ในวันที่ ‘ปอ-ทฤษฎี’ ล้มป่วยและอยู่ในภาวะวิกฤติ ประชาชนคนไทยได้มีโอกาสรู้จักและเห็นภาพของหญิงร่างเล็กคนหนึ่งอยู่เคียงข้างพระเอกหนุ่มตลอดเวลาที่รักษาตัวในโรงพยาบาล จวบจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต โบว์-แวนดา สหวงษ์ ผู้หญิงที่เป็นทั้งคู่ชีวิตและแม่ของลูกของพระเอกหนุ่ม แม้ไม่เคยปรากฏตัวออกสื่อบอกเล่าเรื่องราว แต่เพียงระยะเวลาไม่นานที่คนไทยได้เห็นเธอทุ่มเทให้พระเอกหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงความรัก ความเสียสละ และความเข้มแข็งของเธอ นับจากเหตุการณ์สะเทือนใจมาจนถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 3 ปี โบว์-แวนดา พิสูจน์ให้เห็นว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้สามารถยืนหยัดอย่างเข้มแข็ง เป็นต้นไม้ใหญ่ให้แก่ลูกๆ เดินหน้าสานต่อความฝันของคนที่เธอรัก โดยใช้รักแท้นำทาง
ช่วงที่ผ่านมาคุณโบว์ให้ความสำคัญแก่การทำธุรกิจเพื่อสานต่อความฝันของคุณปอ-ทฤษฎี
ใช่ค่ะ ธุรกิจส่วนใหญ่มาจากความตั้งใจของปอตอนยังมีชีวิต เช่น แผ่นน้ำหอมรูปแมลงปอ เกิดจากปอเป็นคนชอบแผ่นน้ำหอม เราคุยกันว่าอยากทำ แต่ไม่ทันไรก็เกิดเหตุการณ์ปอล้มป่วยเสียก่อน เลยยังไม่มีโอกาสได้ทำ จนเวลาผ่านไป โบว์แข็งแรงขึ้น เรียกสติกลับมาได้ จึงคิดว่าแม้คนที่เรารักจะไม่อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เราทำได้คือสานฝันในสิ่งที่เขาเคยตั้งใจ โบว์เลยทำแผ่นน้ำหอมขึ้นมาโดยศึกษาเอง ทำเองทั้งหมด แผ่นน้ำหอมชื่อแบรนด์ PMB มาจากตัวย่อของชื่อ ปอ มะลิ โบว์ ปอมักเขียนจดหมายแปะไว้หน้ากระจกก่อนออกไปทำงาน บอกรัก บอกขอบคุณที่ได้เจอกัน พร้อมลงท้าย PBM ปอ โบว์ มะลิ แต่พอโบว์นำมาเป็นชื่อแบรนด์จึงเปลี่ยนเอามะลิมาไว้ตรงกลางเป็นหัวใจของพ่อและแม่ค่ะ
นอกจากนี้ยังมีครีมกันแดดซึ่งเป็นสิ่งที่โบว์ตั้งใจอยากทำมาตลอด ปอเห็นเรารีเสิร์ชข้อมูล เขามักหัวเราะเยาะเย้ยว่าจะทำได้เหรอ เลยเป็นแรงผลักดันตัวเรา คอยดูนะจะทำให้ดู แต่ยังไม่ทันสำเร็จปอก็เสียชีวิตก่อน โบว์เลยกลับมาสานต่อสิ่งที่ตั้งใจจะทำตอนอยู่กับเขา เราจะทำให้เขาเห็นว่าภรรยาของเขาทำได้นะ ถึงปอจะไม่อยู่แล้ว ไม่ได้กอดเราแล้ว ไม่ได้ปรบมือให้ แต่ถ้าเขามองลงมาอย่างน้อยเขาต้องมั่นใจได้ว่า โบว์ทำตามความฝันสำเร็จ หารายได้เลี้ยงตัวเองและดูแลมะลิได้
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ถึงเรื่องราวความรักของคุณโบว์กับคุณปอ ช่วยเล่าให้ฟังอีกครั้งสักหน่อยค่ะ
