้งาน แต่บ้างก็ว่าไม่จำเป็น อยู่คนเดียวก็ได้

เป็นคำถามที่ผมขบคิดมานานปี ในที่สุดก็พบว่า บางทีไม่ว่าจะเข้าหรือไม่เข้าสังคม ก็อาจสุดโต่งทั้งคู่

ลองมองอีกมุมหนึ่ง การอยู่คนเดียวไม่ได้แปลว่าจะอยู่คนเดียวได้จริงๆ เราอาจเก็บตัวคนเดียวในป่า เป็นมนุษย์คนเดียว ณ ที่นั้น แต่ก็ไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีพืช สัตว์ ซึ่งเป็นชีวิตที่มีปฏิสัมพันธ์กับเรา ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

ดังนั้นการไปอยู่ป่าคนเดียวจึงไม่ใช่อยู่คนเดียวจริงๆ เรายังอยู่กับพืชและสัตว์ ยังเห็นนกบินผ่าน ได้ยินเสียงนก เสียงแมลง อาจถือว่าเป็นการเข้าสังคมอย่างหนึ่ง เป็นสังคมที่กว้างกว่าสังคมในกรอบคิดของมนุษย์

ฉะนั้นวลี “การเข้าสังคม” ซึ่งมีนัยสัมพันธ์ของคนกับคน แต่อาจไม่ครอบคลุมครบ เพราะโลกนี้ไม่ได้มีแต่ชาวมนุษย์ ยังมีพืชสัตว์ เราเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวงจรชีวิต

ดังนั้นเวลาบอกว่าเก็บตัว มันอาจคือเก็บใจ!

นี่แปลว่าการอยู่คนเดียวคือสภาวะทางใจมากกว่าทางกาย

และเมื่อเป็นเรื่องทางใจ ก็ต้องอาศัยการละวางการยึดติด เพื่อให้เป็นอิสระ

 

เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงหลักไมล์ท้ายๆ ของชีวิต ผมปล่อยวางลงไปมากกว่าเก่าแล้ว ไม่ถามแล้วว่า จำเป็นแค่ไหนที่เราต้องเข้าสังคม

อิสรภาพที่แท้จริงของชีวิตน่าจะอยู่ที่ “เข้าสังคมก็ได้ ไม่เข้าสังคมก็ได้” และไม่ให้มันกระทบต่อชีวิตจนทำให้เราไร้สุข

อยากเข้าสังคมก็เข้า ไม่อยากเข้าสังคมก็ไม่ต้องเข้า

อย่างไรก็ตาม ชีวิตคือการรักษาสมดุลขององค์ประกอบต่างๆ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวเรากับตัวเรา

บางทีเมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นว่า เรื่องหนึ่งๆ เป็นการเข้าสังคมหรือไม่เข้าสังคม เราก็เป็นอิสระ

ในโลกนี้มีชีวิตราว 8.7 ล้านสายพันธุ์ ไม่มีทางอยู่คนเดียวจริงๆ โดยไม่พบชีวิตอื่น ต้องสวนทางกันบ้าง

ในเมื่อคนในโลกนี้มีถึง 7,000 ล้านคน ย่อมต้องเดินชนกัน มีปฏิสัมพันธ์กัน แต่แทนที่จะหนี เราสามารถมองสังคมภายนอกเป็นแค่การไหลของสายน้ำ เราไม่จำเป็นต้องทวนน้ำเสมอไป เราสามารถกลมกลืนกับสังคมมนุษย์ ทั้งที่เรารู้จักและไม่รู้จัก สามารถยิ้มให้คนแปลกหน้า คุยกับคนแปลกหน้าได้เสมอ ไม่มีกฎว่าห้ามคุยกับคนที่เราไม่รู้จัก หรือยิ้มให้กันไม่ได้

เจอต้นไม้ริมทางที่ไหน ก็สามารถทักทายสวัสดีกับมัน เพราะมันคือเพื่อนร่วมโลก

และนี่ก็คืออิสรภาพ


winbookclub.com

เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/winlyovarin/

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่