เคยไหมเมื่อขับรถจากบ้านไปที่ทำงานหรือไปทำธุระ พบเหตุการณ์ประหลาด ทุกสี่แยกที่ขับผ่านเป็นไฟเขียว แล่นฉลุยตลอดทางโดยไร้อุปสรรค

นั่นเป็นจังหวะและโอกาสที่เกิดขึ้นค่อนข้างยาก แต่เกิดขึ้นได้

สำหรับคนบางคนเจอบ่อยกว่าคนอื่น ไปที่ไหนก็ไม่ค่อยเจอรถติด ทำธุรกิจก็สะดวกราบรื่นโดยตลอด ไม่ค่อยเจออุปสรรค

นี่เป็นตัวอย่างของสำนวนไทย “แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งไม่ได้” มีความหมายว่าบุญวาสนาของแต่ละคนไม่เท่ากัน เป็นชาติกำเนิดและวาสนาเฉพาะตัว อย่าไปแข่งขันกับเขา

เรามักมีความเชื่อว่า “วาสนา” หรือ “ดวง” เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมาจากชาติปางก่อน ความจริงมันอาจไม่ใช่เรื่องอำนาจเบื้องบนกำหนด เป็นเพียงจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม มันเกิดขึ้นเมื่อใครคนหนึ่งไปอยู่ถูกที่ถูกเวลา

โชควาสนาจึงเป็นเรื่องของจังหวะ

จำนวนมนุษย์บนโลกเจ็ดพันล้านคน ย่อมมีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งยืนอยู่ตรงตำแหน่งถูกที่ถูกเวลา และกลุ่มใหญ่อยู่ผิดที่ผิดเวลา

บางคนสมัครงานในองค์กรดีในขณะที่เขามีตำแหน่งว่างต้องการคนแบบนี้พอดี เงินเดือนดี เจ้านายดี ให้ทุนส่งไปเรียนต่อพอดี

ผมมีเพื่อนเก่งหลายคน อยู่ผิดที่ผิดเวลา ไม่ได้ใช้ศักยภาพเต็มที่อย่างน่าเสียดาย

นี่ไม่ใช่ความผิดของใครหรืออะไร มันเป็นแค่เรื่องของตำแหน่งและจังหวะ

 

คนจำนวนมากมองเรื่องร้ายๆ เป็นชะตากรรม เมื่อจมปลักหรือตกอับ ก็ยอมรับชะตากรรมโดยดุษณี แล้วปลอบใจตัวเองว่า กำลังใช้หนี้ของกรรมเก่าจากชาติปางก่อนอยู่ หมดกรรมชาตินี้แล้ว ชาติหน้าจะสบาย

แต่คำถามคือหากชาตินี้ไม่ทำอะไร ชาติหน้าจะดีขึ้นได้อย่างไร หรือต้องรออีกกี่ชาติจึงจะใช้หนี้หมด?

หลายเรื่องในชีวิตกำหนดไม่ได้ เช่น ชาติกำเนิด เราเลือกที่เกิดและพันธุกรรมไม่ได้ เราเลือกพ่อแม่ไม่ได้ เลือกตำบลและจังหวัดเกิดไม่ได้ เลือกฐานะไม่ได้ แต่มันไม่ใช่คำสั่งประหาร

“วาสนา” ของชาติกำเนิดมองได้สองมุม เกิดในตระกูลร่ำรวย คาบช้อนเงินช้อนทอง อาจเป็นเรื่องดี แต่ก็อาจเป็นเรื่องร้าย หากมันทำลายคนผู้นั้นให้เป็นคนหยิบโหย่ง เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ

ในทางตรงกันข้าม การเกิดในตระกูลต่ำต้อยก็อาจกระตุ้นให้มุ่งมั่นฝืนสิ่งที่ถูกกำหนด ก้าวจากปลักขึ้นที่สูงได้

นี่แปลว่า วาสนาอาจเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเองได้ อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง เริ่มจากเชื่อว่าเราเปลี่ยนชีวิตเราให้ดีขึ้นได้

ชีวิตเราก็เป็นเช่นภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง เราเป็นผู้เขียนบท ผู้กำกับ

หนังชีวิตของเรา เราต้องสร้างเอง

เราสามารถเลือกเป็นหนังแบบใดก็ได้ หนังรัก หนังครอบครัว หนังเศร้า หนังเครียด หนังผจญภัย หรือรวมทุกอย่าง

แม้เป็นหนังทุนต่ำ ก็สร้างให้ดีได้ ขึ้นกับบทและการกำกับ

 

โครงสร้างของสังคมและโลกทำให้เราแต่ละคนต้องเดินไปตามบทบาทหน้าที่ บางครั้งพบทางแคบ บางครั้งก็พบทางตัน เราเป็นเมล็ดข้าวที่ถูกหว่านไว้ ถ้าโชคดีก็ตกลงบนดินนุ่มชื้น ถ้าโชคไม่ค่อยดี ก็กองบนดินแข็ง

ถ้าฝนตกและเราไม่สามารถสั่งให้มันหยุด ก็แค่ยอมรับ และไม่เสียเวลาบ่น

ถ้าปรับแก้โอกาสหรือสร้างโอกาสได้ ก็ทำ

ชีวิตต้องพลิกแพลงไปตามสถานการณ์ บางคนเรียนมาทางสายหนึ่ง ทำงานแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ก็สามารถพลิกแพลงไปอีกสายหนึ่ง และอาจสำเร็จได้

จบวิศวกรรมศาสตร์ทำร้านอาหาร จบสถาปัตย์เป็นนักแต่งเพลง จบครู —

ชีวิตเราทุกคนก็คือธารน้ำ ไหลตามทางของมัน บางครั้งก็ไหลไปปะทะภูผา ไม่มีทางไปต่อ แต่ธรรมชาติสอนเราให้เห็นการพลิกแพลง เมื่อธารน้ำเจอสิ่งกีดขวาง ก็เปลี่ยนทิศทางใหม่ ซึ่งอาจจะตื้น แต่เมื่อไหลต่อเนื่อง ก็สามารถเซาะทางตื้นนั้นให้ลึกขึ้นได้ เมื่อเจอสิ่งกีดขวางอีก ก็เปลี่ยนทิศทางอีก จนกระทั่งพบทางที่เหมาะสม และหากไหลต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง บางทีก็สามารถเซาะดินจนสายธารกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่

ชีวิตอาจไม่เจอ “ไฟเขียว” ตลอดทาง แต่ไม่เป็นไร

เพราะอุปสรรคแห่ง “ไฟแดง” ทำให้เราได้ใช้สมองคิดหาทางออกมากกว่า

เพราะชีวิตที่ไม่เคยเจอ “ไฟแดง” เลยอาจน่าเบื่อกว่า


winbookclub.com

เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/winlyovarin/


เรื่องและภาพ: วินทร์ เลียววาริณ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่