เรารู้จักกันตั้งแต่ก่อนปอจะเข้าวงการบันเทิง เพราะเป็นเพื่อนของเพื่อนกัน เขาเป็นคนที่หน้าตาดีตั้งแต่เด็ก แต่สิ่งที่โบว์ประทับใจคือปอไม่เคยเกี่ยงงาน ทำได้หมดทั้งแจกใบปลิว ขายอาหารสัตว์ ในความคิดเราคนหน้าตาดีอาจจะอายทำกินในลักษณะนี้ แต่ปอไม่เคยเลย เขาทำได้หมดทุกอย่าง เราชื่นชมเขาแต่ไม่ได้คิดอะไรเกินเพื่อน ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปมีชีวิตของใครของมัน จนโบว์เลิกรากับสามีเก่าได้สักสองสามปี ปอก็โทรศัพท์มาแล้วเราก็สานสัมพันธ์กัน ไม่คิดเลยว่าพระเอกอย่างเขาจะมารู้สึกอะไรกับเรา ยิ่งโบว์เป็นแม่หม้ายลูกติดยิ่งเป็นไปไม่ได้ รู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรจึงตัดสินใจหนี หักซิมการ์ดโทรศัพท์ทิ้งแล้วย้ายที่อยู่ ผ่านไปสัก 8-9 เดือน มีโทรศัพท์เข้ามาที่ทำงานของโบว์ แค่ได้ยินเสียงก็รู้เลยว่าเป็นใคร ปอพูดมาว่าจะให้เข้าไปหรือจะออกมาเอง พอเราเข้าไปในรถที่เขาจอดอยู่หน้าออฟฟิศ แค่เห็นหน้าเขาก็ปล่อยโฮเลย (หัวเราะ) ปอพูดว่าถ้าทรมานขนาดนี้จะหนีทำไม จากนั้นจึงตัดสินใจลองสู้ดีกว่า ถ้าไม่ได้จริงๆ จะได้รู้กันไปเลย ใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองสักพักจนครอบครัวยอมรับ และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันค่ะ
นิยามความความสัมพันธ์ของโบว์และปอเป็นแบบไหน
เป็นความรักที่ “ให้” ซึ่งกันและกัน ปอเขาเป็นคนที่ให้คนที่รักก่อนตัวเอง เห็นคนที่รักยิ้มได้นั่นแหละคือความสุขของเขา เงินทองหามาได้เขาให้โบว์เก็บไว้หมด เขามีเงินติดตัวแค่วันละหนึ่งพันบาทกับบัตรเครดิต โบว์คอยเก็บเงินแล้วบันทึกว่าวันนี้ปอทำงานได้เงินเท่าไหร่ แบ่งเข้าบัญชีลูกเท่านี้ ฝากประจำเท่านี้ สิ้นเดือนยื่นให้เขาดูสมุดบัญชี แต่ปอจะหงุดหงิดมาก บอกว่าไม่ต้องเอามาให้เขาดู หน้าที่ของโบว์คือบริหารเงินของปอ ทำให้ลูกอยู่สบายเมื่อเราสองคนไม่อยู่แล้ว และมีพอสำหรับไว้ใช้ไปเที่ยวรอบโลกกันสองคนเมื่อลูกโตมีครอบครัว อาจเป็นเพราะคู่ของเราไม่ได้เปิดเผยเหมือนคนอื่น ปอจึงค่อนข้างแคร์ความรู้สึกของโบว์ พยายามชดเชยในสิ่งที่เราไม่ได้ทำแบบคนอื่น
คุณโบว์มีวิธีคิดอย่างไร จึงไม่รู้สึกน้อยใจในความสัมพันธ์ที่ไม่อาจเปิดเผยต่อสาธารณะ
