-๓-
………….
สมพลแทบข่มตาหลับไม่ลง มุมห้องแห่งนี้เป็นที่ซึ่งแกเคยหลับอย่างเป็นสุขทุกครั้งที่เดินทางมาเยี่ยมลูกสาว คอนโดย่านชานเมืองในซอยลึกเงียบสงบ ไอเย็นจากหย่อมสวนร่มรื่นโรงแรมใหญ่อีกฝั่งกำแพงเผื่อแผ่มาถึงห้องนอนที่แง้มบานเกล็ดไว้ ทุกครั้งที่เขามาเยี่ยมและพักนอนในห้องเดียวกัน สุพรรณิการ์รู้ดีว่าพ่อไม่ชอบเครื่องปรับอากาศ เธอจะปิดและหมุนบานเกล็ดหน้าต่างรับลมเย็นจากภายนอก
ลูกสาวสองคนหลับไปนานแล้ว ขณะที่สมพลยังลืมตามองเพดานในความมืด ฝนพรำลงมาเบาๆ ในช่วงดึก น้ำตาที่กลั้นเอาไว้เมื่อตอนกลางวันค่อยๆ ไหลออกมา แกนึกถึงลูกสาวคนโตที่นอนหลับสนิทอยู่ในอีกห้อง เป็นการหลับลงในชั่วนิรันดรไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีก
แกนึกถึงภาพสุพรรณิการ์เมื่อครั้งเธอยังเด็ก ในสวนดอกไม้หลังบ้านที่เมียของแกปลูกไว้ขายเป็นรายได้ส่วนหนึ่งของครอบครัว เด็กหญิงแก้มยุ้ย ดวงตากลมโต น้ำเสียงกังวานแจ่มใส สวมกระโปรงสีสดวิ่งลัดเลาะไปตามเนินพุ่มกอไม้ดอก แม่ถือสายยางรดน้ำจากอีกด้านหนึ่ง แล้วรีบวางลงเมื่อแลเห็นลูกสาวสะดุดเท้าตัวเองล้มคว่ำ
แกผละจากงานไม้เบื้องหน้า แทนที่จะร้องไห้จ้าตามประสาเด็กงอแงทั่วไป สุพรรณิการ์หัวเราะคิกๆ อย่างพึงใจที่หลอกพ่อกับแม่ได้สำเร็จ เนินดินที่เธอวิ่งเล่นมารอบแล้วรอบเล่า เป็นโลกซึ่งเธอคุ้นเคยและเติบโตมากับมัน แกล้งสะดุดเท้าล้มลงเพื่อเรียกร้องอ้อมกอดของพ่อกับแม่
ที่ดินหลังบ้านสิบห้าไร่เศษ ดอกไม้นานาพันธุ์หายไปหลังจากผู้ดูแลเสียชีวิต ร่างของเธอถูกฝังไว้บนเนิน ในรอบปีกัลปพฤกษ์หกต้นจะพร้อมกันทิ้งใบร่วงโปรย แล้วก็ผลิดอกบานสะพรั่ง บ่อยครั้งที่สมพลจะพาลูกสาวทั้งสามคนไปวางช่อดอกไม้ และนั่งลงพร้อมกันข้างหลุมฝังศพ แกอยากให้ลูกๆ คุ้นเคยกับที่ตรงนี้ และสักวันหนึ่งถ้าแกจากทุกคนไป ร่างของแกก็ควรถูกฝังไว้เคียงข้างกับเมียคู่ชีวิต
เสียงฝนจากหายไปกับความมืด แว่วเสียงอึ่งอ่างจากหย่อมหญ้าย่านชานเมืองคล้ายบทเพลงหลังฝนกลางท้องทุ่ง สมพลปล่อยน้ำตาไหลพรากไปกับภาพความหลัง ตระหนักถึงภารกิจที่จะทำต่อเนื่องในวันพรุ่งนี้ ใจจริงแล้วแกอยากพาสุพรรณิการ์กลับบ้านเกิด ฝังร่างของเธอไว้เคียงข้างแม่ผู้จากไปเมื่อสามสี่ปีก่อน หากด้วยระยะทางที่แสนไกลบวกกับความยากลำบากที่จะจัดการ แกก็คงทำได้เพียงย้ายศพเธอไปวัด ฌาปนกิจเสร็จแล้วรอเก็บอัฐิ แน่นอน… แกจะนำกลับไปบ้านเกิดและฝังไว้ใต้ร่มเงากัลปพฤกษ์
