“สมัยก่อนผมมีความรู้สึกว่า การแปลหนังสือเหมือนการเอาดาบมาไล่ฟันกันอย่างดุเดือด คุณก็แปลได้ ผมก็แปลได้ ใครดีใครอยู่ แต่สมัยนี้เหมือนสไนเปอร์ ชิงซื้อลิขสิทธิ์เสร็จก็ปิดบ้าน จากนั้นจะแปลยังไงก็ได้” คำบอกเล่าสะท้อนภาพการแข่งขันอันดุเดือดของวงการแปลหนังสือที่นักอ่านรุ่นถัดมาอาจคาดไม่ถึง โดยนักแปลผู้คร่ำหวอดอย่าง สุวิทย์ ขาวปลอด ซึ่งยืนหยัดผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านความรุ่งโรจน์และซบเซาของวงการหนังสือ ทำงานที่รักเรื่อยมาโดยไม่เคยหยุด

ประวัติโดยย่อ
สุวิทย์รักการอ่านหนังสือตั้งแต่ยังเรียนชั้นประถม เพียงแค่ป.3 เขาก็อ่าน “ป.อินทรปาลิต”, “เศก ดุสิต”, “ว.ณ.เมืองลุง” และอ่านนิตยสารทุกเล่มที่มี ได้แก่ เดลิเมล์วันจันทร์, ผดุงศิลป์, บางกอก, ศรีสยาม, สกุลไทย ในวัยเด็กเขาขี่จักรยานไปขอยืมหนังสือจากบ้านคนรู้จักในจังหวัด แล้วใช้เวลาว่างหมดไปกับการอ่านหนังสือ ต่อมาเมื่อเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตสงขลา วิชาเอกภาษาอังกฤษ เขาได้แปลนิยายเรื่องแรกคือ A Christmas Carol ให้แฟนสาวในสมัยนั้น และเป็นจุดเริ่มต้นของความสนใจแปลหนังสือ เขาประเดิมอาชีพนักแปลด้วยผลงานชื่อ ฤกษ์เพชฌฆาต (The Deadly Messiah) และต่อมาด้วยการแปลนิยายแอ๊คชั่น สืบสวนสอบสวนของนักเขียนดัง เช่น Stephen King, Tom Clancy, Robert Ludlum, Clive Cussler, Michael Crichton, Agatha Christie

ในยุคที่เขาเติบโตและสร้างชื่อนั้น วงการแปลฟาดฟันกันด้วยฝีมือล้วนๆ สำนักพิมพ์ต่างๆ สามารถหยิบหนังสือเล่มใดมาแปลก็ได้ หนังสือเล่มหนึ่งจึงอาจมีนักแปลซ้ำกันหลายสำนวน ประลองกันด้วยฝีมือการแปลอย่างแท้จริง แม้ปัจจุบันวงการแปลมิได้มีการแข่งขันดุเดือดเหมือนเมื่อก่อนตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่แปรเปลี่ยนคือเขายังคงแปลหนังสือออกมาอย่างต่อเนื่อง ในนามสำนักพิมพ์วรรณวิภาที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งขึ้น


เล่าถึงการก้าวเข้ามาสู่แวดวงนิยายแปล และบรรยากาศการแข่งขันในสมัยนั้นหน่อยค่ะ
ผมอยากแปลหนังสือและติดต่อสำนักพิมพ์ไปหลายแห่ง แต่ทั้งหมดก็ไม่รับครับๆ จนเกือบจะถอดใจขึ้นรถไฟกลับอยู่แล้ว บังเอิญล้วงกระเป๋าเจออีกเบอร์หนึ่งค้างอยู่พอดี ลองโทร.ไปเขาก็เรียกให้มาคุยที่สำนักพิมพ์ ตอนนั้นได้เจอคุณต่อศักดิ์ กาญจนสุภัคร เจ้าสำนักเซอร์เคิล แกก็ให้หนังสือเล่มหนึ่งมาแปลคือเรื่อง ฤกษ์เพชฌฆาต ต่อศักดิ์มีสายตากว้างไกลและจิตใจมุ่งเอาชนะ เขาต้องการครอบครองยุทธจักรการแปล สำนักพิมพ์จึงพิมพ์งานไม่ขาดระยะ ณ เวลานั้นมีนักแปลที่เป็นดั่งกำแพงหินของวงการอยู่สามคนคือ ธนิต ธรรมสุคติ, “พงษ์ พินิจ” และสมพล สังขะเวส ตอนที่ผมแปลฤกษ์เพชฌฆาต ผู้อ่านตอบรับดีพอสมควร ประจวบกับ “พงษ์ พินิจ” เสียชีวิตลง คนหนึ่งตาย อีกคนก็เกิด เหมือนพระเอกมิตร ชัยบัญชาตาย อีกหลายคนก็ขึ้นมาแทนที่ ผมก็ทำงานไปจนเกิดเหตุให้แยกตัวจากสนพ.เซอร์เคิล