โบว์เลือกที่จะเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นต้องทำสิ่งที่เราเลือกให้มีความสุข เราเข้าใจความเป็นปอ เขาเป็นดารามีเวลาไม่แน่นอน งานที่ทำต้องใช้อารมณ์หลากหลาย บางครั้งเล่นละครกลับมาก็ใจดี๊ใจดี บางครั้งหงุดหงิดไม่รู้สาเหตุ โบว์แค่เข้าใจและเรียนรู้ ถ้าเขามีเวลาว่างแล้วถามเราว่าวันนี้กินอะไรกันดี โบว์จะไม่ตอบว่าอะไรก็ได้ แต่โบว์เรียนรู้ว่าเขาชอบอะไร ชอบก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ถ้าอย่างนั้นก็กินก๋วยเตี๋ยว แม้ว่าตัวเราไม่ค่อยชอบกิน แต่ไม่เป็นไร ไม่ต้องเถียงกัน ไม่อยากเป็นภาระ ถ้าวันไหนเขาเจอร้านอร่อยแล้วโทร.มาชวนโบว์ว่ากินอันนี้กัน ถึงเราอิ่มพุงจะแตกแต่ก็ตกลง บอกไปว่ากำลังหิวพอดีเลย เรารู้ว่าความสุขของปอคือการได้ดูแลครอบครัว ก็จะตามใจเขา แม้ว่าบางครั้งอยากทำนั่นบ้างนี่บ้าง แต่เข้าใจว่าเขาเหนื่อย เขาทำงานดูแลครอบครัว อะไรที่เราทำเองตัวคนเดียวได้ก็ทำ ไม่ได้ยากเย็นอะไร
เสียดายไหมที่มีเวลาดูแลกันและกันน้อย
ไม่เลยค่ะ ในความรู้สึกของโบว์ แม้ระยะเวลาจะสั้นแต่เราทำทุกอย่างให้กันและกันอย่างเต็มที่ มีความสุขในทุกๆ วัน มันดีกว่าอยู่กันยาวแต่ทะเลาะกัน เถียงกันทุกวัน ทุกครั้งที่มีคนถาม โบว์ตอบเหมือนเดิมว่าไม่เสียใจ ไม่ว่าจะสั้นหรือยาวเราดีใจที่อย่างน้อยครั้งหนึ่งได้เจอกัน และเราได้ทำอะไรให้กันและกันอย่างเต็มที่
การล้มป่วยและจากไปของปอถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งสำคัญ คุณโบว์ได้เรียนรู้อะไรบ้างจากหลากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา
สิ่งที่เกิดขึ้นเปลี่ยนตัวโบว์ไปเลย เปลี่ยนความคิดทุกอย่าง เมื่อก่อนรู้สึกว่าเรารักตัวเองมากที่สุด แม้จะเข้าใจว่าแฟนเราเขาเป็นแบบนี้นะ แต่ในความต้องการลึกๆ บางอารมณ์ก็อยากให้เป็นดังใจเรา เหมือนเวลาฉันอยากได้กระเป๋าใบนี้ ฉันต้องซื้อให้ได้ เป็นการทำอะไรเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง แต่สิ่งที่โบว์ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ของปอเปลี่ยนคำตอบของคำถามที่ว่า ความสุขของเราคืออะไร มันคือการทำให้คนที่เรารักที่อยู่รอบข้างมีความสุข ไม่ต้องไปหวังว่าเขาจะให้หรือตอบแทนอะไร นั่นแหละค่ะคือความสุขที่แท้จริง
นอกจากนั้นโบว์ยังเรียนรู้ว่า เงินซื้อไม่ได้ทุกสิ่ง สุดท้ายแล้วเมื่อตายก็เอาอะไรไปไม่ได้ แต่จะตายอย่างไรให้คนจดจำในทางที่ดี สิ่งนี้ละถึงจะสำคัญ เห็นถึงสัจธรรมความไม่แน่นอนของชีวิต ที่ผ่านมาเรารับรู้ว่าปอเขาหน้าตาดีหุ่นดี เป็นคนที่ปกป้องดูแลเรา ทำให้เราหมดทุกอย่างตลอดเวลา ทว่านับจากวันแรกที่เขานอนติดเตียงจนวันสุดท้าย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นเปลี่ยนไปหมด ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาของเขา สิ่งที่เคยทำให้เราได้ ตอนนี้ทำไม่ได้อีกแล้ว แต่เป็นโบว์ที่ต้องดูแลเขาแทน