ความเศร้าโอบรัดหัวใจของคนเป็นพ่อ แทนที่จะให้ลูกๆ เป็นฝ่ายนำร่างของแกไปฝัง กลับเป็นแกเองที่จะต้องนอนหลั่งน้ำตากับการสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้น นานแล้วที่แกไม่ได้สวมกอดลูกสาวคนโต อาจเกือบปีที่แกไม่ได้มาเยี่ยมและสุพรรณิการ์ก็ห่างหายจากบ้านเกิดเพราะงานรัดตัว
ห่างปลายเท้าแกไปไม่กี่ฟุต โต๊ะทำงานของลูกสาวยังรกไปด้วยปึกต้นฉบับ ปกหนังสือที่ยังออกแบบไม่เสร็จ เอกสารปึกหนาที่วางซ้อนกัน และหนังสือทั้งเก่าใหม่กองพะเนิน สมพลรู้ว่าสุพรรณิการ์ทำงานหนักต่อเนื่อง ไม่เพียงไม่มีวันหยุดเหมือนใครอื่น กลับมาถึงที่พักแล้วยังต้องจัดการกับงานพิเศษที่รับมาทำ นอนดึก ตื่นเช้า บางคืนแกโทรมาคุยด้วยความเป็นห่วง ตีสองแล้ว แกลองโทรดูว่าลูกสาวปิดโทรศัพท์มือถือหรือไม่ พบว่าสุพรรณิการ์ยังนั่งจัดหน้าหนังสือ เธอบอกแกว่าเขานัดรับงานสัปดาห์หน้า หนูจะทำไม่ทัน
ครั้นแล้วจู่ๆ สุพรรณิการ์ก็ได้หลับลึกลงชั่วนิรันดร สำหรับหญิงสาวผู้หนึ่งที่เติบโตมาท่ามกลางดอกไม้บาน ได้ทำงานตามที่เคยฝันไว้ ส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่ เกื้อกูลน้องๆ ตามกำลังความสามารถ เธอได้ทำหน้าของตัวเองดีที่สุดแล้วเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำได้
ในฐานะช่างไม้มืออาชีพ สมพลตั้งใจไว้เป็นแม่นมั่น แกจะไปซื้อไม้เนื้อดีมาประกอบโลงศพด้วยตัวเอง แม้สุดท้ายแล้วมันจะถูกเผาไหม้ไปพร้อมร่างของลูกสาว แต่ถือว่าแกได้ตอบแทนน้ำใจของลูกคนนี้ด้วยน้ำมือของตัวเอง
แกเผลอหลับไปกับคราบน้ำตาบนเรือนแก้มและความมุ่งหวังตั้งใจ รู้สึกตัวตื่นกับแสงแดดที่ส่องสาดผ่านบานเกล็ดเข้ามา และแว่วเสียงขันคูของนกเขาจากสองฟากเมือง เสียงขันที่ทอดท่วงเป็นระยะคล้ายลอยมาจากจากยอดตึกสูง สมพลสัมผัสถึงความเป็นชีวิตชนบทแฝงมากับบทเพลงขามเช้า
ลูกสาวสองคนยังหลับอยู่ฟูกนวม สมพลลุกขึ้นยืนแล้วเหลือบมองบนโต๊ะทำงานของสุพรรณิการ์ด้วยสีหน้าสะท้อนใจ น่าจะมีงานคั่งค้างมากมายที่เธอไม่อาจทำได้สำเร็จลุล่วง สมพลไล่สายตาไปบนกระดาษวาดรูป หยุดลงที่กำไลข้อมือที่ถูกถอดวางไว้บนโต๊ะ
แกนึกถึงค่ำคืนสุดท้ายของลูกสาว เธอคงทำงานดึกดื่นอีกเช่นเคย กลางความโดดเดี่ยวของเมืองใหญ่ซึ่งเธอคุ้นคุ้นเคยกับมันจนกลายเป็นวิถีชีวิต พลังแห่งความมุ่งมั่นทุ่มโถมลงจนรู้สึกง่วงและอ่อนล้า เธอบอกตัวเองว่าไม่อาจไปต่อได้อีก ปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกขึ้นเตรียมตัวอาบน้ำ ถอดกำไลข้อมือวางลง
