เมื่อพูดถึงพระเอกของช่อง 7 มั่นใจได้เลยว่า จะต้องมีชื่อของ “อ๋อม-อรรคพันธ์ นะมาตร์” ติดโผอยู่ในอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน ด้วยรูปร่างหน้าตาคมเข้ม รอยยิ้มจริงใจ บุคลิกสุภาพอ่อนโยน ประกอบกับประกายตาวิบวับจับใจสาวน้อยสาวใหญ่จนอยู่หมัด ล่าสุดอ๋อมรับบทเป็น “ดัมพ์” ในละครสะท้อนชีวิต “เรือมนุษย์” ที่กำลังออนแอร์อยู่ กว่าสิบปีที่ “อ๋อม อรรคพันธ์” โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง เขาผ่านบททดสอบมาอย่างมากมาย แล้วอะไรที่ทำให้อ๋อมก้าวผ่านทุกอุปสรรคไปได้
รู้สึกอย่างไรที่ความพยายามของตัวเองส่งผลให้กลายเป็นพระเอกเบอร์ต้นๆ ของช่อง 7 ในวันนี้
ผมดีใจมากที่มาถึงทุกวันนี้ได้ เป็นสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ผมไม่เคยคาดหวังว่าชีวิตจะมาถึงตรงนี้ แต่ก็ดีใจที่ได้เป็น “อ๋อม อรรคพันธ์” ของทุกคน กว่าจะถึงวันนี้ ผมใช้ความพยายามและความตั้งใจสูงมาก เพราะผมเป็นคนที่จริงจังกับการทำงานและมีวินัยมากครับ
อ๋อมอยากทำงานในวงการมาตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่า
ไม่เลยครับ ผมเรียนจบด้านโฆษณามา ก็อยากทำงานในแวดวงโฆษณาอย่างพวกโปรดักชั่นเฮ้าส์อะไรแบบนี้ แต่บังเอิญได้ไปแคสต์งานละครก็เลยมีโอกาสได้เล่นละคร เล่นไปเล่นมาจนยาวมาจนถึงทุกวันนี้ครับ
ตัดสินใจนานไหมกว่าที่จะเข้าสู่วงการบันเทิง
นานเหมือนกันนะครับ ด้วยความที่แรกๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยกล้า ขี้อาย เวลาเจอหน้าคนเยอะๆ จะประหม่ามาก สมัยเรียนหนังสือ ผมไม่กล้าแม้กระทั่งจะออกไปพูดหน้าชั้นเรียน ผมจะบ่ายเบี่ยงขอพูดเป็นคนสุดท้ายหรือคนหลังๆ ตลอด ผมเป็นคนขี้อายมากจริงๆ
จากหนุ่มขี้อายในวันนั้น อะไรที่ทำให้อ๋อมผ่านจุดนั้นมาได้
เมื่อผมเข้ามาทำงานตรงนี้ ก็ได้ซึมซับอะไรหลายๆ อย่าง ด้วยหน้าที่การงาน ประสบการณ์ ทำให้เข้าใจสิ่งต่างๆ มากขึ้น จากเด็กที่ขาดความมั่นใจ ไม่กล้าเจอผู้คนเยอะๆ ไม่กล้าแสดงออก พอทำงานมาถึงวันนี้ ก็น่าจะดีขึ้นแล้วครับ ผมมองว่าด้วยความจำเป็น ด้วยสภาพแวดล้อม ล้วนบังคับให้ผมต้องทำให้ได้ครับ ตอนแรก ๆ ที่เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง ผมก็ยังงงๆ เหมือนกันว่าต้องทำอะไร ต้องทำตัวอย่างไร ผมคิดแบบคนที่ไม่เคยทำงานทางด้านนี้คือ การแสดงน่าจะเป็นแบบจดจำแล้วเอามาเล่นมาพูด ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เลย มันยากและลึกกว่านั้นเยอะครับ ทั้งหมดทั้งมวลต้องใช้การฝึกฝนและใช้ความพยายามค่อนข้างสูง เพราะผมไม่เคยเรียนมาทางนี้ ไม่มีประสบการณ์ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าวงการบันเทิงเขาทำงานกันอย่างไร