เพราะเหตุใด – พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต

-

ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกๆ ท่าน พระมหาสมปองมาแล้วจ้า มาพร้อมกับ “ธรรมะอมยิ้ม” ฉบับอิ่มใจเหมือนเดิม

โยมว่าไหม ทุกวันนี้เรามีตึกใหญ่สูงเสียดฟ้า มีถนนหนทางกว้างขึ้น แต่จิตใจคนกลับคับแคบลง ความอดทนอดกลั้นก็น้อยลงตามไปด้วย เราสังเกตได้จากข่าวต่างๆ อะไรนิดหน่อยก็ไม่ค่อยยอมกัน บางครั้งถึงขั้นฆ่ากันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่คนที่ขาดความอดทนอดกลั้นทำให้มันเป็นเรื่องจนได้

เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง ก็เพราะว่าคนเรามีโลกส่วนตัวมากขึ้น กลายเป็นสังคมก้มหน้า มัวแต่อยู่กับโทรศัพท์ กลายเป็นว่าโทรศัพท์สำคัญกว่าครอบครัว

เรามียาใหม่ๆ มากขึ้น มียาดีๆ เยอะแยะ แต่สุขภาพกลับแย่ลง ที่เป็นแบบนั้นเพราะว่าทุกอย่างที่เรากินล้วนมีสารต่างๆ เจือปน ก็อย่างที่เขาว่านะโยม สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกิน คนทุกวันนี้กินมาก กินแต่ของทอด อาหารมันๆ เลยอ้วนเอา อ้วนเอา

สมัยก่อนนะโยม ยามีไม่มาก โรงพยาบาลก็หายาก แต่คนไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วย ที่เป็นแบบนั้นเพราะว่าสมัยก่อน อากาศดี อาหารก็ปลอดสารพิษ คนสมัยก่อนจึงแข็งแรงและอายุยืน

โยมเห็นไหมว่าทุกวันนี้เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น สังคมไทยสมัยก่อนขึ้นชื่อเรื่องน้ำใจ มีความโอบอ้อมอารี จึงมีคำพูดที่ว่า “พริกบ้านเหนือ เกลือบ้านใต้” มีอะไรก็แบ่งกันได้ ต่างจากทุกวันนี้ สังคมไทยขัดแย้งกันมาก อย่างเช่นเรื่องการเมืองทะเลาะกันอยู่ได้ ไม่รู้จะทะเลาะกันอีกนานแค่ไหน รู้ไหมว่าชาวบ้านกำลังจะสิ้นลมหายใจอยู่แล้ว

เมื่อพูดถึงเรื่องทะเลาะกันอาตมาก็เลยนึกถึงเรื่องนี้ เด็กวัดคนหนึ่งมีหน้าที่ให้อาหารหมาแมวอยู่ในวัด เขาถามอาตมาว่า หลวงพี่สมปองครับ หมาตัวหนึ่งกินข้าว 5 นาทีหมดหนึ่งจาน ถ้าหมาสองตัวกินข้าวหนึ่งจาน จะใช้เวลากี่นาทีครับ แม้! ก็ไม่เห็นยากเลย ตัวเดียว 5 นาที ถ้าสองตัวก็ 2 นาทีครึ่งนะสิ ถูกไหม เด็กวัดบอกว่าผิดครับ อาตมาย้อนถามว่า อ้าว! ทำไมล่ะ เด็กวัดก็บอกว่า มันต้องมากกว่า 5 นาทีครับ เพราะว่ามันต้องกัดกันก่อน เอ่อ! จริงของโยม เพราะบางวันมันกัดกันนาน 10 นาทีก็มี แล้วเราจะกัดกันอีกนานแค่ไหน อุ๊ย! เราจะทะเลาะกันอีกนานไหม

โยม ทุกวันนี้เทคโนโลยีก้าวหน้ามาก เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่าแค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็นยิ่งนัก ที่เป็นแบบนี้เพราะว่า เรามีกำแพงสองชั้น

ชั้นแรกคือสมัยนี้เรานิยมทำกำแพงบ้านสูงๆ จนมองไม่เห็นเพื่อนบ้าน ชั้นที่สองคือกำแพงใจ ใจเราคับแคบไม่สนใจเรื่องของคนอื่น สมัยก่อนเขาบอกว่ากำแพงบ้านที่ดีที่สุดคือเพื่อนบ้าน เพราะกำแพงปูนมันไล่โจรไม่ได้ แต่กำแพงที่เป็นเพื่อนบ้านช่วยเราไล่โจรได้