หันไปมองเตียงที่กลายสภาพของลูกสาวอีกครั้ง ชมนาดลืมตาขึ้นมาช้าๆ ขยับปากจะเอ่ยทักทายพ่อ ครั้นรู้สึกตัวว่านอนอยู่ที่ตรงไหนและในสถานการณ์เช่นใด เธอจับไหล่น้องสาวเขย่า
ม่านบางเบาของมู่ลี่ที่กั้นระหว่างสองห้องสั่นไหวกับลมที่พรูกระทบ ทันทีที่เท้าสามคู่ก้าวผ่านไปออกไป และดวงตาทั้งสามจ้องไปยังเรือนร่างที่นอนสงบ นอกจากพร้อมกันตกตะลึงไปชั่วครู่แล้ว พวงชมพูเบิกตาจ้องพร้อมซวนเซเข้าเข้าหาพ่อ
ผ้ากำมะหยี่สีดำผืนใหญ่ซึ่งคลุมร่างสุพรรณิการ์เอาไว้มิดชิดตลอดวันที่ผ่านมา บัดนี้เป็นเหมือนผืนผ้าเล็กกระจ้อยที่วางแปะไว้ตรงส่วนบนสุด เผยเนื้อหนังเปล่าเปลือยด้านล่าง ทั้งสีข้าง สะโพก และลำแขนที่วางขนานแนบลำตัว ขนาดของร่างกายทุกส่วนบวมพองใหญ่โตขึ้นอีกกว่าเท่าตัว
ในชั่วข้ามคืนที่คนเป็นๆ ตื่นขึ้นมาตัวเท่าเดิม ขณะคนตายที่ไม่ได้ดื่มกินอาหาร และไม่อาจสูดลมหายใจเข้าออก กลับเจริญเติบใหญ่อย่างไม่หยุดยั้ง
สมพลกอดลูกสาวคนเล็กไว้ในวงแขน วูบแรกที่แกนึกได้ที่ต้องรีบจัดการก็คือผืนผ้าคลุมร่างสุพรรณิการ์ แกต้องออกไปซื้อหาผ้าผืนใหญ่ที่สุด ไม่แน่ว่าอีกวันผ่านไป ผ้าผืนใหญ่ที่ว่าอาจเล็กลงไปอีกเมือเทียบกับร่างผู้ตายที่ไม่หยุดขยายตัว
โลงไม้ที่คิดจะทำแต่แรกก็เช่นเดียวกัน แกอาจซื้อไม้จำนวนมากมาเตรียมไว้ รอจนสถานการณ์เติบใหญ่ของลูกสาวสงบแล้วค่อยประกอบงาน
ครั้นสมพลคิดอะไรขึ้นได้อีกอย่าง สีหน้าแกพลันเผือดซีดเหมือนเลือดทุกหยดในร่างหายไป ดวงตาเจือรอยหม่นจ้องมองร่างลูกสาวสลับกับช่องประตูซึ่งถูกซ่อมให้ปิดและเปิดได้ตามปกติ
ปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้าที่จะนำมาแต่งตัวให้สุพรรณิการ์ รวมทั้งผ้าผืนใหญ่ที่เตรียมจะออกไปซื้อ สมพลขมวดคิ้ว เม้มริมฝีปากเข้าหากัน ปัญหาหนักอันน่าวิตกบรรยายฉากของมันขึ้นในจินตนาการ
แกจะต้องไปปรึกษากับทางวัด พูดคุยกับฝ่ายนิติบุคคลของคอนโดมิเนียม และไม้ที่จะมาประกอบเป็นโลงต้องซื้อหาให้เหมาะสมกับทั้งจำนวนและขนาด
พ่อกับน้องสาวออกไปธุระและซื้อข้าวของ ชมนาดปิดประตูลงกลอน คู้เข่าลงจ้องมองดวงตาที่หลับสนิทของสุพรรณิการ์ หลากความรู้สึกรินผ่านหัวใจของเธอไปเหมือนธารนับสิบสาย ความรัก ความผูกพัน และความห่วงใยทั้งหลายทั้งปวงแปรเปลี่ยนเป็นกระแสเศร้าที่ซึมลงกุมความรู้สึกทั้งมวล กลั้นฝืนน้ำตาและสลัดก้อนสะอื้น มือบอบบางของพยาบาลสาวค่อยๆ ดึงผ้ากำมหยี่ออกจากร่างของพี่สาว เธอทำความสะอาดให้ผู้ตายไปสองรอบแล้ว ตั้งใจทำซ้ำอีกครั้งก่อนพ่อจะกลับมาพร้อมผ้าผืนใหม่ ถ้าพ่อรอบคอบมากพอน่าจะสั่งร้านตัดชุดกระโปรงตัวใหญ่ที่เหมาะกับรูปร่างซึ่งไม่อาจเปลี่ยนไปมากกว่านี้ของสุพรรณิการ์