สุดท้าย เรียนรู้ที่จะยอมรับความเป็นจริง เจ็ดสิบวันที่ต่อสู้มีหลากหลายอารมณ์ ในขณะที่เรารับรู้ว่าปอใกล้จะเสียแล้วนะ สมองซีกหนึ่งสั่งให้ทำใจ แต่สมองอีกซีกก็คิดว่าต้องมีปาฏิหาริย์ ในขณะที่คุณหมอฝ่ายหนึ่งบอกว่าปาฏิหาริย์ต้องเกิด แม้มีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ แต่คุณหมออีกฝ่ายที่ดูแลจะรู้ว่ายังไงก็ไม่รอด มีอยู่ท่านหนึ่ง ทุกวันเดินมาดูปอและยืนกอดอกส่ายหน้า วันหนึ่งเขาเดินมาหาพร้อมบอกว่า คุณเป็นคนเก่งนะคุณโบว์ ทำใจไว้บ้างไหม ก็ตอบเขาไปว่า ค่ะ เพราะไม่เคยมีคุณหมอท่านไหนบอกว่าอาการปอจะดีขึ้นเลย คุณหมอบอกว่าให้ทำใจนะครับ สิ่งที่เกิดขึ้นฝึกให้เราอดทน ยอมรับความจริง และให้ความสำคัญแก่การมอบความรักให้กันอย่างแท้จริง
เราไม่มีโอกาสได้เห็นภาพคุณปอกับน้องมะลิ (พาขวัญ สหวงษ์) สักเท่าไหร่ คุณโบว์ช่วยเล่าเรื่องราวน่ารักๆ ความผูกพันระหว่างพ่อกับลูกที่ไม่ค่อยได้รู้กันหน่อย
ปกติปอไม่ชอบถ่ายรูป อาจเป็นเพราะเวลางานถ่ายรูปเยอะแล้วมั้ง แต่กับลูกจะเห็นว่าเขาชอบถ่ายเซลฟี่ด้วยกันตลอดเวลา เก็บไว้ดู เวลาที่เขาออกไปทำงาน หน้าที่ของโบว์คือถ่ายรูปโบว์กับน้องมะลิส่งให้เขาทางไลน์ทุก 15 นาที ถ้าเขาพักกองแล้วเปิดมาไม่เจอรูปจะโทร.มาโวยเลย ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ส่งรูปมา ไม่นึกถึงกันใช่ไหม พอเขาได้ดูรูปจะชื่นใจหายเหนื่อย ปอหวงลูกมาก อยากให้ลูกเป็นทอม จะได้ไม่มีผู้ชายคนไหนมายุ่ง ทุกคืนต้องนอนด้วยกัน ทั้งที่ซื้อเตียงมาให้ลูกแต่ไม่ได้ใช้ เขาบอกว่าเรามีเวลานอนกับลูกอีกไม่กี่ปี พอมะลิโตเป็นสาวคงไม่อยากนอนกับพ่อกับแม่แล้ว ช่วงนี้จึงเป็นเวลาที่ควรเก็บเกี่ยว ตื่นมาทุกเช้าจะเห็นปอกอดกับลูกทุกวันค่ะ
การจากไปของคุณปอทำให้คุณโบว์ต้องกลายเป็นเสาหลักของครอบครัว วางแผนให้น้องมะลิและตัวเองต่อไปอย่างไร
ในส่วนของน้องมะลิไม่ได้วางแผนอะไร เป็นในสิ่งที่เขาเป็นก็พอ ไม่ต้องเรียนดีเด่นมาก แค่ไม่ตก แต่ต้องรู้จักช่วยเหลือตัวเอง ดูแลตัวเองได้ โชคดีที่โบว์กับปอมีแนวทางในการเลี้ยงลูกคล้ายกัน เราเรียนรู้จากเขาก่อนแล้วค่อยมานั่งคิดว่าลูกจะไปในแนวทางไหนดี โบว์ไม่ได้วางแผนระยะยาวเพราะเราเรียนรู้จากปอ ไม่มีใครการันตีได้ว่าสิ่งที่วางแผนไว้จะได้ทำจริงรึเปล่า ไม่มีใครรู้ว่าชีวิตจะยาวจะสั้น โบว์กลับไปอ่านสิ่งที่ปอวางแผนไว้แล้วเห็นสัจธรรม ตัวเขาไม่สามารถอยู่ทำในสิ่งที่เขาวางแผนระยะยาวไว้ได้เลย โบว์จึงให้ความสำคัญในแต่ละวันมากกว่า ทำทุกวันด้วยความตั้งใจ ถ้าจะมีแผนอะไรคงวางแผนการเงินมากกว่า ถ้าเกิดวันหนึ่งเราไม่อยู่แล้วลูกจะต้องอยู่ได้ สอนให้เขาช่วยเหลือตัวเองและรู้จักความลำบาก ปอเองก็สอนลูกในลักษณะนี้เช่นกัน
