คำบางคำในสำนวนไทยที่พูดออกเสียงไม่ชัด เช่น อักษร ร, ล,อักษรควบกล้ำ หรือด้วยความคุ้นเคยกับภาษาไทยที่นิยมเสียงสัมผัส ฯลฯ จะทำให้เขียนเพี้ยนไปด้วยจนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านรูปคำ ความหมายและความเปรียบ รวมทั้งไม่ทราบที่มาของสำนวน เช่นคำ “เศร้า” ในสำนวน “รักสามเส้า”, “ตา” ใน “ถี่ลอดตัวช้าง ห่างลอดตัวเล็น”, “กลืน” ใน “ข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า”, “ยิบ” ใน “สู้จนเย็บตา”, “ลา” ใน “ลดราวาศอก”, “คา” ใน “พลัดที่นาคลาที่อยู่”
รักสามเส้า
วันหนึ่งผู้เขียนนั่งดูโทรทัศน์ขณะผู้ประกาศข่าวกำลังรายงานข่าวฆาตกรรมก็มีข้อความปรากฏหน้าจอว่า “ปัญหารักสามเศร้า ผัวฆ่ากิ๊กเมีย”ในที่นี้การใช้ว่า “รักสามเศร้า” ไม่ใช่สำนวนเปรียบ เพราะมีความหมายตรงตามตัวอักษรว่าความรักของคนทั้งสามที่น่าเศร้า ถ้าจะใช้เป็นสำนวนเปรียบต้องเขียนว่า “รักสามเส้า”
คำ “เส้า” ในสำนวน “รักสามเส้า” หมายถึงวัตถุเช่นก้อนดินหรือก้อนหิน 3 ก้อนที่นำมาวางชิดกันเป็น 3 มุมเพื่อใช้เป็นที่ตั้งหม้อข้าวหม้อแกง สำนวน “รักสามเส้า” จึงถูกนำมาเปรียบกับความรักของคน 3 คนที่เป็นปัญหาจนทำให้เกิดการวิวาทฆ่าฟันกันเพราะความหึงหวง เช่น ขณะที่ชาวบ้านจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันว่าทำไมลุงอึดซึ่งปกติเป็นคนสุขุมเยือกเย็นและใจดีถึงได้กระหน่ำแทงเจ้าเชิดเด็กหนุ่มคราวหลานตายคามือ คนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า “แกคงเหลืออดจะไม่ให้แค้นได้ยังไง ไอ้หนุ่มแอบมาเป็นกิ๊กของเมียสาวของแก แกเคยขอร้องให้เลิกหลายหนก็ไม่สนใจนี่แหละปัญหารักสามเส้าที่ทำให้ชีวิตพังทลาย”
ถี่ลอดตัวช้าง ห่างลอดตัวเล็น
คำ “ถี่” แปลว่ามีระยะหรือช่องว่างชิดๆ กัน (คือไม่ห่าง)ช้างเป็นสัตว์สี่เท้าที่ตัวใหญ่กว่าสัตว์ทั้งปวง ส่วนเล็นเป็นแมลงชนิดหนึ่งจำพวกเหาที่ตัวเล็กมากจนแทบมองไม่เห็น ดังนั้นความหมายตามตัวอักษรของ “ถี่ลอดตัวช้าง ห่างลอดตัวเล็น” คือไม่ถี่จริงเพราะช้างทั้งตัวสามารถลอดได้ และไม่ห่างจริงเพราะแม้ช่องว่างเล็กๆตัวเล็นก็สามารถลอดได้
ส่วน “ถี่ลอดตัวช้าง ห่างลอดตัวเล็น” ซึ่งนำมาใช้เป็นสำนวนเปรียบจะมีความหมายว่าดูเหมือนรอบคอบถี่ถ้วนแต่ไม่รอบคอบถี่ถ้วนจริง หรือหมายถึงประหยัดในสิ่งที่ไม่ควรประหยัดแต่กลับไม่ประหยัดในสิ่งที่ควรประหยัด ซึ่งเป็นการกระทำที่ได้ไม่คุ้มเสีย เช่น ติ๊กอวดเสื้อซึ่งเพิ่งซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าที่กำลังอยู่ในช่วงลดราคาครั้งใหญ่ให้พี่สาวดูบอกว่าซื้อมาราคาถูกมาก ตุ๊กจับเสื้อพลิกไปมาแล้วชี้ให้น้องดูพร้อมกับพูดว่า “เห็นไหมจ๊ะเนี่ย ด้ายตรงตะเข็บเริ่มขาดเป็นช่วงๆ พี่สงสัยว่าคงค้างสต๊อกมานานหลายปี อย่างนี้ซักไม่กี่ทีก็ขาด วันหลังซื้อของใหม่ๆ ใช้ดีกว่าจะได้คุ้ม อย่าทำเป็นถี่ลอดตัวช้าง ห่างลอดตัวเล็นไปหน่อยเลย บางทีเธอกินข้าวมื้อหนึ่งแพงกว่าเสื้อตัวนี้อีก”
บางคนใช้สำนวน “ถี่ลอดตัวช้าง ห่างลอดตัวเล็น” เป็น “ถี่ลอดตาช้าง ห่างลอดตาเล็น” คำ “ตัว” เป็น “ตา” ทำให้สื่อความหมายของสำนวนไม่ชัดเจน
สู้จนเย็บตา
“สู้จนเย็บตา” มีความหมายตรงตามตัวอักษรว่าสู้จนตาฉีกจนถึงกับต้องเย็บแผลให้ติดกัน มีที่มาจากการชนไก่ (ตีไก่) คือระหว่างการชนกันไก่บางตัวถูกคู่ต่อสู้จิกตีจนตาฉีก เจ้าของต้องเย็บแผลให้สดๆ แล้วค่อยชนกันต่อ
เมื่อนำ “สู้จนเย็บตา” มาใช้เป็นสำนวนจะมีความหมายว่าสู้กันจนถึงที่สุด คือสู้ไม่ถอย เช่น ครูส้มเล่าให้เพื่อนครูฟังถึงเรื่องการทะเลาะถึงขั้นชกต่อยกันของเด็กชายเด่นกับเด็กชายหนึ่งนักเรียนร่วมห้องชั้นประถมปีที่สองตอนหนึ่งว่า “เจ้าหนึ่งตัวเล็กนิดเดียว ส่วนเจ้าเด่นสูงใหญ่กว่ามาก แต่เชื่อไหมเจ้าหนึ่งไม่กลัวซักนิดมันสู้จนเย็บตา ในที่สุดก็ถูกอาจารย์ใหญ่ลงโทษทั้งคู่”
มีผู้ใช้สำนวน “สู้จนเย็บตา” เป็น “สู้จนยิบตา” คือใช้คำ “เย็บ” เพี้ยนเป็น “ยิบ” ทำให้สื่อความหมายแปลกๆ ไม่เข้าที เพราะยิบแปลว่ายิ่ง เช่น ละเอียดยิบ ถี่ยิบ
เรื่อง: ยุพร แสงทักษิณ
ภาพ: ปัญจพร มะโนมัย