รูปร่างของชมนาดเคยมีส่วนสูงไล่เลี่ยกับพี่สาว ทว่าถึงตอนนี้ ความหนาของเรือนร่างที่นอนเหยียดยาวสูงเลยบั้นเอวของเธอ อาจไม่หยุดเพียงเท่าที่เห็น หรือว่าพี่สาวของเธอยังไม่ตาย เพียงแค่หยุดหายใจไปชั่วขณะ
ชมนาดสัมผัสผิวเนื้ออันเย็นเยียบของพี่สาว มือน้อยๆ ของเธอบรรจงกดลงตรงช่องท้อง อะไรที่บวมพองขึ้นมา น้ำ ไขมัน หรือว่ากล้ามเนื้อ กดแล้วเธอก็ไม่อาจให้คำตอบกับตัวเองได้ เมื่อวานนี้เธอโทรหาอาจารย์หมอถกกันถึงประเด็นดังกล่าว บางความเห็นและคำแนะนำของอาจารย์ทำเอาเธอนิ่งเงียบไปนาน เพราะหากจะให้รู้ถึงสาเหตุแท้จริงแล้ว อาจารย์บอกว่าต้องผ่าศพพิสูจน์
เช็ดทำความสะอาดร่างมหึมาของพี่สาวจนจบกระบวนการแล้ว ชมนาดคลุมผ้าไว้อย่างเดิม แหวกม่านมู่ลี่ผ่านเข้าห้องนอนไปยังโต๊ะทำงานของพี่สาว ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ เมื่อวานนี้เธอโทรศัพท์แจ้งข้าวไปถึงสำนักพิมพ์ที่สุพรรณิการ์ทำงาน ขอสายบรรณาธิการบริหาร หลังถูกสอบประวัติจากเลขากองฯ อยู่พักใหญ่ เธอได้เรียนถึงสถานการณ์ชีวิตของสุพรรณิการ์กับคุณสุภาวดี บก.บห. ด้วยตัวเอง อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปนานหลายอึดใจหลังรับรู้ข่าวร้าย แล้วรำพึงด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย น้องสุเป็นคนน่ารักมาก วันก่อนเขายังร่าเริง ไม่มีทีท่าจะเจ็บไข้ได้ป่วย
สุพรรณิการ์จากไปอย่างกะทันหัน ไม่มีคำสั่งเสียใดๆ กับใคร เป็นหน้าที่ของผู้ยังอยู่จะต้องประสานงานในส่วนซึ่งยังคาค้าง ชมนาดรู้ว่าพี่สาวรับงานจากหลายแห่ง ทั้งออกแบบปกหนังสือและจัดหน้าต้นฉบับ ผู้ว่าจ้างอาจจะตั้งตารอโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่อาจสานต่อภารกิจคั่งค้างได้สำเร็จ
จากนามบัตรในลิ้นชักและเบอร์โทรศัพท์ที่สุพรรณิการ์บันทึกไว้ในเครื่อง ชมนาดค่อยๆ โทรไปแจ้งข่าวความตายของพี่สาว
ทุกครั้งที่เอ่ยออกไป คุณสุพรรณิการ์เสียชีวิตแล้วนะคะ ตากลมโตสองชั้นที่เคยเปี่ยมงามด้วยประกายพลันหมองลง อึดอัดใจที่จะต้องให้รายละเอียดเมื่อปลายสายอีกด้านถามกลับมา อุบัติเหตุใดหนอที่ทำให้ความตายจู่โจมเข้ามากะทันหันเช่นนี้
