“เมื่อไปอินเดียต้องไม่ไปด้วยท้อง ด้วยตา และด้วยจมูก แต่ต้องไปด้วยใจ” คำพูดนี้ถูกที่สุด เพราะหากมองภายนอกก็จะไม่พบความรื่นรมย์นัก เพราะในประชากร 1,300 ล้านคน จะพบเห็นแต่ความยากจน ความทุกข์ แร้นแค้นอยู่ทั่วไป แต่หากไป “ด้วยใจ” ที่มุ่งหวังเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เราไม่เคยพบเห็นแล้ว อินเดียคือสถานที่น่าศึกษาและน่าท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของโลก

อินเดียมีประชากรมากเป็นอันดับสองของโลก คือถัดจากจีนอันดับหนึ่งซึ่งมีประมาณ 1,400 ล้านคน อย่างไรก็ดีรายได้ต่อหัวต่อคนต่อปีซึ่งอาจใช้เป็นตัววัดคร่าวๆ ของมาตรฐานการครองชีพนั้นอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่จีนอยู่ที่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ และไทยอยู่ที่ 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ไม่น่าเชื่อว่าจีนกับอินเดียมีรายได้ต่อหัวต่างกันถึงห้าเท่า ถึงแม้สภาพการดำรงชีวิตของคนในกรุงนิวเดลีในปัจจุบันแทบไม่ต่างจากเมืองใหญ่ๆ ของจีนและกรุงเทพฯ มากนัก อินเดียมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ มีออฟฟิศและโรงงานของต่างประเทศ มีโรงแรมใหญ่หรู มีบ้านอยู่อาศัยใหญ่โต แต่ในพื้นที่ชนบทและเมืองเล็กแล้วฐานะเศรษฐกิจของผู้คนแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ดังนั้นเมื่อเฉลี่ยรายได้ต่อหัวออกมาจึงต่ำมาก

คนอินเดียเห็นความทุกข์ ความยากไร้ เป็นเรื่องธรรมดาและชาชินกับมันจนดูไม่มีความทุกข์มากมายอย่างแตกต่างไปจากคนจีนหรือคนไทย คนยากจนอินเดียจำนวนมากมีความสุขตามอัตภาพ และในหลายกรณีอาจมีความสุขกว่าคนที่มีรายได้มากกว่าหลายเท่าด้วย

วัฒนธรรมอินเดียและจีนรุ่งโรจน์มากในอดีตในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันคือเมื่อ 2,000-4,000 ปีก่อน แต่อินเดียถูกเหนี่ยวรั้งอย่างมากด้วยประเพณีและความเชื่อของสังคมจนทำให้ไม่สามารถ “บินทะยานขึ้น” (take-off) ได้เหมือนจีนในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้การแบ่งชนชั้นวรรณะของอินเดียจะทำให้สังคมอินเดียของแต่ละวรรณะอยู่ในกรอบบังคับของตนเองจนอยู่กันมาได้ยาวนาน อย่างไรก็ดีการพัฒนาสมัยใหม่ต้องการความคล่องตัวและความลื่นไหลของสังคมเป็นอย่างมากเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอินเดียไม่อาจทำได้เช่นจีน

ในอินเดียปัจจุบันครัวเรือนทั้งประเทศมีส้วมเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ในชนบทผู้คนยังคงถ่ายกลางทุ่งในตอนเช้าและค่ำ เหมือนที่ทำกันมานับพันปี ในตอนเช้าก่อนสว่างหญิงในวัยสาวและสูงอายุถือตะเกียงเดินเรียงกันไปทำธุระประจำวันกลางทุ่งเสมือนหนึ่งเป็นกิจกรรมสังคมร่วมกัน ระหว่างที่ทำกิจธุระก็คุยกันไปอย่างไม่เห็นหน้า ตลอดวันหญิงอินเดียต้องอดกลั้นการถ่ายเบาและหนักไว้จนถึงตอนมืดแล้วเท่านั้น ส่วนชายปัสสาวะกันตามสะดวก ในเมืองนั้นใกล้ๆ ถนนก็เห็นกันเป็นเรื่องธรรมดา

ในบางชุมชนที่เคร่งมาก หากบ้านใดมีส้วมก็จะถูกรังเกียจ ผู้ใหญ่ประจำหมู่บ้านก็จะออกมาต่อต้านกล่าวหาว่าทำลายประเพณี รัฐบาลอินเดียปัจจุบันถือว่าการสร้างส้วมเป็นวาระแห่งชาติ เพราะโยงใยกับเรื่องสุขภาพ เมื่อสิ่งที่ถ่ายไว้แห้งเป็นผง ลมก็จะพัดพาไปทั่วนำเชื้อโรคไปสู่ผู้คน จนอัตราการตายของทารกยังคงอยู่ในอัตราที่สูงอย่างต่างไปจากสังคมอื่นๆ

คนอินเดียที่มีการศึกษาจำนวนมากมีความสามารถด้านคณิตศาสตร์สูง คนเก่งมักไปทำงานในต่างประเทศ และคิดค้นด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับโลก แต่ผู้คนอีกร้อยละกว่า 90 ก็ยังคงดำรงชีวิตเหมือนดังที่เคยเป็นมาโดยปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ

ในจำนวนประชากร 1,300 ล้านคนนั้นต่างมีวัฒนธรรมที่หลากหลาย และเป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรมไทยในหลายลักษณะ (ชื่อคนไทยมาจากภาษาบาลีและสันสกฤตเป็นส่วนใหญ่) ปัจจุบันหลายสิ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปมากโดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ เสรีภาพของชายหนุ่มหญิงสาวเป็นไปอย่างไม่ต่างจากเมืองใหญ่อื่นๆ ในโลก เช่นเดียวกับการใช้โทรศัพท์มือถือ มอเตอร์ไซค์ และรถยนต์ตามแนวการบริโภคของคนชั้นกลางนั้นเป็นเรื่องที่เจนตา คนชั้นกลางอินเดีย (มีเงินพอซื้อตู้เย็น โทรทัศน์) มีจำนวนถึงกว่า 300 ล้านคน แต่คนที่เหลือก็ยังยากจนอยู่ดังที่เป็นมายาวนาน
คนไทยที่ไม่เคยเห็นความทุกข์แร้นแค้นมากมาย หากไปอินเดียก็จะเข้าใจสัจธรรมของชีวิตว่าความทุกข์นั้นเป็นเพื่อนเราเสมอ ถ้าเราถือว่ามันเป็นเพื่อนก็จะไม่เป็นสิ่งที่ทำให้เราแปลกใจและเกิดความไม่เป็นสุขอย่างเกินสมควร


คอลัมน์: สารบำรุงสมอง / เรื่อง: รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ
ภาพ : 123RF

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่