โลกในยุคที่กล้องโทรศัพท์มือถือมีโหมดบิวตี้ติดตั้งมาให้เสร็จสรรพ รูปถ่ายที่ถูกปรับแต่งผ่านแอพฯ ทำให้คนธรรมดากลายเป็นคนดังได้ เวทีประกวดความงามยังเป็นบันไดสู่ความสำเร็จที่หลายคนไขว่ขว้า “ความงาม” กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างโอกาสมากมาย และสาวๆ หนุ่มๆ ต่างเสาะหาวิธีปรุงแต่งให้ตนเองดูดี อย่างไรก็ตามความสวยความงามยังคงเป็นสิ่งที่ไม่จีรัง วันหนึ่งก็ต้องเสื่อมสลายไปตามธรรมชาติ แต่ความรู้ความสามารถต่างหากที่จะเป็นสมบัติติดตัวเราตลอดไป ส้ม-ชนากานต์ ชัยศรี เมื่อ 20 ปีก่อน ชื่อของเธอเป็นที่รู้จักในฐานะมิสไทยแลนด์เวิลด์ (ปี 2533) ผู้หญิงที่มีมงฯ การันตีความงามซึ่งใช้ต่อยอดชีวิตได้ไม่ยาก แต่กลับหันเหแล้วเลือกหนทางที่เธอเชื่อว่ายั่งยืนกว่า นั่นคือการร่ำเรียนเพื่อเป็น “เชฟส้ม” จนเปิดเป็นร้าน “บ้านส้ม ขนมสวย” ยกระดับขนมไทยให้อร่อยและเลอค่า
กว่าจะตั้งตัวได้ทุกวันนี้ เชฟส้มต้องพบบททดสอบชีวิตมากมาย การจากไปของสมาชิกครอบครัวในเวลาไล่เลี่ยกันถึง 3 คน การเป็นเสาหลักพยุงครอบครัวให้ก้าวผ่านมรสุมชีวิตไปได้ เรื่องราวชีวิตของเธอน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ที่กำลังเหนื่อยและท้อกับชีวิต รวมทั้งได้แง่คิดผ่านมุมมองของเธอ ความสวยที่ยั่งยืนนั้นควรเป็นอย่างไร
ถอดมงกุฎแล้วสวมหมวกเชฟ
หลังจากแต่งงานมีครอบครัวและมีลูกน้อย 3 คน เชฟส้มเริ่มคิดถึงอนาคตว่า งานในวงการบันเทิงอาศัยชื่อเสียงของตัวเธอเป็นหลัก ไม่สามารถส่งต่อให้ลูกๆ ได้ จึงอยากหาอาชีพที่ยั่งยืนกว่า และร้านอาหารน่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด เนื่องจากมีใจรักอยู่แล้ว เธอจึงไปลงเรียนเพิ่มเติม เพราะเกรงว่าภาพลักษณ์นางงามที่ได้แต่ยิ้มหวาน สวยอย่างเดียว จะทำให้คนไม่เชื่อถือ จำเป็นต้องมีวุฒิรับรองจากสถาบันที่มีชื่อเสียง เชฟส้มจึงจับมือกับน้องสาวไปลงเรียนทำอาหารและขนมที่เลอ กอร์ดอง เบลอ เมื่อเรียนจบก็เปิดเป็นสถาบันสอนทำเบเกอรี่ ธุรกิจพอดำเนินไปได้ แต่มาเปลี่ยนเป็นขนมไทยหลังจากประสบกับเหตุพลิกผันชีวิต