ต่อมาได้มาอยู่สนพ.บรรณกิจ ผมอาสาเป็นบรรณาธิการให้ฟรีๆ บอกเลิกได้ทุกเมื่อถ้าทำต่อไม่ไหว ที่ผมเสนออย่างนี้เพราะอยากเรียนรู้ระบบธุรกิจหนังสือเพื่อเป็นผู้ผลิตเองในอนาคต และเพื่อจะได้เลือกหนังสือที่อยากแปลเอง ทำอยู่สักพักเจ้าสำนัก (สมศักดิ์ เตชะเกษม) ก็เลิกกิจการจริงๆ ตอนนั้นเคว้ง เดินตากฝนพรำที่สนามหลวงแล้วก็คิดว่าไม่เอาแล้วความไม่มั่นคงแบบนี้ จึงตัดสินใจตั้งสำนักพิมพ์ของตัวเองดีกว่า โดยเริ่มต้นด้วยเงินที่แม่ให้เป็นทุนสองหมื่นบาท แต่การฟาดฟันในวงการก็ยังไม่จบ เหมือนหนังการ์ตูนเรื่องหน้ากากเสือ เมื่อหน้ากากเสือออกจากถ้ำเสือ มิสเตอร์เอ็กซ์ก็ตามฆ่า เจ้าสำนักที่เราเคยอยู่โทร.มาถามว่าผมกำลังแปลอะไร เมื่อกล้าถามผมก็กล้าบอกตรงๆ แปลงานของคนนี้อยู่ แล้วเขาก็หายไป สักพักเขาออกหนังสือเล่มที่ผมบอก แล้วทำโปรโมชั่นถ้าซื้อเล่มนี้แถมอีกเล่มหนึ่งอีก เหมือนมิสเตอร์เอ็กซ์จริงๆ เล่นงานกะให้เราอยู่ไม่ได้ โชคดีที่ผมยังไม่ทันแปล แค่ทำปกไว้ เราก็เปลี่ยนเรื่อง แต่เล่นผมกระอักอยู่เหมือนกัน

ทำไมถึงเลือกเส้นทางนักแปลแทนการเป็นนักเขียน
ผมเคยถามตัวเองว่าจะเป็นนักเขียนหรือนักแปลดี ถ้าเป็นนักเขียนแล้ววันหนึ่งเราเกิดเขียนไม่ออกก็ตาย แต่ถ้าเป็นนักแปลยังไงก็ทำไปได้เรื่อยๆ ขอแค่ร่างกายยังไหวก็พอ

สุวิทย์ ขาวปลอด

สไตล์การแปลงานของคุณสุวิทย์เป็นแบบไหน
ผมมีไม้บรรทัดคู่ใจอันหนึ่งไว้วางเลื่อนดูบรรทัดที่แปล ถ้าหายก็บ้านแตกเลย ผมแปลไปตามประโยคนั้นแหละ มีดิคชันนารี่คู่ใจของเธียรชัย เอี่ยมวรเมธ ซึ่งผมยกย่องว่าดีที่สุดในประเทศ รองลงมาคือของศาสตราจารย์ ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม ตั้งไว้ทั้งสองเล่มข้างกาย คำบางคำแม้รู้ความหมายแต่ก็ยังเปิดดิคฯเพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดมาถ่ายทอด

สไตล์การแปลของผมนั้นคือทำให้คุณได้อ่านอย่างที่คนเขียนเขาเขียน สิ่งที่คุณกำลังเห็นคือภาษาอังกฤษที่แปลงร่างเป็นภาษาไทย รูปแบบการวางกริยา วางประโยค ตามภาษาอังกฤษเลย แปลกลับเป็นภาษาอังกฤษได้ ที่ผมเลือกใช้วิธีการนี้เพราะฝรั่งเขาเขียนมาอย่างไร คนอ่านควรได้อ่านตามที่เขาเขียนจริงๆ ไม่ใช่อ่านสำนวนการเขียนของผม ถ้าจะชม ขอให้ชมผู้เขียน ผมเป็นแค่สื่อกลาง บางคนบอกคุณสุวิทย์ขยันย่อหน้าหน่อย คือฝรั่งเขาเขียนมาแบบนั้นไม่ย่อหน้า ผมจะไปย่อหน้าได้ไง ภาษาแรงก็แรงตาม ภาษานุ่มนวลก็นุ่มนวลตาม เพราะฉะนั้นถ้าใครที่เคยอ่านงานแปลสไตล์เรียบเรียงความแล้วเขียน มาอ่านงานของผมอาจสะดุดนิดหนึ่ง แต่พออ่านไปสักพักจะเข้าใจ