ในส่วนของตัวโบว์ ถามว่าจะเข้าสู่วงการบันเทิงเต็มตัวไหม ถ้ามีโอกาสเข้ามาเราก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ประเมินความสามารถของตัวเองด้วย เพราะโบว์ไม่ได้เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมากขนาดนั้น
สิ่งที่ยากที่สุดของการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคืออะไร
สิ่งที่ยากที่สุดคงเป็นเรื่องของจิตใจที่ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง ตอนที่ปอเสีย โบว์กลัวไปหมดทุกอย่าง เราจะอยู่ยังไง จะเลี้ยงลูกยังไง โชคดีที่ปอสอนไว้เยอะ โบว์รู้สึกว่าเขาอยู่เพื่อให้เราแข็งแรงก่อน แม้เขาเจ็บปวดทรมานทุกวันแต่เขาไม่ไปเพื่อให้เราได้เรียนรู้และเตรียมใจ ประมาณ 5 วันก่อนเขาเสียชีวิต โบว์มีความรู้สึกเหมือนเขาจะไม่ไหวแล้ว เราบอกแม่ว่าจะกลับไปนอนที่บ้านนะ แม่ยังทักว่านอนได้เหรอเพราะ 70 วันที่ผ่านมาโบว์นอนที่โรงพยาบาลทุกคืน ที่โบว์ต้องการกลับบ้านเพื่ออยากเรียนรู้ว่า ถ้าเราตื่นมาแล้วไม่เจอเขา จะรับไหวไหม เช้ามาแต่ละวันโบว์จะวิ่งไปหาหมอพร้อมคำถามประโยคแรกว่า “ปอรอดไหม” คำตอบคือชั่วโมงนี้รอด คุณหมอไม่เคยบอกว่าดีขึ้น ตอบเพียงว่าชั่วโมงนี้รอด แต่ชั่วโมงต่อไปไม่รู้ เราเรียนรู้ความเจ็บปวด เรียนรู้การรอคอย แล้วค่อยๆ เข้มแข็งขึ้นจากตรงนั้น ดังนั้นสิ่งที่ยากที่สุดโบว์ว่าคือสภาวะจิตใจที่จะยอมรับได้มากน้อยแค่ไหน ทำอย่างไรให้จิตใจของเราเดินหน้าต่อไปได้คือสิ่งที่ต้องใช้พลังความเข้มแข็งอย่างที่สุด ส่วนเรื่องการดำรงชีวิต ด้วยสัญชาตญาณของมนุษย์ถึงเวลามันก็ต้องทำ
คุณโบว์มักจะนิ่งไม่ตอบโต้กับทุกกระแสข่าว แต่พอเราชี้แจงแถลงไขก็กลายเป็นกระแสดราม่าขึ้นมา ทุกวันนี้รับมือกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เข้ามาได้หรือยัง หรือมีวิธีจัดการกับความรู้สึกต่างๆ ของตัวเองอย่างไร
ตั้งแต่ตอนปอป่วยก็มีคอมเมนต์ที่ไม่น่ารักเข้ามา เช่น แช่งปอให้ตายทุกวันบ้าง ทำรูปรดน้ำศพแล้วบอกว่าเป็นปอ ทฤษฎี บ้าง ซึ่งมีเข้ามาเรื่อยๆ ทุกวัน โบว์ต้องพยายามไม่ให้คุณพ่อคุณแม่ของปอเห็น หรือแม้แต่การที่โบว์ใส่หน้ากากกันเชื้อโรคยังโดนด่าว่าเป็นอะไร ปากเบี้ยวหรอ เราพยายามเข้าใจแต่ก็เก็บกดมาตั้งแต่ตอนนั้น พอเราพยายามอธิบาย สุดท้ายก็ไม่รู้จะอธิบายไปเพื่ออะไร กระแสวิจารณ์ยังมีอยู่ดี โบว์ไตร่ตรองจนพบทางออกว่า