-๕-
………….
ความตายซึ่งเคยเงียบเชียบค่อยๆ กึกก้องขึ้นในเสียงโจษจัน อาคารแปดชั้นซึ่งมีคนตาย ศพยังคาไว้ในห้องชุดสองส่วนขนาดเก้าสิบตารางเมตร บางกระแสข่าวลือบอกว่าใหญ่โตขึ้นไม่หยุดหย่อน ตอนนี้ก็ขนาดเท่ากับลูกช้างน้อยวัยสามเดือน บ้างก็ว่าเท่ากับรถเก๋งขนาดกลางที่จอดเกลื่อนอยู่ในลานซีเมนต์ของคอนโดมิเนียม แม่บ้านและช่างซ่อมบำรุงซึ่งไปเห็นด้วยตาต่างยืนยันถึงขนาดเรือนร่างอันไร้ลมหายใจที่ใหญ่โตอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
นวลกับชิตซึ่งเป็นหนึ่งในแม่บ้านและช่างซ่อมบำรุงไม่ได้ร่วมกระจายข่าว ทั้งสองได้แต่รู้สึกสงสารผู้ตาย ทั้งนึกเห็นใจพ่อของหญิงสาวจะต้องแก้ปัญหาที่จะตามมา ในวันที่นิติบุคคลติดป้ายเรียกประชุมเจ้าของร่วม ทั้งสองจึงถอยออกไปคอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ
สมเจตต์ น้อมอารี ผู้จัดการใหญ่หน้าเข้มวัยสี่สิบเจ็ดปีเลือกตอนสายวันหยุดนัดประชุม กรรมการทั้งหกคนมากันพร้อมหน้า เจ้าของร่วมจากทั้งหมดสองตึกสามสิบเอ็ดรายมากันไม่ถึงครึ่ง ที่ให้ความสำคัญกับการประชุมมากกว่าครั้งก่อนซึ่งเคยปล่อยปละละเลยไม่สนใจ เป็นเจ้าของร่วมซึ่งติดประกาศขายห้องชุดของตนไว้ที่บอร์ดหน้าลิฟต์ และตามเสาไฟฟ้าริมถนน รวมทั้งลงแจ้งความในหน้าโฆษณาของนิตยสารบ้านและที่ดิน พวกเขาต่างต้องการให้งานศพในคอนโดมิเนียมผ่านพ้นไปโดยเร็ว ไม่ควรมีปัญหายืดเยื้อ ยิ่งสดับฟังข่าวแปลกประหลาดของขนาดศพที่ไม่สามารถผ่านประตูอาคารไปได้ พวกเขายิ่งเป็นกังวล บางคนถึงกับดึงป้ายประกาศขายของตนออกไปจากกระดานข่าว
หากศพยังขยายใหญ่โตขึ้นไม่หยุด ความมหัศจรรย์พันลึกแบบนี้ยากจะคาดเดาได้ถูก บางทีอาจเท่าช้างสามสิบเชือกรวมกัน ถึงตอนนั้นอาคารทั้งหลังที่รับน้ำหนักไม่ไหวอาจพังครืนลงมา อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าขนาดไม่ได้ใหญ่โตเท่าที่วิตกจริตกัน นานวันเข้า อาจไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ ถ้าศพไม่สามารถนำออกจากตึกหลังนี้ได้ก็จะส่งกลิ่นเหม็นกระจายไปทั่ว กลายเป็นคอนโดมิเนียมผีสิงซึ่งต่อให้ขายถูกยังไงก็หาคนซื้อยาก
เมื่อผู้จัดการใหญ่นำปัญหาเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อขอความเห็นจากเจ้าของร่วม โดยเขาแจ้งความจำนงของญาติผู้ตายที่ต้องการจะเจาะผนังอาคารเพื่อหย่อนศพลงข้างล่าง เพราะไม่อาจหาทางออกด้านอื่น และญาติผู้ตายยินดีว่าจ้างช่างให้ซ่อมแซมผนังที่ถูกเจาะคืนกลับในสภาพเดิม
เจ้าของร่วมซึ่งประสงค์จะขายต่อห้องชุดของตนมองหน้ากันไปมา จนกระทั่งมีเสียงแย้งดังสวนขึ้น
“ไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิมหรอก ผนังตึกจะมีรอยต่อ ชำรุดง่าย ดีไม่ดีจะมีสภาพน่าเกลียด”