สิ่งที่ทำให้งานแปลของคุณสุวิทย์โดดเด่นแตกต่างจากนักแปลคนอื่นคืออะไร
ผมอ่านหนังสือตั้งแต่ป.2 ป.3 อ่านทุกอย่างแม้แต่นิยายโรแมนติก ดังนั้นเราสะสมคลังคำไว้มาก การแปลหนังสือเราจะอยู่ในหนังสือ มีอารมณ์อยู่กับตัวละครตัวใดตัวหนึ่ง เรารู้ว่าภูมิหลังของตัวละครเป็นแบบไหน ภาษาที่ใช้ต้องอยู่ระดับใด ถ้าโกรธจะใช้ถ้อยคำด่าได้แบบไหน แต่ละงานก็มีระดับภาษาที่แตกต่างกัน อย่าง Stephen King กับผมศีลเสมอกัน มีความถ่อยในตัวเหมือนกัน ภาษาของเขาก็มีความถ่อยในตัว เพราะฉะนั้นผมจึงเข้าถึงภาษาของเขาได้มาก

แอ๊คชั่น สืบสวนสอบสวน คือแนวถนัดของคุณ?
อะไรที่ไม่ใช่โรแมนติกคือโอเคหมด ผมไม่ชอบโรแมนติกเพราะรู้สึกว่ามันง่ายไป ไม่ท้าทาย เราเป็นลูกผู้ชายเต็มร้อย ไม่ค่อยชอบอะไรที่หน่อมแน้ม แม้ยุคงานโรแมนติกเฟื่องฟู แอ็คชั่นถดถอย ผมก็ไม่เปลี่ยนแนว อะไรที่ทำแล้วรู้สึกสนุกเราจะอยู่กับมันได้ดีกว่า แม้ไม่ได้เงินแต่ยังได้ความสุข

คุณสุวิทย์ไม่เคยไปเรียนต่างประเทศ ทำอย่างไรถึงแตกฉานภาษาอังกฤษ
มศว วิทยาเขตสงขลา รุ่นที่ผมเรียนสมัยนั้นอาจารย์ดีมาก เหมือนเมล็ดพันธุ์เมื่อได้ความชุ่มชื่น ได้แสง ได้อาหารพอเหมาะก็งอกเงยใหญ่เลย อาจารย์บอกเราจะไม่พูดภาษาไทยกัน พูดแต่ภาษาอังกฤษ เรียนๆ ไปตัวเราก็ลืมไปเลยว่าตอนนี้พูดภาษาอังกฤษอยู่ คิดเป็นภาษาอังกฤษอยู่ กลายเป็นธรรมชาติ มีอาจารย์ท่านหนึ่งมักชวนผมไปอ่านหนังสือ แกมี Agatha Christie เยอะ ผมอ่านจนแตกฉานภาษา

หนังสือแปลของสำนักพิมพ์วรรณวิภาที่คุณเป็นผู้ก่อตั้ง คุณสุวิทย์ยังคงเป็นผู้แปลคนเดียวทั้งหมดอยู่รึเปล่า
ครับ ไม่มีลูกทีม แปลคนเดียว เคยมีสมัยก่อนที่ผมยังอยู่สำนักพิมพ์อื่น หนึ่งเล่มแบ่งกันแปลเพื่อให้แข่งกับเจ้าอื่นทัน มีจริงๆ นะเรื่องการฉีกเล่มแบ่งกันแปล แต่สมัยนี้ไม่มี ผมทำคนเดียวทั้งหมด

ยังทำงานได้แข็งแรงไม่มีปัญหา
ครับ มีความสุขดี ผมตื่นมาออกกำลังกายตอนตี่สี่ครึ่ง มาเดินให้แข็งแรง พยายามรักษาตัวเองเพื่อสมาชิก สำนักพิมพ์มีสมาชิกอยู่จำนวนหนึ่ง สมาชิกเหล่านี้คือผู้ที่คอยดูแลผม หน้าที่ของผมคือทำตัวเองให้แข็งแรงเพื่อมีกำลังทำหนังสือต่อไป ใครจ้างก็ไม่ไปเพราะต้องรับผิดชอบต่อสมาชิกที่รองานของผมอยู่

สุวิทย์ ขาวปลอด

สภาพแวดวงหนังสือที่เปลี่ยนไปส่งผลกระทบต่อยอดขายหรือไม่
ยังขายได้เรื่อยๆ อาจมีลดบ้าง คนเก่าล้มหายไปก็มีคนรุ่นใหม่มาแทน หนังสือผมบางคนบอกอ่านไม่รู้เรื่อง ก็ไม่เป็นไร แต่ละคนรับได้ไม่เหมือนกัน แต่เด็กรุ่นใหม่มีเยอะที่รับได้เลย แฟนผมไปขายหนังสือที่อุบลราชธานี มีผู้หญิงคนหนึ่งมาซื้อเรื่องของ Clive Cussler ไปลองอ่าน อ่านจบโทร.มา คุณสุวิทย์มีเรื่องของClive Cussler อีกกี่เรื่องขอหมดเลย หนังสือก็เหมือนอาหาร อยากให้ลองแล้วค่อยตัดสินใจ