แต่โชคดีที่ผมเป็นคนชอบเรียนรู้จากผู้ใหญ่ ชอบถาม ชอบสังเกต โดยเฉพาะกับผู้กำกับฯ หรือนักแสดงอาวุโสที่ทำงานด้านนี้มานาน ผมชอบไปปรึกษาว่าถ้าได้รับบทแบบนี้ ผมควรจะเล่นอย่างไร ซึ่งการพูดคุยทุกครั้ง ผมจะได้ข้อคิด แง่คิด หรือคำสอนต่างๆ มากมาย มันเหมือนกับเราได้เรียนรู้งานจากประสบการณ์ตรงของคนที่ผ่านงานมาแล้ว เป็นประสบการณ์ดีๆ ที่ผมไม่มีโอกาสได้เจอ ผมคิดว่านักแสดงรุ่นใหญ่ เวลามีใครเข้ามาหาหรือมาถาม เขาจะชอบและอยากสอน อยู่ดีๆ จะให้เขามาบอกมาสอน มันคงไม่ใช่ ถ้าเราเดินเข้าไปหาเอง เขาจะแนะนำอย่างดีเลยครับ ผมทำแบบนี้มาตลอด ทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่ และในจุดนี้ก็ช่วยทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้นด้วย
เคยอ่านเจอว่าอ๋อมมีความสุขกับการทำงานในวงการบันเทิงมาก เวลาไปทงานเหมือนกับได้ไปเที่ยว
ผมมองว่าสถานที่ต่างๆ ที่ผมไปทำงานหรือไปถ่ายละคร ล้วนเป็นสถานที่ที่สวยงาม เวลาผมไปทำงานในสถานที่แห่งนั้น ก็เหมือนกับเราไปเที่ยวด้วย ละครแต่ละเรื่องใช้สถานที่ที่แตกต่างกัน ทีมงานต้องเลือกสถานที่ที่สวยและเป็นจุดขายอยู่แล้ว ผมก็พลอยได้ไปเที่ยว ได้มีโอกาสถ่ายรูปเล่นในเวลาพักด้วย ทำให้ผมมีความสุขกับการทำงานมากครับ แถมยังได้ไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ มากกว่าคนอื่นด้วย บางแห่งเขาเปิดให้กองถ่ายเข้าไปถ่ายทำอย่างเดียว ไม่ได้เปิดให้คนอื่นเข้าไปเที่ยว ผมเลยมีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสสถานที่พิเศษแบบนั้นด้วย การทำงานด้านการแสดงถือว่าถูกจริตกับผมมากครับ ผมไม่ชอบทำงานนั่งโต๊ะ ผมชอบเดินทาง ชอบเปลี่ยนที่นอนไปเรื่อยๆ ไม่เคยรู้สึกว่าเหนื่อยเลย
หลักในการทำงานของอ๋อมคืออะไร
ผมคิดว่าเรื่องวินัยเป็นสิ่งสำคัญ เราควรรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานของเราให้ดีที่สุด งานถ่ายละครเป็นการทำงานกับคนหมู่มาก เราไม่ได้ทำงานคนเดียว ต้องทำงานเป็นทีม ถ้ามีหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งบกพร่องไป มันจะมีผลต่อทั้งทีม เราจึงต้องเต็มที่กับงานในหน้าที่ของเราก่อน เพราะมันเป็นงานของคนกลุ่มใหญ่ รายละเอียดเยอะ การทำงานในกองถ่ายละครต้องใช้ระบบทีมเวิร์คมากๆ ครับ
“เรื่องวินัยเป็นสิ่งสำคัญ
เราควรรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานของเราให้ดีที่สุด”
ในบางบทบาทที่ได้รับ ต้องไปเรียนการแสดงเพิ่มเติมด้วยใช่ไหม