ครั้นดำเนินกิจการสถาบันสอนเบเกอรี่มาได้สักหนึ่งปี สามีก็เสียชีวิตอย่างกะทันหันโดยไร้สัญญาณเตือนใดๆ เชฟส้มต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ดูแลทั้งธุรกิจใหม่ที่เพิ่งเริ่มได้ไม่นาน และลูกสามคนที่ยังอายุน้อย ชะตากรรมก็กระหน่ำซ้ำ เมื่อน้องชายเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นกำลังสำคัญดูแลพ่อแม่และหลานๆ เสียชีวิตต่อจากสามีในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ตามมาด้วยคุณพ่อซึ่งตรอมใจกับการจากไปของน้องชาย ได้เสียชีวิตให้หลังน้องชายประมาณ 3 เดือน ครอบครัวสูญเสียสมาชิกผู้ชายที่คอยปกป้องและเป็นที่พึ่งพิงไปในระยะเวลา 2 ปี
“การจากไปของพ่อถือเป็นจุดหักเหมากที่สุด คุณพ่อกับลูกชายคนเล็กของส้มชอบกินขนมเปียกปูนมาก และต้องเป็นเปียกปูนนิ่มๆ ของจังหวัดประจวบฯ ซึ่งเป็นบ้านเกิดส้ม แต่ไปกลับประจวบฯ ก็ใช้เวลาและเราไม่ได้เดินทางบ่อย เลยบอกคุณแม่ว่าทำกินเองแล้วกัน พ่อบอกว่าเปียกปูนจะอร่อยอยู่ที่น้ำปูนใส ต้องแช่อย่างต่ำ 2 อาทิตย์ถึงหนึ่งเดือน ให้มันตกตะกอน แต่ระหว่างรอน้ำปูนใสคุณพ่อก็เสียชีวิตไปก่อน คนที่เสียใจที่สุดคือคุณแม่ ภาพที่เห็นคือแม่ร้องไห้ทุกวัน พอแม่เห็นน้ำปูนใสก็บอกพ่อชอบกินนะ แต่ยังไม่ทันได้กินเลย จึงตัดสินใจทำขนมเปียกปูนเพื่อเอาไปทำบุญให้พ่อ แม่เขามีสูตรเฉพาะตัวอยู่แล้ว เราเอาเทคนิคของเชฟไปผสม เราทำเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำแล้วโพสต์ลงอินสตาแกรม ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก กลายเป็นว่าคนถามเข้ามาเยอะ ทำไมเปียกปูนไม่เป็นชิ้นสี่เหลี่ยม ทำไมผิววาวเหมือนก้อนหิน เปียกปูนของเราดังในชั่วข้ามคืนเลย ยอดสั่งเข้ามาจนทำไม่ทัน มีหลายคนคิดว่าเราไม่ได้ทำเอง บางคนคิดว่าแค่โปรโมท ตอนหลังเราแสดงให้เห็นว่าทำเองจริงๆ เป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดร้านขนมไทย”
ขนมสวยจากฝีมือคนสวย
“ขนมซิกเนเจอร์ของร้าน อันดับหนึ่งคือขนมเปียกปูน อันดับสองคือโรลเค้กข้าวเหนียวมะม่วง อันดับสามคือขนมตามเทศกาล ซึ่งนำผลไม้ตามฤดูกาลเป็นวัตถุดิบ เอกลักษณ์ของร้านบ้านส้ม ขนมสวยคือ 1. ประโยคกิมมิคที่ว่า ‘เจ้าของสวย ขนมก็ต้องสวย’ คำพูดเล่นๆ ที่ล้อกันระหว่างเจ้าของกับขนม 2. เป็นขนมไทยทันสมัย แม้บางชนิดจะใช้สูตรโบราณ แต่บางชนิดนำเทคนิคขนมฝรั่งมาดัดแปลง ให้หน้าตาทันสมัยและตรงตามความต้องการ เช่น ต้องการเป็นของขวัญให้ผู้ใหญ่ เกิดวันอังคาร อายุประมาณ 60 ปี เราก็ดีไซน์ขนมให้เป็นสีชมพู แล้วเลือกชนิดขนมที่เหมาะสม ที่ผ่านมาลูกค้าค่อนข้างไว้ใจและพอใจกับงานที่เราออกแบบ 3. กำหนดราคาขนมไว้สูง ไม่ได้เอาราคาตลาดมาเป็นเกณฑ์ เราตั้งราคาจากความซับซ้อนในกรรมวิธี วัตถุดิบ ค่าแรง เวลา ค่าไอเดีย ฝอยทองวางเฉยๆ ก็ธรรมดา แต่เรานำมาจัดให้ดูสวย การออกแบบคือต้นทุน มีคนต่อว่าเหมือนกันนะ แต่เราไม่เถียงไม่แก้ตัว แค่ยิ้มตอบพอ เพราะอธิบายไปเขาไม่ฟัง ทว่าวันที่เขาต้องใช้ ต้องนำไปให้แขกมีฐานะ มีเกียรติ สมราคา เดี๋ยวเขาก็กลับมา 4. ขนมไทยของเรารสชาติไม่หวานจัด เน้นดูแลสุขภาพด้วย
