ท่ามกลางเสียงเพลงอ่อนหวานจากวงดนตรีสด นักร้องสาวร้องเพลงบอสซ่าเสียงชวนฝัน ทุกสรรพสิ่งฉาบด้วยแสงไฟสีเหลืองนวลตา กลิ่นบรรยากาศการสังสรรค์สุดสัปดาห์ของผู้คนและอาหารเลิศรสตรงหน้า สามีของน้ำกำลังเล่าเรื่องตลกในที่ทำงานให้เธอฟังอย่างออกรส แต่สมาธิของเธอกลับไม่ได้จดจ่ออยู่กับเรื่องราวเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย
หญิงสาวพยายามตั้งสติห้ามตัวเองไม่ให้มองไปที่โต๊ะในสุดด้านขวาของร้าน แต่ก็ทำได้ยากยิ่ง ชายหนุ่มคนนั้นก็กำลังลอบมองมาบ่อยๆ เหมือนยังลังเล ไม่แน่ใจ เขานั่งอยู่กับบรรดาเพื่อนชายในโต๊ะ สังสรรค์เฮฮาเสียงดัง
เธอทั้งกลัวและก็ปรารถนา ทั้งอยากและก็ไม่อยาก… ให้เขาได้รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่วันนั้น เธอมีเพศสัมพันธ์กับเขาเพียงคนเดียวมาโดยตลอด…
ทั้งตอนที่เธอเสียความบริสุทธิ์ให้แก่คนรักคนแรก
หรือคืนแต่งงานของเธอกับสามีคนปัจจุบัน
น้ำไม่เคยเป็นอื่น เธอเป็นของเขาทุกครั้ง แม้แต่ในเวลาหลับฝัน
ริมฝีปากของเขายังคงร้อนอยู่บนร่างกายเธอเสมอแม้กระทั่งวินาทีนี้
หลายปีก่อน พี่ไนท์เคยเป็นประธานชมรมยูโด เขาเป็นหนุ่มเนื้อหอม ร่างสูงโปร่ง ผมหยักเป็นลอน และดวงตาสีน้ำผึ้งอ่อนหวานที่ทำสาวๆ ใจละลาย แต่น้ำไม่เคยละลายกับเขา เพราะเธอมีคนรักอยู่แล้ว
ค่ำวันนั้นในห้องซ้อม พี่ไนท์มาช่วยซ้อมให้แทนเพื่อนของเธอที่ปวดท้องกลับบ้านไปก่อน ทั้งคู่ซ้อมกันจนเหลือคู่สุดท้าย ขาของน้ำเริ่มอ่อนแรงแต่ยังไม่ยอมแพ้
ในที่สุดเธอจับชายหนุ่มทุ่มลงกับเบาะได้แต่ตัวเองก็เสียหลักล้มลงไปด้วย
ความร้อนจากผิวหนังที่หน้าท้องของชายหนุ่มแทรกผ่านเนื้อผ้าชุดซ้อมมาสู่หน้าท้องของน้ำ ทั้งคู่หยุดนิ่งสูญเสียการควบคุมร่างกายไปชั่วขณะ ในหูของน้ำได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น เสียงหอบหายใจถี่ของเขา กลิ่นสาบกายบุรุษฟุ้งกระจายออกมากับเหงื่อที่ไหลชุ่ม
วินาทีต่อมาแผ่นหลังของน้ำร้อนผ่าวอยู่บนเบาะซ้อม ปลายจมูกชื้นเหงื่อที่กำลังไล้ข้างแก้มทำเธอหายใจแทบไม่ออก ริมฝีปากเธอสั่นด้วยเหตุที่ไม่ใช่ความหนาว ยอดอกเจ็บแปลบเหมือนจะปริแตก ริมฝีปากนุ่มลื่นร้อนผ่าวเลื่อนลงช้าๆ จนมันได้ปลดเปลื้องความทรมานของน้ำออกจากปลายถัน ปลดเปลื้องเพื่อข้ามผ่านไปสู่ความทรมานอื่นที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่มันก็ไม่ได้เกิดขึ้น!