คนผู้นี้เป็นหญิงวัยกลางคน เธอเป็นเจ้าของห้องชั้นล่าง พูดเสียงดังหนักแน่นแล้วก็หันไปสบตากับคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งน่าจะมีจำนวนกว่าห้าสิบคน
“ถ้าไม่ให้เขาทลายผนังตึกเปิดทาง ศพก็ถูกขังเอาไว้แบบนี้ ไม่นานก็คงเหม็นกันไปทั่ว” เจ้าของร่วมอีกรายซึ่งประสงค์จะขายห้องชุดสวนกลับ
หญิงวัยกลางคนเจ้าของห้องชุดชั้นล่างรายเดิมลุกขึ้นพูด “ให้เขาเจาะผนังห้องของเขาเองสิ เอาศพออกไปทางโรงแรมก็ได้”
อีกด้านของกำแพงคอมโดมิเนียมฝั่งทิศตะวันออกคือ พาราไดซ์ คันทรี ปาร์ค โรงแรมใหญ่ระดับสี่ดาวในอาณาบริเวณกว่าสองร้อยไร่ เจ้าของเป็นนักธุรกิจใหญ่ ถัดจากขอบกำแพงใต้ระเบียงห้องชั้นแปดของสุพรรณิการ์เป็นสระน้ำและสวนหย่อมซึ่งจัดแต่งอย่างสวยงาม ข้อเสนอนี้พอมีทางเป็นไปได้ หากเจ้าของโรงแรมอนุญาต และเป็นการดีที่จะโยนภาระให้กับญาติผู้ตายไปหาทางเจรจาด้วยตัวเอง
เจ้าของร่วมซึ่งประสงค์จะขายห้องชุดเข้าประชุมไม่ถึงยี่สิบคน พวกเขาพยายามผลัดกันแย้งและเสนอความเห็นทำนองว่า ถ้าปล่อยให้นานออกไป ปัญหาอื่นจะตามมา เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ญาติผู้ตายจะเจรจากับเจ้าของโรงแรมสำเร็จ
เสียงแตกออกเป็นสองฝ่าย ขัดแย้งจนโต้เถียงกันเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายผู้จัดการต้องให้เจ้าของรวมทั้งหมดลงคะแนน
บรรดาเจ้าของร่วมซึ่งมักเป็นเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมทุกทีมากันพร้อมหน้า ทั้งหมดเป็นตัวแทนเจ้าของโครงการที่ไม่ยอมขายห้องชุดไปทั้งหมด คงไว้ให้เช่าเพื่อกุมเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุม และทำสำเร็จไปด้วยดีทุกครั้ง ไม่ว่าการเลือกบริษัทเข้ามาดูแลบัญชี เลือกคณะกรรมการ รวมทั้งการจัดซื้อและเลือกผู้รับเหมามารับงานซ่อมแซมอาคารในส่วนที่ชำรุด ทั้งหมดหารือจนได้ข้อสรุปแล้วก่อนเข้าร่วมประชุม
ปล่อยให้ญาติผู้ตายหาทางออกเอาเอง ใครจะมาทำให้ผนังตึกเกิดรอยร้าวไม่ได้เป็นอันขาด
เป็นเรื่องยากสำหรับสมพลที่จะเข้าหานักธุรกิจใหญ่อย่างเจ้าของโรงแรม ช่างไม้บ้านนอกไม่เคยติดต่อธุรกิจ และไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสถานที่สวยงามแบบนั้น หลังรู้ผลมติที่ประชุมเจ้าของร่วม แกเปิดประตูระเบียงมองต่ำลงไปยังสันกำแพงที่โรยด้วยเศษแก้ว และขึงด้วยลวดหนามสำทับอีกถึงสี่ชั้นระยะห่างจากริมระเบียงห้องซึ่งแกยืนอยู่ไปยังพื้นล่างและลิบตาประหนึ่งก้นเหว เป็นไปได้หรือที่จะหย่อนโลงศพลูกสาวของแกจากที่ตรงนี้