มีบ้างครับ ส่วนใหญ่ทางกองถ่ายจะส่งไปเรียน เช่น เรียนเกี่ยวกับบทบาทหรือรายละเอียดคาแร็กเตอร์ของตัวละครนั้นๆ ซึ่งทางกองฯ จะบรีฟ (สรุปสั้นๆ) กับครูสอนไว้แล้วว่าผมต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง เพื่อให้แตกต่างกับบทบาทที่ผ่านๆ มา เพราะบางทีเล่นละครเยอะๆ แล้วคาแร็กเตอร์ของตัวละครมันใกล้กัน ต้องเจาะรายละเอียดให้มากขึ้น เพื่อให้เห็นความแตกต่างครับ อย่างบทพระเอกในเรื่องละอองดาว ที่เป็นนักเรียนนอก นิสัยขี้โมโห ขี้โวยวาย เอาแต่ใจ ทางกองก็ส่งไปเรียน และพาไปพบกับคุณ “พนมเทียน” เจ้าของบทประพันธ์ ท่านก็จะบอกถึงลักษณะนิสัยลึกๆ ของตัวละครแต่ละตัว ทำให้เราเข้าใจตัวละครตัวนั้นมากขึ้น แล้วเราก็เอามาปรับใช้กับการแสดงในแบบของเราอีกทีครับ
วางอนาคตของตัวเองไว้อย่างไรบ้าง เพราะทราบว่าเป็นคนที่ยอมรับในสิ่งที่เป็นไปตามวัยหรือบทบาทตามวัยของตัวเองได้
ผมยินดีครับ ผมอยากเล่นละครไปนานๆ ไม่ว่าบทบาทจะเปลี่ยนไปอย่างไร เพราะวันหนึ่งบทต่างๆ ก็ต้องเปลี่ยนไปตามวัยอยู่แล้ว ถ้าวันหนึ่งเราไม่สามารถเล่นเป็นตัวเอกได้แล้ว เราก็ต้องขยับไปเล่นบทร้ายหรือบทที่ขยับอายุขึ้นไปอีก ผมยินดีที่จะเล่น แต่ก็อยากยึดบทบาทนำไว้ให้นานที่สุดนะครับ ผมอยากเล่นละครไปเรื่อยๆ ไม่ได้อยากหยุดแค่บทบาทนำหรือบทพระเอกเพียงเท่านี้ ผมชอบทำงานละคร ชอบไปกองถ่าย ผมว่าทุกอย่างถ้าเริ่มจากความชอบ เราก็มีความสุขที่จะทำครับ
กว่าจะเป็น “อ๋อม อรรคพันธ์” ในวันนี้ เชื่อว่าคงผ่านสิ่งต่างๆ มามาก อ๋อมมีวิธีรับมือสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง
สำหรับผม ผมมองว่าเป็นเรื่องของวัยมากกว่าครับ จากเรื่องราวและประสบการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น พอถึงวัยหนึ่ง ความคิดจะเริ่มเปลี่ยน ตัวเองก็จะมีความพยายามมากขึ้น สมัยเรียนหนังสือ ผมเป็นคนที่ไม่ชอบเรียนหนังสือสักเท่าไหร่ เป็นคนไม่ตั้งใจเรียนเลย แต่พอมาทำงาน ต้องนั่งท่องบทละคร ผมก็ต้องทำ นั่นหมายความว่า พอเราโตขึ้น มาทำงานเล่นละคร ให้ท่องบทละครมากเท่าไหร่ เราก็จำได้ ท่องได้ ทั้งๆ ที่ตอนเด็กๆ ไม่ชอบท่องหนังสือเรียนเลย อาจเป็นเพราะตอนเด็กเรายังไม่มีวุฒิภาวะหรือความรับผิดชอบเท่ากับตอนที่โตแล้ว ทั้งหมดนี้ผ่านไปได้ด้วยความรับผิดชอบ การฝึกฝน ความพยายาม ประสบการณ์ และความใส่ใจต่องานของเราครับ
เคยท้อบ้างไหม อ๋อมใช้อะไรเป็นกำลังใจและแรงผลักดัน
ก็มีบ้างครับ ส่วนใหญ่จะท้อในเรื่องที่เล่นไม่ได้มากกว่า ช่วงแรกที่เล่นละคร บางซีนเล่นเท่าไหร่ก็ไม่ผ่าน เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา ประสบการณ์ และการฝึกฝนครับ ตอนนั้นผมก็เล่นเต็มที่นะ แต่ผมไม่มีประสบการณ์ไง เหมือนชั่วโมงบินยังน้อย เพราะไม่เคยเล่น แต่พอมีประสบการณ์มากขึ้น เชี่ยวชาญมากขึ้น ก็จะทำได้ดีขึ้น พอเราผ่านจุดนั้นไปได้ เราก็จะสนุกและท้าทายกับมันมากขึ้นด้วยครับ เวลาผมได้รับบทใหม่ๆ เล่นละครเรื่องใหม่ เจอนักแสดงใหม่ๆ ทีมงานใหม่ๆ ทุกอย่างคือความท้าทายสำหรับผมหมดเลยครับ