“เราเริ่มต้นจากการขายออนไลน์ก่อน ใช้เวลา 4 ปีถึงได้มีหน้าร้าน ส่วนมากร้อยละ 90 คือลูกค้าประจำที่อุดหนุนตั้งแต่เปิดจนถึงปัจจุบัน อาจเพราะลูกค้าพอจะรู้จักหน้าค่าตาส้ม จึงทำให้เขาไว้วางใจแม้ไม่มีหน้าร้านก็ตาม”
ดารานักแสดงส่วนมากมักเลือกอาชีพเสริมที่เกี่ยวข้องกับความสวยงาม เช่น การขายเครื่องสำอาง ขายครีมบำรุง หรืออาหารเสริมดูแลรูปร่าง แต่เชฟส้มมองต่าง เธอต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่านางงามก็มีความสามารถ และอาชีพที่ขายรูปร่างหน้าตาสามารถทำได้แต่ไม่ยั่งยืนเท่า “ส้มอยากทำให้คนเห็นว่านางงามก็เป็นเชฟได้ นางงามไม่จำเป็นต้องหาสามีรวย นางงามไม่ต้องทำตัวสวยไปวันๆ นางงามสามารถประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้เช่นกัน อีกเหตุผลที่สำคัญคือ ความยั่งยืน อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าเราอยากมีอาชีพส่งต่อให้ลูกได้ ถามว่าชื่อเสียงจากการเป็นนางงามดีไหม ดีมาก มีโอกาสเข้ามาในชีวิตมากมาย แต่ถ้าเราเอาชื่อเสียงนางงามโปรโมทขายครีม มันจะยืนยาวพอส่งต่อให้ลูกไหม แถมนางงามยิ่งแก่ความสวยยิ่งถดถอย มีเด็กรุ่นใหม่ก้าวขึ้นมาตลอด แต่เป็นเชฟยิ่งอายุเยอะยิ่งประสบการณ์มาก และยิ่งเชี่ยวชาญมากขึ้น ความรู้มันไม่เสื่อมตามกาลเวลา ถ้าเราไม่หยุดเรียนรู้ก็มีแต่ยิ่งเพิ่มพูน”
“ส้มอยากทำให้คนเห็นว่านางงามก็เป็นเชฟได้
นางงามไม่จำเป็นต้องหาสามีรวย นางงามไม่ต้องทำตัวสวยไปวันๆ นางงามสามารถประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้เช่นกัน”
ระหว่างความสวยกับความรู้ อดีตนางงามผู้นี้เลือกที่จะให้คุณค่าแก่สิ่งใดมากกว่ากัน “สำหรับส้มให้คุณค่าแก่ตัวเองมากที่สุด ไม่ใช่ทั้งความสวยหรือความรู้ แต่เป็นการให้คุณค่าแก่ตัวเอง ถ้าเรารักตัวเอง เห็นค่าตัวเอง เราจะสรรหาสิ่งดีๆ ให้ตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นการดูแลตัวเองให้สวย หรือการหาความรู้พัฒนาตัวเอง แล้วเราจะไม่หวั่นไหวตามกระแสอยากสวยแบบคนนั้นคนนี้ และจะไม่ทำอะไรผิดพลาดเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