เมื่ออาตมายังเด็กๆ เวลาที่บ้านเราทำกับข้าวก็จะตักไปให้เพื่อนบ้านใกล้เคียง เวลาที่เขาทำกับข้าว เขาก็ตักมาให้เราเหมือนกัน ดูอบอุ่นดีมาก ทุกวันนี้หาไม่มีอีกแล้ว

สมัยนี้คนเราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าเราให้ความสำคัญทางด้านวัตถุมากกว่าจิตใจ สิ่งที่สำคัญมากๆ ของชีวิตคือเข้าใจโลก เข้าใจชีวิตตามความเป็นจริง เราต้องสร้างความสงบนิ่งให้เกิดขึ้นในจิตใจ เพราะเวลาที่ไม่มีใครใจของเราสำคัญที่สุด

จริงไหมโยม เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง บางคนทำทุกอย่างเพื่อให้มีเงินเยอะๆ ถึงขนาดยอมทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม โยมบางคนทำงานหนัก แต่มีคุณภาพชีวิตต่ำ คือทำงานหนัก หาเงินเก่ง แต่ไม่รู้จักเก็บ ไม่รู้จักออม ถ้าเป็นแบบนี้ทำจนแก่ตายก็ไม่มีอะไร

โยมบางคนมีเงินมาก แต่มีเวลาใช้เงินน้อย คือชีวิตมีแต่งาน งาน และงาน ทำอยู่ที่ทำงานไม่พอ ยังหอบมาทำที่บ้านอีก แบบนี้ก็แย่นะโยม

โยมว่าจริงไหม เรามีอาหารดีๆ มากขึ้น แต่สุขภาพแย่ลง ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าอาหารเยอะแต่ก็กินไม่เลือก สุขภาพเราเลยแย่
เรามีความรับผิดชอบสูง แต่ภูมิคุ้มกันสุขภาพต่ำ เพราะว่าเราหมกหมุนอยู่กับงาน จนลืมสนใจสุขภาพ ลืมออกกำลังกาย ออกกำลังใจ

สิ่งที่เราจะต้องปรับคือทัศนคติและวิธีการใช้ชีวิต โยมทั้งหลาย คนเรามีทัศนคติต่างกัน จึงมีความคิดต่างกัน เราอาจจะเห็นเหมือนกัน แต่มีมุมมองต่างกัน คนที่มีทัศนคติไม่ดีจะมองในแง่ลบและตำหนิสิ่งที่เห็น ส่วนคนที่มีทัศนคติดี ก็จะมองอีกมุมหนึ่ง เหมือนเราทำงานมาเหนื่อยๆ หิวน้ำมาก และบนโต๊ะมีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว คนที่มีทัศนคติไม่ดีจะมองว่า อะไรวะ หิวน้ำแทบตาย มีน้ำเหลือแค่ครึ่งแก้วเองเหรอ ส่วนคนที่มีทัศนคติดีก็จะมองว่าโชคดีจัง เหลือน้ำตั้งครึ่งแก้ว แก้กระหายได้นานเลย

ดังนั้น การที่สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นจึงต้องเริ่มจากทัศนคติที่ดีของเรา เมื่อเรามีจิตใจที่ดี ก็จะสื่อสิ่งดีๆ ออกมาทางคำพูด และการกระทำ สิ่งที่สำคัญมากๆ คือ เราอย่าเก็บของดีๆ ไว้เพื่อโอกาสพิเศษ อย่ารอมอบสิ่งดีๆ ให้คนที่เรารักในวันสำคัญเช่น วันเกิด วันครบรอบวันแต่งงาน

จงทำทุกวันให้เป็นโอกาสพิเศษที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าลมหายใจจะหยุดเมื่อไหร่

ดังนั้น วันที่เรายังมีชีวิต คือวันพิเศษที่สุดสำหรับเรา

เจริญพร

 


คอลัมน์: ธรรมะอมยิ้ม
เรื่อง: พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต  ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์
All magazine มกราคม 2563

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!