น้ำผละหลุดออกจากวงแขนร้อนระอุ วิ่งหนีออกมาแล้วไม่เคยกลับไปที่ชมรมนั้นอีกเลย
น้ำเสียความบริสุทธิ์ในคืนต่อจากนั้น ในห้องนอนมิดชิดกับคนที่ถูกต้องตามความคิดของเธอ แม้ตลอดเวลาที่เธอและเขาเคลื่อนไหวในความมืดนั้น น้ำบอกตัวเองแทบไม่ได้ว่าผู้ชายคนที่กำลังชำแรกผ่านร่างกายของเธอเข้ามาคือใครกันแน่ เธอหลั่งน้ำตาแห่งความเจ็บปวดและสุขสมเมื่อถึงจุดสูงสุดแห่งความพอใจในเวลาไล่เลี่ยกับเสียงครางยาวของชายคนรัก
เธอส่ายหน้าเมื่อเขาเช็ดน้ำตาลูบหัวปลอบประโลมแล้วถามเธอว่า ร้องไห้ทำไม เจ็บเหรอ เสียใจหรือเปล่า หญิงสาวโน้มคอเขาลงมาจูบดูดดื่มยาวนาน ที่นอนบนเตียงใต้แผ่นหลังร้อนขึ้นจนเธอนึกถึงความร้อนบนเบาะซ้อมเมื่อค่ำวาน หายใจขาดห้วงสะท้าน หัวใจเต้นแรงเมื่อรู้สึกถึงความเครียดเกร็งของกล้ามเนื้อบางส่วนของเขาอีกครั้ง “เปล่า ไม่มีอะไร”
พี่ไนท์จำเธอได้ในที่สุด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่เดิมจ้องมองเธออย่างประหลาดใจในวินาทีแรกๆ แต่วินาทีต่อๆ มา เหมือนชายหนุ่มตกในอำนาจลึกลับบางอย่าง เมามายในความรู้สึก
พี่ไนท์ลุกจากเก้าอี้ เดินโผเผมาหาเหมือนคนเป็นไข้ หญิงสาวรู้สึกร้อนจนเดือดระอุจากข้างใน ต้องรีบลุกไปล้างหน้าในห้องน้ำ
หญิงสาวกำลังเช็ดหน้าตอนที่ได้ยินเสียงคลิกจากลูกบิดประตู อัศวินหนุ่มนัยน์ตาหยาดเยิ้มเหมือนต้องธนูพิษจากปีศาจแห่งกาม โผร่างเข้ามาหาน้ำรวดเร็วจนเธอตั้งตัวไม่ทัน
หลายปีที่ผ่านมาไม่มีคำพูดที่ค้างคาระหว่างเธอกับเขา มีเพียงความร้อนจากภายนอกและภายในที่ระอุพล่านอยู่ในความทรงจำ
ริมฝีปากของเขายังคงร้อนผ่าวในทุกสัมผัส ร่างกายหญิงสาวตอบรับสัมผัสนั้นผ่านน้ำตาที่รินลงมาอาบแก้ม หายใจติดขัด
“น้ำ…พี่คิดถึงน้ำเหลือเกิน” เขาครางดังคนเพ้อไข้
ปลายนิ้วแข็งแกร่งปลดกระดุมเสื้อเธอเร่งร้อนจนกระดุมเม็ดสุดท้ายขาดหลุดกระเด็นกระดอนหายไป ชุกหน้าลงคลุกเคล้าเฟ้นฟอน น้ำถูกดึงจมดิ่งลงในห้วงลึกล้ำ เมามายในความทรงจำและความรู้สึก เธอกำลังร่ำร้องขอความช่วยเหลือจากใครสักคนให้เธอรอดพ้นจากทะเลสาบแห่งหายนะนี้
แต่แล้วทันใดนั้น ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกด้วยแรงถีบของสามีเธอ…
เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ น้ำไม่เคยสนใจเฝ้ารอการได้พบกันอีก สำหรับเธอแล้วมันไม่มีความหมายใดๆ ในเมื่อเธอเลือกได้เสมอว่าเธอต้องการที่จะอยู่กับใครเวลาไหน โดยไม่จำเป็นต้องหลับตาเสียด้วยซ้ำ ที่ผ่านมาเธอเองก็ไม่เคยทุกข์ทรมานตัวเองด้วยวิธีใดๆ ตรงกันข้าม เธอกลับรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดี
“เจ็บไหม” หญิงสาวประคองมือขวาเรียวบางของสามีขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียด เมื่อสังเกตเห็นรอยฟกช้ำที่ข้อนิ้ว
สามีของเธอมองหน้าเธออย่างค้นหา “น้ำยังไม่ได้เล่าให้ผมฟังเลย ว่าเรื่องมันเป็นยังไง มันทำอะไรน้ำบ้าง ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนของรุ่นพี่น้ำจะแจ้งความจับเข้าตะรางให้เข็ด ไอ้โรคจิต”
“อื้ม… ก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไร ช่างมันเหอะ”
และก็เช่นเดียวกับทุกครั้งที่สามีของน้ำได้ยินคำว่า “ช่างมันเหอะ” และรู้ทันทีว่ามีอะไรมากมายซ่อนอยู่ในประโยคนั้น แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะก้าวก่ายล่วงล้ำพื้นที่ที่หญิงสาวตั้งใจจะสงวน
เขาลูบที่ข้างแก้มแดงช้ำของเธอเบาๆ
“ตัวเองแหละ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า หาหมอไหม”
หญิงสาวผลักร่างของสามีให้เอนลงกับเบาะโซฟา ขยับปีนขึ้นนั่งบนตัวเขา ประคองมือเรียวข้างที่มีรอยช้ำจากการปกป้องเกียรติให้เธอขึ้นมาลูบไล้ที่รอยช้ำข้างแก้มของตน ซึมซับสัมผัสจากปลายนิ้วที่ค่อยๆ ไล้ไล่มาถึงปลายอกชูชันก่อนวิ่งลงไปเดือดพล่านอยู่ในท้องน้อย
เธอแนบตัวลงทาบสามี สูดกลิ่นน้ำหอมผู้ชายและกลิ่นเหงื่อจางๆ จากตีนผมและข้างหูของเขาก่อนกระซิบแผ่วตอบคำถามก่อนหน้า “ไม่เป็นอะไรหรอก อย่าสนใจเลย”
*****************