“ผู้หญิงแต่ละคนสวยครบเครื่องไม่เหมือนกัน อยู่ที่ว่าครบเครื่องในมุมไหน เช่น ส้มเป็นเชฟนางงาม ส้มก็ต้องครบทั้งความสวยและฝีมือการทำอาหาร สมมติเป็นนักการเมืองก็ต้องครบในแบบฉบับของนักการเมือง หรือเป็นแม่ก็ต้องครบในความเป็นแม่ ไม่ได้ตายตัวว่าผู้หญิงที่สวยครบเครื่องต้องประกอบด้วยคุณสมบัติอย่างนี้ๆ ต้องสวย รวย มีความรู้ ไม่ใช่ แต่ละคนมีสถานะมีบทบาทไม่เหมือนกัน ต้องดูว่าปัจจุบันเราเป็นแบบไหน แล้วเราต้องมีคุณสมบัติ มีอาวุธอะไรให้พร้อมสำหรับการดำเนินชีวิตต่อไปได้”
นอกจากการเป็นเชฟนางงาม ส้มยังมีอีกบทบาทคือการเป็นคุณแม่ของลูกๆ ทั้งสาม เธอต้องรับหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่เอง “ส้มไม่ได้รู้สึกว่าการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเป็นปมหรืออุปสรรคใดๆ แม้ครอบครัวเราจะขาดผู้ชาย มีแต่ผู้หญิง แต่หลานๆ ก็มีคุณยาย คุณน้า ที่คอยดูแลและอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองลำบากเจียนตายขนาดนั้น ส่วนวิธีการเลี้ยงลูกของส้ม เราไม่บังคับลูก ส้มไม่ตั้งความหวังว่าอยากให้ลูกเป็นแบบไหน กลัวผิดหวังด้วยถ้าไม่เป็นไปตามนั้น พ่อกับแม่ส้มก็เลี้ยงมาแบบไม่ได้บังคับ เพียงแต่เราเป็นพี่คนโตก็ต้องทำตัวดีเป็นตัวอย่างแก่น้อง ให้น้องเชื่อฟัง พยายามทำอะไรให้พ่อแม่ภูมิใจ ไม่ได้มีใครมาบอกมาสอน เราคิดของเราเอง พอถึงคราวเราเลี้ยงลูก ส้มก็ให้ลูกคิดเอง ลูกๆ น่าจะได้เห็นตัวอย่างจากเราบ้าง ก็คงไม่เหลวไหล ตอนนี้ลูกสาวคนโตเข้ามาช่วยงานที่ร้านแล้ว เขาทำได้ ที่เห็นจัดขนมสวยๆ นี่เขาเป็นคนทำเอง น้าสาวเป็นคนสอน เราบอกเสมอว่าแม่ไม่ได้มีเงินทองมากมาย มีให้ แต่ถ้าไม่ต่อยอดวันหนึ่งก็หมด ลูกต้องเรียนรู้แล้วคิดเอาว่าจะพัฒนาแบบไหนต่อไป”
สายใยครอบครัวที่เหนียวแน่นคือสิ่งยึดเหนี่ยวให้ผู้หญิงคนนี้สู้ชีวิตอย่างไม่ย่อท้อ ไม่ยอมแพ้แก่ความลำบากจนก้าวผ่านมาได้เฉกเช่นปัจจุบัน “ถามว่ามันเหนื่อยไหม เหนื่อยนะ บางทีเราอยากนอนยาวๆ แบบไม่ต้องลุกขึ้นมาเลย เพราะถ้าลุกขึ้นมาต้องเจอเรื่องนั้น เรื่องนี้ที่ไม่อยากเจอ เหนื่อย แต่ถามว่าท้อไหม ไม่นะ เพราะเรารู้ว่าทุกอย่างต้องผ่านพ้นไปได้ ไม่มีทางที่เราจะตายเพราะอุปสรรคเหล่านี้ เดี๋ยวก็หาทางออกได้ แค่อย่าไปจมปลักกับมัน หลายคนถามว่าส้มผ่านปัญหามาได้อย่างไร ยกเราให้เป็นไอดอลของภรรยาที่สูญเสียสามี จริงๆ แล้วส้มไม่ได้เก่งนะ ไม่ได้วิเศษกว่ามนุษย์คนอื่น