ข่าวลือต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องความรัก มีผลกระทบกับชีวิตมากน้อยแค่ไหน
แรกๆ ก็มีบ้างครับ แต่ระยะหลังผมมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา อาจเป็นเพราะผมเติบโตขึ้น บางข่าวก็จริง บางข่าวก็ไม่จริง เรื่องข่าวกับดาราเป็นของคู่กัน เราปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้วครับ ผมก็จะพูดไปตามความจริง ข่าวไหนจริง ก็บอกว่าจริง ข่าวไหนไม่จริง ก็บอกว่าไม่จริง ส่วนมากเรื่องที่แรงๆ มักไม่ใช่เรื่องจริงอยู่แล้ว
มาถึงเรื่องส่วนตัวกันบ้าง ผู้หญิงในสเป๊คของอ๋อมเป็นยังไง
ผมชอบผู้หญิงที่มีความเป็นผู้ใหญ่ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องอายุมากกว่านะครับ ผมหมายถึงผู้หญิงที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ เข้าใจในตัวผมและอาชีพของผม จริงๆ แล้วจะหาคนที่เข้าใจในอาชีพของผมยากมาก เพราะบางทีผมต้องเล่นฉากหวานๆ กับผู้หญิงคนอื่น ต้องพบปะผู้หญิงมากหน้าหลายตา คนที่จะเข้าใจในงานของผมจึงน่าจะมีจำนวนน้อย
อ๋อมผ่านงานในวงการบันเทิงมาแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเล่นละคร เล่นภาพยนตร์ ร้องเพลงประกอบละคร ร้องเพลงประกอบโฆษณา ฯลฯ มีงานไหนที่ยังไม่ได้ทำแต่อยากทำอีกไหม
คงเป็นงานเบื้องหลังนะครับ ที่อยากทำแต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ ตอนนี้ผมได้ทำงานหน้ากล้องแล้ว ต่อไปก็อยากอยู่หลังกล้องบ้าง เพราะผมเข้าใจงานในบทบาทนักแสดงแล้ว ถ้ามีโอกาสในอนาคตก็อยากเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานบ้าง อยากรู้ว่าการรับมือกับนักแสดงเป็นอย่างไร หลังจากที่เขารับมือกับเรามาเยอะแล้ว
รู้สึกอย่างไรที่ผู้ชมติดตามละครทุกเรื่องที่อ๋อมแสดง
ผมต้องขอบคุณผู้ชมมากๆ ครับที่ติดตามผลงานของผม ไม่ว่าผมจะแสดงเรื่องอะไร ผมอยากบอกว่าการสร้างละครต้องทำงานเป็นทีมเวิร์ค งานที่ดีไม่ได้เกิดจากผมคนเดียว แต่เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงคนอื่นๆ ผู้กำกับ ช่างกล้อง ช่างหน้า ช่างผม หรือแม้กระทั่งฝ่ายสวัสดิการที่คอยเสิร์ฟข้าวเสิร์ฟน้ำ การที่งานจะออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกตำแหน่งต้องร่วมมือกันครับ ผมเชื่อเสมอว่าจะขาดคนใดคนหนึ่งไปไม่ได้
“ทุกอย่างถ้าเริ่มจากความชอบ เราก็มีความสุขที่จะทำ”