ยังไม่ได้รวบรวมงานคั่งค้างที่จะต้องส่งกลับคืนผู้ว่าจ้าง ชมนาดเปิดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะของพี่สาว เฟซบุ๊กที่สุพรรณิการ์ล็อกอินคาไว้ รูปโปรไฟล์ของเธอยังเป็นสาวหวานยิ้มแย้มแจ่มใส ข่าวที่ชมนาดส่งถึงหน่วยงานต้นสังกัดถูกแพร่กระจายออกไป เพื่อนร่วมงานคนแรกเข้ามากล่าวไว้อาลัย ตามด้วยคนที่สอง สาม สี่ ห้า เท่ากับข่าวอันน่าเศร้าแพร่กระจายออกไปถึงคนที่เคยรู้จัก ทั้งเพื่อนสนิทในวัยเด็กและเพื่อนร่วมรุ่นจากสถาบันการศึกษา
ชมนาดจำหน้าตาของชายหนุ่มคนที่เข้ามาเขียนไว้อาลัยคนแรกได้จากรูปถ่าย บ่อยครั้งที่สุพรรณิการ์ถ่ายรูปคู่กับหนุ่มผมยาวผู้นี้ แล้วก็นำมาลงอวดเพื่อนๆ จนใครต่อใครกระเซ้าว่าเป็นคู่รัก ชมนาดไม่เคยถามพี่สาวตรงๆ ว่าแท้แล้วมีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันแค่ไหน เหตุผลก็คือเธอไม่ควรก้าวล่วงเรื่องส่วนตัวของผู้อื่น หากพี่สาวจะมีคู่รักก็เป็นเรื่องน่ายินดี ยิ่งความสัมพันธ์คืบหน้าดีงามจนปลงใจแต่งงานก็ยิ่งเป็นเรื่องต้องสนับสนุน
ชมนาดไม่อาจตามอ่านได้ครบทั้งหมด ทั้งตัวอักษรและรูปภาพเก่าๆ ของพี่สาวเริ่มพร่ามัวกับม่านน้ำตา เธอปิดคอมพิวเตอร์ลงเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู
ยังไม่ทันเดินไปหมุนลูกบิดเปิดประตู เสียงกริ่งโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น กดรับสาย คนที่โทรหาเป็นบรรณาธิการบริหารของสำนักพิมพ์
“ไม่ทราบว่าตอนนี้ศพของน้องสุอยู่วัดไหน ทางสำนักพิมพ์อยากรับเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมสามวัน แล้วก็… เพื่อนรวมงานของน้องสุก็อยากไปร่วม”
ประตูไม่ได้ลงกลอน สมพลตะโกนให้สัญญาณเสียงจากข้างนอกแล้วใช้กุญแจลูกบิดอันใหม่เปิดเข้ามา ชมนาดคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วก้าวผ่านประตูที่เชื่อมระหว่างสองห้องมาหยุดยืนจ้องไปในทิศทางเดียวกับพ่อและน้องสาว
รูปร่างที่ใหญ่โตอยู่แล้วแต่เดิมของสุพรรณิการ์ขยายกว้างออกไปอีก จากรุ่งเช้าถึงบ่ายเพียงไม่กี่ชั่วโมง ลับสายตาคนอื่นๆ ไปไม่นาน เรือนร่างที่ไม่อาจสูดลมหายใจเข้าออกกลับพองโตขึ้นอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดยั้ง
ทั้งสามยืนตกตะลึง นิ่งเงียบ ร่างเล็กๆ ของพวงชมพูโผเข้าสู่อ้อมกอดของพ่ออีกครั้ง
……………………………………
อ่านทุกตอนคลิ๊กที่รูป