พื้นซีเมนต์ว่างเลียบกำแพงฝั่งเดียวกับคอนโดมิเนียมเป็นทางเดินเท้าแคบๆ เป็นไปไม่ได้ที่โลงศพยักษ์ขนาดบรรจุรถเก๋งได้ทั้งคันจะถูกโรยลงไปตรงนี้ และหากข้ามสันกำแพงไปยังพื้นที่ของโรงแรมใหญ่จะต้องใช้แรงคนจำนวนมาก
ด้านขวามือของแกเป็นสระน้ำใสสะอาด ผิวน้ำสะท้อนเงาท้องฟ้าและลึกลงไปถึงพื้นกระเบื้อง ทางด้านซ้ายเป็นสวนหย่อมเขียวชอุ่มไปด้วยไม้ยืนต้นและพุ่มดอกไม้ ห่างออกไปราวห้าหกเมตร เป็นพื้นซีเมนต์โล่งต่อด้วยช่องทางเดิน
อาจต้องใช้เครนยักษ์ รวมทั้งสายสลิงเพื่อดึงโลงศพมหึมาที่ถูกหย่อนลงไปยังพื้นซีเมนต์โล่ง ทำแบบนั้นได้ก็ต้องใช้ทั้งรถเครนและจำนวนคน แต่สำคัญที่สุดเหนืออื่นใดทั้งหมด เจ้าของโรงแรมต้องเข้าใจถึงความจำเป็นแล้วอนุญาต
ผนังห้องที่ออกสู่ระเบียงส่วนหนึ่งเป็นกระจก อีกส่วนเป็นซีเมนต์ ไม่ยากที่จะให้ช่างเจาะทลายเปิดช่องด้วยความระมัดระวังไม่ให้กระเทือนห้องชุดข้างเคียง ทั้งนี้ทั้งนั้น แกคงต้องบากหน้าเดินไปโรงแรมเพื่อขอร้องเจ้าของบอกกล่าวถึงความจำเป็น
หากจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก แกก็ต้องบากหน้าไปกู้หนี้ยืมสินจากญาติพี่น้อง ถ้าหนักหนากว่านั้น แกยังมีบ้านและที่ดินเอาไว้จำนอง
สุพรรณิการ์นอนสงบอยู่ที่เดิม แขนขวาที่เคยยื่นออกมารับการรดน้ำถูกคลุมไว้มิดชิด เช่นเดียวกับปลายเท้าทั้งสองข้าง วันก่อนชมนาดพยายามหากรรไกรมาตัดเล็บให้พี่สาว ด้วยขนาดเล็บมือและเท้าที่ใหญ่โตขึ้นตามสรีระส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเดินไปสอบถามคนขายกี่ร้าน กรรไกรตัดเล็บขนาดใหญ่สุดเท่าที่มีวางขายก็เล็กเกินความต้องการ
สมพลนำไม้เนื้อแข็งและแผ่นกระดานเข้ามาในห้องนั่งเล่นของลูกสาวแล้ว แกยังไม่ได้ก่อประกอบเข้าด้วยกันแม้แต่ชิ้นเดียว ขนาดที่กะด้วยสายตา และใช้ตลับเมตรวัดไปสองครั้ง ขนาดลูกสาวของแกคงที่แล้ว ไม่ได้ขยายหรือแห้งเหี่ยวลงไปจากวันก่อน ปัญหามากมายที่แกยังต้องกังวล ต่อให้โลงประกอบเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว แกกับลูกสาวอีกสองคนก็ไม่สามารถบรรจุร่างของสุพรรณิการ์ลงไปได้ หรือต่อให้ทำได้ แกก็ไม่อาจยกหามออกไปจากห้องและอาคารหลังนี้
ช่างไม้นัยน์ตาเศร้าลึกทรุดนั่งลง เอนหลังพิงผนังห้อง เพ่งมองร่างสงบนิ่งของลูกสาวพร้อมถอนหายใจเบาๆ
แกคล้ายสัมผัสถึงความเศร้าแห่งดวงวิญญาณของผู้จากไป ในกรงขังของเมืองใหญ่ที่โอบล้อมไว้หลายชั้น แกหวนนึกถึงวันแรกที่ลูกสาวเดินทางจากบ้านมาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ เธอร่าเริงเบิกบานเปี่ยมด้วยความหวัง เวลาผ่านไปไม่นาน เธอค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตของคนเมืองใหญ่ได้อย่างกลมกลืน ถึงกระนั้นทุกครั้งที่กลับไปเยี่ยมบ้านเกิด ยามเดินเหินอยู่กลางสวนดอกไม้ วัยเยาว์อันแจ่มใสร่าเริงยังสิงอยู่ในร่างเจ้าเนื้อที่เคลื่อนไหวคล่องแคล่วเหมือนเด็กตัวน้อยๆ