แฟนคลับที่ชื่นชอบอ๋อมมีจำนวนมาก จริงไหมที่ค่อนข้าง “ดุ” กับแฟนคลับ
เวลาผมไปงานข้างนอก จะมีน้องๆ ตามให้กำลังใจ แต่บางงานผมไปวันธรรมดา เห็นน้องๆ ใส่ชุดนักเรียนมา ก็มีดุบ้างว่า นี่วันธรรมดานะ โดดเรียนมาหรือเปล่า แล้วบอกด้วยว่า ถ้าจะมาให้กำลังใจผม แต่ต้องโดดเรียน ก็อย่าทำนะ ให้ตั้งใจเรียนก่อน บางคนโดดงานมาให้กำลังใจผม ผมก็บอกไปว่า อย่าโดดงานเลย ทำหน้าที่ของเราให้ดีก่อน แล้วค่อยมาเจอกัน บางคนใส่ชุดนักศึกษามา พอโดนผมดุ เขาก็บอกว่าวันนี้ไม่มีเรียน ผมไม่รู้หรอกว่าไม่มีเรียนจริงหรือเปล่า ที่ผมพูดแบบนี้ เพราะผมหวังดี ไม่อยากให้เขาเสียโอกาสในหน้าที่ที่รับผิดชอบอยู่ อะไรที่เตือนกันได้ก็ต้องเตือนกันครับ ซึ่งส่วนมากแฟนคลับก็เข้าใจ ผมกับแฟนคลับเจอกันบ่อยครับ จัดงานมีตติ้งกันบ้าง ไปรับประทานอาหารด้วยกันบ้าง ผมกับแฟนคลับเหมือนเราเติบโตมาด้วยกัน เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน น้องๆ จะตามไปให้กำลังใจตลอด ไปเกือบทุกที่ที่ผมไป เวลาเห็นแฟนคลับ ผมก็หายเหนื่อยนะ เหมือนมีคนกลุ่มหนึ่งที่คอยให้กำลังใจเราอยู่ ส่วนเราก็ทำให้เขามีความสุข ผมรู้สึกดีใจที่มีแฟนคลับติดตามผลงานครับ
ช่วยพูดให้กำลังใจน้องๆ ที่กำลังมีปัญหาในชีวิตหน่อย
ผมมองว่าทุกคนต่างมีปัญหานะครับ ถ้าเป็นปัญหาที่ทำให้เรารู้สึกแย่ ก็อย่าไปคิดในแง่ลบให้มาก อยากให้คิดในแง่บวกมากกว่า ทุกอย่างอยู่ที่ความคิด ถ้าเราคิดลบ ทุกอย่างจะยิ่งแย่ แต่ถ้าเราคิดบวก อาจทำให้สภาพจิตใจดีขึ้น แล้วเราก็จะหาทางแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น ผมอยากให้ลองตั้งสติ ใช้สมาธิดีๆ ผมเชื่อว่า น้องๆ จะหาทางออกที่ดีได้ครับ
ก่อนจากกันในวันนั้น ผู้ชายคิดบวกคนนี้ยังทิ้งท้ายไว้อีกว่า “ถ้าเราพยายามทำสิ่งที่รับผิดชอบให้เต็มที่และดีที่สุดแล้ว แม้คนอื่นอาจจะมองว่ามันยังไม่ดี แต่เรามั่นใจว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ผมเชื่อว่าก็น่าจะเพียงพอ ไม่ต้องไปสู้กับใครหรอก สู้กับตัวเองนี่แหละคือสุดยอดแล้ว!”
เครดิต
นายแบบ : อ๋อม-อรรคพันธ์ นะมาตร์
ช่างภาพ : อนุชา ศรีกรการ
สไตลิสต์ : KOMKISS (IG : agkarachai)
แต่งหน้า : IG : THASSANEEMAKEUP
ทำผม : IG : Tar_hairstylist (ต๋า)
เสื้อผ้า : Q Design and Play
Siam Center 3rd, Tel. 0 2658 1117 IG : qdesignandplay
Everyday Karmakamet
Siam Center 3rd, Tel. 0 2658 1534, IG : everydaykmkm
สถานที่ : โรงแรมเดอะ Vince Hotel Pratunam
26/2 Alley 2, Phetchaburi 11, Phetchaburi Road, Phayathai, Rajathewi, Bangkok 10400, Thailand
โทรศัพท์: 0 2254 6480, 08 2554 7104, 08 3842 6043