แต่เพราะเราไม่ได้ตัวเปล่า มีลูก ลูกยังเล็กหากินเองไม่ได้ แม่เราก็แก่ ไม่มีญาติพี่น้องเหลืออยู่ ถ้าเราตาย เขาเหลือน้าสาวคนเดียว แล้วถ้าตายทั้งคู่จะทำยังไง ส้มคิดอย่างเดียวเลยต้องทำให้ลูกๆ ยืนให้ได้ คิดอยู่ในใจตลอดเลยว่ารอด ฉันต้องรอด แล้วส้มก็รอดทุกเรื่องจริงๆ ตอนที่ส้มเรียนเชฟ หลายคนถามเรียนไปทำไม เป็นนางงามก็มีงานเยอะแยะ ไปเรียนเนี่ยทิ้งงานทิ้งเงินมากมาย เราคิดในใจ คอยดูนะวันหนึ่งมันต้องออกดอกผล จนวันนี้เพื่อนๆ บอกว่าเธอคิดถูกแล้วที่ไปเรียน ณ เวลานั้นเราอาจยังไม่เห็นหรอกว่าอนาคตหน้าตาเป็นแบบไหน แต่ส้มรอได้
“ส้มไม่เผื่อใจที่จะผิดหวัง เพราะเรามั่นใจว่ายังไงก็ต้องสำเร็จ แต่ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นในวันสองวันนี้ มันต้องล้ม ไม่มีใครไม่ล้ม ส้มเป็นคนอย่างนี้ คือเชื่อว่าเราต้องสำเร็จ ต้องทำได้ อยากได้ต้องทำให้ได้ ถ้ามองแล้วว่าสิ่งนี้ยังไม่ใช่ก็จะไม่ทำ แต่ถ้าทำ มันก็ต้องได้”
สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตและอยากถ่ายทอดเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังต่อสู้บนสังเวียนชีวิตคือ “อย่าเอาชีวิตเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ทำไมชีวิตเราไม่เป็นอย่างคนนั้น ไม่มีอย่างคนนี้ เราเป็นเรา หยุดการเปรียบเทียบได้เมื่อไหร่ เราก็ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง หากยังคิดว่าทำไมชีวิตฉันเป็นแบบนี้ มีแต่ถดถอย โฟกัสที่ตัวเรา ไม่ต้องไปสนใจภายนอก เชื่อเถอะว่าถ้าตั้งมั่นที่ตัวเรา ทุกอย่างจะสำเร็จ ทุกความสำเร็จเกิดจากจิตใจที่มุ่งมั่นเป็นหลัก ฟังคนอื่นได้แต่ต้องวิเคราะห์อย่าโอนเอนจนหลงทาง เพราะคนที่รู้ดีที่สุดคือตัวเราเอง ทุกปัญหามีทางออก แล้ววันหนึ่งมันจะผ่านไป”
ก้าวต่อไปที่เธอฝันไว้คือการนำประสบการณ์ชีวิตมาถ่ายทอด สร้างแรงบันดาลใจ และช่วยเหลือผู้อื่นในฐานะผู้ที่ผ่านการสูญเสียมาก่อน ทุกคนต้องพบความสูญเสีย แต่จะเลือกเผชิญความสูญเสียนั้นๆ อย่างไร “เราสูญเสียคนที่รักไปคนหนึ่งแล้ว เราต้องไม่สูญเสียตัวเราด้วย ในขณะที่เรายังมีชีวิต ยังต้องกินต้องอยู่ ให้นำความสูญเสียนั้นเป็นบทเรียน เป็นแรงกระตุ้นแล้วไปต่อให้ได้”
บ้านส้ม ขนมสวย
Facebook: @SoSweetbySom
โทร. 09 6551 9963
เครดิตสถานที่
โรงแรมเพรสซิเดนท์ ปาร์ค สุขุมวิท 24
โดยคิงส์ตัน โฮเทลส์ กรุ๊ป
เว็บไซต์ www.presidentpark.com
โทร. 02 661 1000