ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกๆ ท่าน พระมหาสมปองมาอีกแล้ว มาพร้อมกับธรรมะง่ายๆ สไตล์ธรรมะเดลิเวอรี่ ส่งถึงที่ซึ้งถึงใจเหมือนเดิม ก่อนอื่นอาตมาขอถามว่า ธรรมะจำเป็นกับชีวิตไหม และต้องถามต่อไปอีกว่าท่านสมปองถามคนกลุ่มไหน ถ้าถามเด็กก็จะตอบว่าไม่จำเป็น ถามวัยรุ่น วัยรุ่นก็ว่าไม่จำเป็น สิ่งที่สำคัญแก่ชีวิตคือโทรศัพท์ ถ้าถามวัยทำงาน บางคนก็บอกว่าจำเป็นมากค่ะ บางคนบอกว่าธรรมะมีส่วนสำคัญเหมือนกันในการทำงาน ถ้าผู้สูงอายุ 80% ก็จะบอกว่าธรรมะสำคัญมากในการดำเนินชีวิต

โยมทุกท่าน คำถามเดียวกันเราจะได้คำตอบต่างกัน ถ้าว่ากันตรงๆ ธรรมะนั้นมีความสำคัญแก่ชีวิตมาก แต่เด็กเขายังแยกแยะไม่ได้ว่าธรรมะมีส่วนสำคัญแก่ชีวิตอย่างไร เมื่อเราบอกว่า ถ้าหนูตั้งใจเรียน รู้จักช่วยพ่อแม่ทำงาน พูดเพราะๆ กับพ่อแม่ และมีน้ำใจแก่สัตว์และเพื่อนๆ แบบนี้เราก็เป็นคนที่มีธรรมะประจำใจแล้ว เพราะเป็นศิษย์ที่ดีของครูอาจารย์ เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ทำให้ท่านมีความสุข เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน มีเมตตาต่อสัตว์ต่างๆ ถ้าทำตัวแบบนี้ก็เท่ากับหนูเป็นศาสนิกชนที่ดีของศาสนา เรียกได้ว่าธรรมะได้เข้าสู่จิตใจเขาเกือบ 100% แล้ว เราเป็นผู้ใหญ่ต้องค่อยๆ อธิบายให้เขาเข้าใจไปเรื่อยๆ เด็กเขาจะซึมซับเอง

วัยรุ่นก็เหมือนกัน จะใช้หลักเหมือนกับเด็กข้างต้น วัยทำงานธรรมะยิ่งสำคัญมาก เพราะเราต้องอยู่กับคนจำนวนมาก ธรรมะจะทำให้เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ส่วนผู้สูงอายุกว่า 80% จะบอกว่าธรรมะมีความสำคัญแก่ชีวิตมาก เพราะท่านเหล่านั้นแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ชัดเจน และผ่านโลกมาเกือบทั้งชีวิต จึงมองเห็นความจริงในชีวิต

โยมทุกท่าน เกริ่นมาก็พอสมควร เรามาเข้าประเด็นที่จะพูดกันดีกว่า คือเงาละครสะท้อนชีวิต

ชีวิตของเราไม่ต่างอะไรกับละคร
เพราะว่าละครสะท้อนจากชีวิตคน ชีวิตบางคนก็เลยยิ่งกว่าละคร

แต่ก่อนเป็นละคร ผู้จัด ผู้กำกับต้องคัดตัวนักแสดงที่เหมาะสมกับบทต่างๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน นักแสดงแทบทุกคนต้องฝึกแอ๊คติ้งเพิ่ม เพื่อให้แสดงเข้าถึงตัวละครนั้นๆ ขนาดคนที่เคยเป็นพระเอกนางเอกมาหลายเรื่องยังต้องไปเรียนแอ๊คติ้งเพิ่ม เพื่อให้ผลงานที่ตนเองแสดงออกมาดีที่สุด

โยมทุกท่าน ยุคนี้ไม่ว่าอาชีพอะไรก็แข่งขันกันดุเดือดเลือดพล่าน พ่อค้าแม่ค้าจึงต้องหากลยุทธ์ กลยุทธ์ของใครดีกว่า วิธีการของใครถูกใจลูกค้ากว่า ร้านนั้นก็อยู่รอด มีร้านค้าสามร้านอยู่ห้องแถวติดกัน ทุกร้านต่างอยากให้ร้านตนเองขายดีกว่าร้านอื่น จึงแข่งขันกันสุดชีวิต สุดขีด สุดแรง ทำทุกอย่างเพื่อดึงดูดลูกค้ามาเข้าร้านตัวเอง

ร้านด้านซ้ายมือ เขียนป้ายติดหน้าร้านว่า ลด แลก แจก แถม โอ้โห คนแห่เข้าไปซื้อกันแน่นร้านแทบไม่มีที่ยืน

ร้านขวามือ เห็นแบบนั้นก็เอาบ้าง เขียนป้ายติดหน้าร้านตัวใหญ่กว่า ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง ลูกค้าเฮมาร้านขวามือ ลูกค้าเต็มแน่นร้าน

ร้านตรงกลาง ซื่อบื้อ คิดกลยุทธ์การค้าไม่เป็น คิดอะไรไม่ออก เลยเขียนไปติดหน้าร้านว่า “ทางเข้า” ทีนี้คนทั้งหมดก็เฮกันมาร้านตรงกลางนั่นแหละ