ดวงวิญญาณของเธอคงร่ำไห้กับกรงขังในความมืด ใช่… สมพลแน่ใจว่าโลกหลังความตายอันลี้ลับของดวงวิญญาณซึ่งยังไม่พบพานอิสรภาพย่อมถูกขังอยู่ในความมืดมิดที่น่ากลัว ถึงแม้ร่างที่แกเห็นนอนสงบอยู่นี้ไม่เคยหลั่งน้ำตา แต่ดวงวิญญาณของเธอที่ล่องลอยหาทางออกและจุดหมายที่จะไปไม่ได้ ย่อมเจ็บปวด เดียวดาย และทุกข์ทรมาน
แกไม่อาจหยิบทั้งเลื่อยและค้อน ไม่มีแก่ใจจะประกอบเหล็กเส้น ไม้เนื้อแข็ง และแผ่นไม้กระดานเข้าด้วยกัน รอจนชมนาดกับพวงชมพูเดินออกมาจากห้องนอน แกค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
“ชม อาบน้ำซะ แล้วแต่งตัวดีๆ เราจะไปโรงแรมกัน”
สมพลบอกกับลูกสาวเหมือนออกคำสั่ง ขณะตัวแกเองก็ต้องแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าดีที่สุดเช่นเดียวกัน
เป็นครั้งแรกในชีวิตของสามพ่อลูกที่ก้าวล้ำเข้าสู่อาณาบริเวณของโรงแรมใหญ่ ภาพเบื้องหน้าของทั้งสามไม่เหมือนตอนที่มองลงมาจากระเบียงคอนโดมิเนียม ตึกโรงแรมสูงสามสิบชั้นดูใหญ่โตยิ่งขึ้นในความรู้สึก ถนนสายเล็กๆ ที่เชื่อมจากประตูทางเข้าประดับด้วยด้วยพุ่มดอกไม้ และบางช่วงช่อดอกชมพูพันทิพย์บานสะพรั่งบนกิ่งไหวฟ้อนลมร้อนอยู่เหนือหัวคนที่เดินผ่าน
ชมนาดเรียนจบพยาบาลจากมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด เข้ากรุงเทพฯ มาเยี่ยมพี่สาวและธุระอื่นหลายครั้ง กระนั้นเธอก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนบ้านนอก ไม่คุ้นเคยกับเมืองหลวง เคยไปเยี่ยมอาจารย์หมอซึ่งย้ายมาสอนในกรุงเทพฯ กว่าจะไปถึงจุดที่หมาย เธอก็หลงทิศหลงทางไปหลายรอบ
ก้าวเข้าตึกใหญ่ถึงบริเวณล็อบบี้ เธอปล่อยให้พ่อกับน้องสาวนั่งรอที่โซฟา เดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ รอยยิ้มอ่อนโยนฉายขึ้นจากใบหน้าประชาสัมพันธ์สาวซึ่งยังไม่รู้จุดประสงค์ของแขกที่เดินตรงเข้ามา
เป็นเรื่องยากที่ชมนาดจะเรียบเรียงเรื่องราว และอธิบายความได้ครบถ้วนในเวลาอันสั้น เธอเริ่มต้นเอ่ยถึงจุดประสงค์ต้องการพบเจ้าของโรงแรม
ประชาสัมพันธ์สาวหุบยิ้มลงทันที จ้องหน้าผู้มาเยือนซึ่งอ่อนวัยกว่าด้วยสายตาฉงน เธอทำงานที่นี่มาห้าปี แทบไม่เคยพบหน้าค่าตาหรือเห็นตัวจริงของเจ้านาย หญิงสาวคนนี้เป็นใครถึงได้มาขอพบง่ายๆ
“คุณเป็นใครหรือคะ”
ประชาสัมพันธ์ถาม และได้คำตอบจากชมนาดว่าเป็นพยาบาล ว่าแล้วก็ชี้ไปยังโซฟาซึ่งพ่อกับน้องสาวนั่งเคียงคู่กัน “ดิฉันมากับพ่อและน้องสาว มีธุระสำคัญมากๆ ที่จะต้องพูดกับเจ้าของโรงแรมโดยตรง”