ทราบมาว่าสมาชิกคือส่วนสำคัญที่ทำให้คุณทำหนังสือต่อไปได้
ผมอยู่ได้จนทุกวันนี้เพราะสมาชิก ผมมีรายชื่อสมาชิก 100 กว่าคน ตอนใกล้งานหนังสือจะส่งจดหมายไปว่ามีเล่มนี้ๆ ออกนะ เป็นเงินเท่านี้ โอนเงินมาแล้วผมก็จัดส่งไปให้ แต่บางคนไม่รอดูว่าเล่มหน้าออกอะไร ส่งเงินให้ก่อนเลย บางคนบอกยอดไป 1,200 บาท โอนมาให้ 1,500 บาทเลย มีสมาชิกคนหนึ่งชื่อคุณบุญตั้ง แกซื้อหนังสือยอด 1,250 บาท แกโอนมาให้ผมหมื่นนึง ทว่าบุญมีแต่กรรมบัง แกโอนผิด โอนมาให้บัญชีที่ถูกอายัดเพราะผมเคยล้มละลาย ผมโทร.ไปขอบคุณ แกบอกจะโอนให้ใหม่ ผมบอกไม่ต้อง แค่นี้ซึ้งใจแล้ว นี่คือความน่ารักของผู้อ่าน แล้วสมาชิกผมพอถึงงานหนังสือก็เข้ามา คุณสุวิทย์โอนให้แล้วนะสามพันบาท บางคนโอนให้ห้าพันบ้าง หมื่นหนึ่งบ้าง สองหมื่นบ้าง บางคนมาถึง คุณสุวิทย์ลบบัญชีให้เหลือศูนย์นะ เดี๋ยวจะเข้าให้ใหม่ เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อมากๆ บางคนตั้งบัญชีอัตโนมัติ โอนเงินให้ผมเดือนละพันๆ มีคนโอนมา 700 บาท บอกให้หมา 200 คน 500 นะ

เคยมีกรณีลูกน้องขอเบิกล่วงหน้าให้แม่หมื่นหนึ่งเนื่องในวันแม่ แย่ละ เงินในบัญชีมีไม่พอ ผมก็ส่งข้อความทางโทรศัพท์ไปยังสมาชิกว่ามีเหตุดังกล่าว ถ้าท่านไหนสะดวกกรุณาเข้าบัญชีให้ผมหน่อย สรุปได้จ่ายเงินลูกน้องสองคน คนละครึ่งปี บางคนโทร.มาขอโทษด้วยนะคะที่เข้าเงินให้ช้า ไม่ต้องขอโทษหรอก แค่เข้าให้ก็ดีใจแล้ว แต่ละคนน่ารักมากๆ ผมอยู่ได้เพราะสมาชิก พอถึงงานหนังสือได้เจอตัว ผมขออนุญาตกอดแล้วถ่ายรูปกันหน่อย

ปัจจุบันวงการแปลเปลี่ยนเป็นการซื้อลิขสิทธิ์แล้วจึงแปล ส่งผลต่อคุณสุวิทย์บ้างหรือไม่
ไม่มีผล ปลาในทะเลมีเยอะแยะ เหมือนเรื่องของClive Cussler ไม่มีใครสนใจเพราะงานยาก ใช้เทคนิคเยอะ เขาอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษแล้วไม่ไหว พอมาอ่านของเราก็สบาย

เราจะเจอหนังสือแปลของคุณได้ที่ไหนบ้าง
เข้าเฟซบุ๊กสุวิทย์ ขาวปลอด สั่งซื้อได้ในนั้น หรือจะโทรศัพท์มาที่เบอร์ 02 984 5489, 08 1306 2730 และงานหนังสือแห่งชาติประจำปี หรือการออกบูธหนังสือตามมหาวิทยาลัย เราไปเกือบทุกมหาวิทยาลัยที่จัดงาน ผมจะโพสต์บอกในเฟซบุ๊กไว้ว่าเราไปที่ใดในเร็วๆ นี้บ้าง


สามเล่มที่สุวิทย์ ขาวปลอด อยากแนะนำ
• เดสเพอเรชั่น (Desperation) โดย Stephen King บรรยายได้อุบาทว์และพิสดารมาก
• คลื่นเสียงมหากาฬ (Shock Wave) โดย Clive Cussler แค่บทนำก็ลุ้นระทึกจนเป็นภาพยนตร์ได้หนึ่งเรื่อง
• ลบรอยแค้น (Without Remorse) โดย Tom Clancy

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่