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฟังอีกเรื่องหนึ่งแล้วกัน อย่างว่านะโยม คนเราโง่ฉลาดไม่เท่ากัน บางคนฉลาดมาก บางคนฉลาดน้อย ขนาดอาตมาบางครั้งยังฉลาดไม่เท่าเด็กอนุบาลเลย ครั้งหนึ่งเด็กเห็นอาตมาก็ถามว่าพระๆ ทำไมยีราฟถึงคอยาว อ๋อ เพราะว่ายีราฟเกิดในประเทศที่แห้งแล้ง ที่คอยาวเพื่อให้กินใบไม้ที่สูงๆ ได้ แล้วเด็กก็ถามว่า พระๆ แล้วหัวใจคนเราอยู่ข้างไหน

อาตมาก็ยิ้ม คิดในใจ เด็กเอ๋ยเด็กน้อย หัวใจคนเราก็อยู่ข้างซ้ายไง เด็กมองหน้าอาตมาแล้วบอกว่าผิด เอ้า งั้นอยู่ข้างขวาแล้วกัน ผิด อาตมาเลยว่าอยู่ตรงกลางแน่ๆ ใช่ไหม เด็กบอกว่าผิด อาตมาจึงบอกว่ายอม แล้วอาตมาก็ถามว่าหัวใจคนเราอยู่ข้างไหนครับ เด็กตอบว่าหัวใจคนเราอยู่ข้างใน โยม อาตมาอึ้ง หูแดง หน้าแดงเลย เด็กอนุบาลให้ปัญญาขั้นสูงแก่อาตมา เราเข้าใจมาตลอดว่าหัวใจอยู่ข้างซ้าย ซ้ายขวาเป็นสิ่งสมมติ

จริงๆ แล้วหัวใจคนเราอยู่ข้างใน อาตมาอยากจะกราบเด็กคนนั้นจริงๆ ที่ทำให้อาตมาหายโง่ไปอีกเรื่องหนึ่ง

เห็นไหมโยม คนเราไม่ใช่ว่าจะรู้ไปทุกเรื่อง โง่เรื่องนั้น อาจฉลาดเรื่องนี้ เมื่อเป็นแบบนี้เราจึงต้องฝึก เหมือนลูกโยมคนข้างวัด พ่อแม่มักพูดว่าไอ้ลูกคนนี้โง่มาก พ่อแม่เบื่อที่จะสอนเลยให้ไปสมัครเป็นทหารเกณฑ์ ช่วงเป็นทหารเกณฑ์เขาพาไปฝึกยิงปืน สอนเท่าไหร่มันก็ไม่รู้จักจำ ฝึกยังไงก็ยิงไม่ได้ ยิงไม่ถูกเป้า คนอื่นเขายิงผ่านหมดแล้ว เหลือไอ้นี่อยู่คนเดียว ครูฝึกให้กระสุนไป 12 นัด ยิงไป 11 นัดแล้วยังไม่เข้าเป้าเลย

ครูฝึกโมโห ด่าว่ามึงนี่โง่กว่าควายอีก เอากระสุนที่เหลือนัดหนึ่งไปยิงหัวตัวเองให้ตายซะ ครูฝึกไม่ได้ถือเป็นจริงเป็นจัง พูดแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร ไปฝึกคนอื่นต่อ แต่ไอ้คนที่ว่าโง่กว่าคนอื่นนั้นคว้าปืนเดินดุ่มๆ เข้าไปในป่าข้างทาง เสียงปืนดังเปรี้ยง ในพุ่มไม้ใกล้สนามยิงปืน

ครูฝึกตกใจหน้าซีด รีบวิ่งไปดู เจอพลทหารล้มคว่ำฟุบหน้าอยู่กับพื้นจึงรีบอุ้มลุกขึ้น พลทหารสะอึกแล้วสะอึกอีก พูดเสียงแผ่วเบาว่าผมขอโทษ ผมยิงผิดอีกแล้วครับ

อย่างว่านะโยม คนเราความรู้ความสามารถไม่เท่ากัน คนที่โง่แล้วยอมรับว่าตนเองโง่ และหาครูที่ดี หาโค้ชที่ดีช่วยพัฒนาตนย่อมเก่งและฉลาดได้ ส่วนคนที่โง่แล้วไม่ยอมรับว่าตนเองโง่ แบบนี้ก็จะโง่ตลอดกาล ส่วนคนที่เก่งที่ฉลาด และพร้อมเปิดใจรับความรู้ใหม่ๆ ย่อมพัฒนาตนเองไปได้อีกยาวไกล

โยมทุกท่าน เราไม่ต้องเดินถอยหลัง เพียงแค่เรายืนอยู่กับที่ คนอื่นก็แซงเราไปหมดแล้ว

ดังนั้นเราจึงต้องมีโค้ชมีครู ขนาดพระพุทธเจ้าสมัยบวชใหม่ ๆ ยังต้องแสวงหาครูอาจารย์ให้ช่วยสอน เมื่อครูอาจารย์สอนแล้ว มีแนวทางในการแสวงหาสัจธรรม ท่านจึงได้ไปฝึกฝนด้วยตนเองจนบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า เห็นไหมโยม ขนาดพระพุทธเจ้าที่ได้รับขนานนามว่าเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายยังต้องมีครูช่วยแนะนำในเบื้องต้น

เจริญพร

 


 

เรื่อง: พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่