ชมนาดสวมกระโปรงยาวสีเข้ม เสื้อแขนสั้นสีฟ้าอ่อน แต่งหน้าและทาปากจางๆ เรือนผมปล่อยยาวประบ่า น้ำเสียงและสีหน้าที่ดูจริงจัง และไม่ได้มีอะไรคล้ายคนเสียสติ ประชาสัมพันธ์สาวบอกความจริงว่า
“ท่านเจ้าของโรงแรมไม่ได้อยู่ที่นี่นะคะ ดิฉันเองก็ไม่มีความสามารถที่จะติดต่อท่านให้คุณได้ คุยกับผู้จัดการก่อนไหมคะ เผื่อเขาจะรับเรื่องของคุณไปเรียนเจ้านายอีกที”
ชมนาดพาร่างบอบบางกลับไปนั่งรอที่โซฟาสมทบกับพ่อและน้องสาว กว่าครึ่งชั่วโมงชายวัยกลางคนหัวเถิกรูปร่างอวบท้วมก็เดินตรงเข้ามาพร้อมหญิงสาวอีกคนหนึ่ง เขาแนะนำตัวด้วยท่าทีสุภาพ ผม… ณัฐพล ครับ เขายิ้มอ่อนโยนก่อนจะก้าวมานั่งลงเบื้องหน้าสามพ่อลูก
ชมนาดเป็นคนเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้จัดการหนุ่มใหญ่ในชุดสูทสีเข้มรับฟัง จบกระบวนความทั้งหมดแล้ว เธอเอ่ยทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงขอความเห็นใจ
ขณะนิ่งรับฟังริมฝีปากของผู้จัดการขยับยิ้มขึ้นหลายครั้ง แรกคล้ายขบขันกับเรื่องราวที่ได้รับฟัง จ้องตาชมนาดเหมือนพยายามจับผิดนักเล่านิทานโกหก ฟังจบแล้วเขาก็พูดขึ้นเป็นครั้งแรก
“ต่อให้ที่คุณเล่ามาเป็นความจริงทั้งหมด เรื่องที่คุณจะขอร้องเจ้านายผมก็ไม่น่าเป็นไปได้ โรงแรมนี้ราคากี่ร้อยล้าน แล้วสระว่ายน้ำและสวนหย่อมสวยๆ ที่จะกลายเป็นทางศพผ่าน ธุรกิจเจ๊งหมดสิคุณ”
เขาหันไปทางพวงชมพูซึ่งนั่งนิ่งอยู่ข้างกายสมพล แววตาเจิดจ้าของเธอเหมือนผลักให้อีกฝ่ายก้มหน้าหลบ กล่าวเสียงจริงจังว่า “ในส่วนตัวผมก็รู้สึกเห็นใจ ถ้าจะให้คำแนะนำ พวกคุณลองไปคุยกับเจ้าของร่วมทางคอนโดอีกครั้ง แล้วหาทางออกร่วมกัน”
สามพ่อลูกบอกลาผู้จัดการโรงแรม เดินฝ่าแดดร้อนกลับทางเดิม สมพลเดินไหล่ตกลู่ราวกับปัญหาที่ไม่อาจแก้ไขทั้งหมดทับอยู่บนนั้น แม้แกไม่ได้ตั้งความหวังอะไรมากมายกับเจ้าของโรงแรม แต่ก็เป็นฟางอีกเส้นหนึ่งที่พอจะคว้าไว้ได้ ครั้นแล้วทุกอย่างก็หลุดลอยไป
แกจะพาลูกสาวกลับบ้านเกิดได้อย่างไร ตั้งคำถามในใจแล้วก็แหงนหน้ามองระเบียงคอนโดมิเนียมอีกครั้ง ลูกสาวของแกถูกขังอยู่ในนั้น ไม่มีทางออก นอกจากแกจะมีเงินมากพอซื้ออาคารทั้งหลัง แล้วจัดการฌาปนกิจไปพร้อมร่างสุดท้ายของสุพรรณิการ์
ทั้งสามเดินลอดกิ่งก้านชมพูพันทิพย์ซึ่งโปรยช่อดอกร่วงลงเกลื่อนพื้นซีเมนต์ ค่อยๆ ผ่านป้อมยามออกสู่ถนนซอย ไม่มีเสียงพูดคุย นอกจากแววตาแสนเศร้าที่หันไปสบสานกันเป็นบางครั้ง
ทั้งสามลับสายตาไปแล้ว ณัฐพลผู้จัดการโรงแรมยังหันยิ้มขบขันไปทางเลขาสาว
“หน้าซื่อๆ ท่าทางบ้านนอกๆ แต่เล่านิทานโกหกได้เป็นตุเป็นตะ มีที่ไหนในโลก คนตายแล้วโตขึ้นเกือบเท่ารถเก๋ง พวกสิบแปดมงกุฎ”
……………………………………
อ่านทุกตอนคลิ๊กที่รูป