ไม่ต้องไปอ่านเลยดีกว่า คอมเมนต์ติชมเรายังอ่านเพราะบางทีเป็นการเตือนสติที่ดีเช่นกัน แต่คอมเมนต์ด่าหยาบคาย เราเลือกที่จะมองผ่าน ถามว่าเสียใจไหม เสียใจอยู่แล้วค่ะ จะด่าโบว์ก็ด่าไป แต่ด่าปอกับมะลิเราทำใจไม่ได้ จึงแสดงออกไปว่า เราไม่โอเค แต่พอมานั่งคิดทบทวน ไม่มีประโยชน์ที่เราจะไปต่อสู้กับอากาศธาตุซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครเหล่านั้น สิ่งเดียวที่ทำได้คือควบคุมอารมณ์ตัวเอง และปล่อยวางเสีย จริงๆ ต้องขอบคุณคอมเมนต์เชิงลบทั้งหลายที่เป็นพลังผลักดันเรา เดี๋ยวจะทำให้ดูว่าฉันไม่เป็นเหมือนที่เธอด่า
มีอะไรอยากแนะนำคนที่กำลังเผชิญสถานการณ์สูญเสียคนในครอบครัวคล้ายกับเราบ้าง
อย่างแรกต้องบอกว่า ตั้งสติให้เร็วที่สุด เมื่อเขาจากไปและทำอย่างไรก็กลับคืนมาไม่ได้แล้ว ดังนั้นรวบรวมกำลังใจจากคนที่ยังอยู่ หาวิธีดูแลคนเหล่านั้นให้เขามีความสุข อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง หรือกลัวสิ่งที่ยังไม่เข้ามา ให้คิดว่าถ้าต้องทำฉันก็ทำได้ โบว์ไม่เคยเปิดขวดน้ำเองเลยนะตอนที่มีปอ แต่ทุกวันนี้แม้ฝาจะแข็ง แม้ต้องใช้เวลาในการเปิด แต่เราต้องทำให้ได้ อยู่ดีๆ โบว์ต้องไปอยู่หน้ากล้อง มีไมค์ไม่รู้กี่ตัวตรงหน้า เราจะตอบอะไร พยายามรวบรวมสติแล้วตอบ พบว่าเราก็ทำได้ อยากให้คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างเราสามารถผ่านมันไปได้ค่ะ
สำหรับเดือนแห่งความรักนี้ ความรักมีความหมายอย่างไรต่อคุณโบว์
การที่เรารักใครสักคน เป็นแรงผลักดันให้เราอยากทำอะไรให้เขา ความรักจริง ๆ ต้องแยกให้ออกว่ารักตัวเอง หรือรักแฟนของเรา ผู้หญิงบางคนปากบอกรัก แต่ไม่เข้าใจในสิ่งที่แฟนตัวเองเป็น กลับใช้อารมณ์เป็นหลักแล้วบอกว่านี่แหละความรัก ความรักคือการที่คุณอยากทำอะไรให้ใครสักคนมีความสุข สบายใจ นั่นคือการมอบความรักให้แก่เขาอย่างแท้จริง โดยไม่ต้องหวังว่าจะได้อะไรตอบแทน แล้วจะรู้ว่าความรักไม่ได้เลวร้าย มีแต่ความสุข มีแต่การให้
“รักคือการให้ด้วยใจโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน” คือความรักจากทั้งหมดของหัวใจ โบว์-แวนดา สหวงษ์
เครดิต
นางแบบ: โบว์–แวนดา สหวงษ์
ช่างภาพ: อนุชา ศรีกรการ
สไตลิสต์: NATEE
ผู้ช่วยสไตลิสต์: CRIS
เสื้อผ้า: WEE Brand ชั้น 3 สยามเซ็นเตอร์
Bchurunway ซอยทองหล่อ 20 IG: @bchurunway
เครื่องประดับ: Prive ชั้น 2 สยามสแควร์วัน
สถานที่: โรงแรมหัวช้าง เฮอริเทจ
400 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
โทรศัพท์: 0 2217 0777