-๒-
………….

หญิงสาววัยยี่สิบแปดสิ้นลมหายไปเมื่อรุ่งเช้าที่ผ่านมา เดียวดายเหมือนนกป่าที่บินหลัดหลงเข้าเมืองเพียงลำพัง ไร้ซึ่งคนดูใจและไม่มีคำสั่งเสีย ข้อความที่ส่งเข้าโทรศัพท์มือถือของพ่อร้องขอความช่วยเหลือสั้นๆ ประหนึ่งเป็นเสียงสุดท้ายที่เธอพยายามเปล่งออกไป

ไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียวจากช่างไม้วัยกลางคน นอกจากสีหน้าหดหู่จากความปวดร้าวใจ ลูกสาวที่แกเลี้ยงมากับมือ ร่าเริง แจ่มใส กล้าหาญ แข็งแกร่งตลอดมา และเธอก็เป็นที่รักของทุกคน

เธอจากบ้านเกิดมาทำงานในกองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ตั้งแต่เรียนจบ สมพลยังจำสีหน้าระรื่นของลูกสาวคนนี้ได้ดี หลังจบการฝึกงานที่สำนักพิมพ์เดินทางกลับบ้าน เธอโผเข้ากอดแม่พร้อมรายงานข่าวอันน่ายินดี แม่ขา หนูได้งานแล้ว เป็นงานที่หนูชอบมากๆ ด้วย

ผละจากอ้อมแขนแม่เธอโผเข้าหาสมพล “หนูได้ทำหนังสือจริงๆ ด้วยพ่อ เหมือนฝันเลย”

รูปร่างกลมป้อม ส่วนสูงร้อยหกสิบสองเซนติเมตร น้ำหนักตัวดูจะเพิ่มมากขึ้น ความเป็นคนรักสวยรักงาม รู้จักแต่งตัว แม้รูปร่างไม่ค่อยจะสมส่วนแต่เธอก็เลือกสรรชุดกระโปรงสีสันลวดลายสดใสมาสวมใส่ช่วยให้ตัวเองดูดีเสมอ

เริ่มจากพนักงานประจำกองบรรณาธิการ เงินเดือนไม่มากนัก เช่าหอพักราคาถูกใกล้ที่ทำงาน ทุกเดือนเจียดแบ่งเงินที่เหลือส่งมาให้พ่อแม่ จนกระทั่งตำแหน่งสูงขึ้น รับงานออกแบบปกและจัดหน้าจากสำนักพิมพ์อื่น เงินเก็บสะสมมากพอแล้วค่อยเอ่ยปากบอกพ่อแม่ “หนูจะซื้อบ้านที่กรุงเทพฯ”

คำว่าบ้านดูใหญ่โตเหลือเกินในความรู้สึกของคนต่างจังหวัด ถึงห่วงใยแค่ไหน ครั้นเป็นความประสงค์ของลูกสาว พ่อแม่ไม่ได้ห้ามปรามหรือมีความเห็นแย้ง จนกระทั่งสมพลมาเห็นบ้านของลูกสาวด้วยตาตัวเอง ลอยฟ้าอยู่บนชั้นแปด ขนาดคับแคบเพียงเก้าสิบตารางเมตร แบ่งเป็นห้องนอนและห้องพักผ่อน สมพลเองก็ถึงกับถอนหายใจกับบ้านของลูกสาวซึ่งเหมือนนกน้อยทำรังแต่พอตัว ครั้นถามถึงราคาแกถึงกับนิ่งอึ้งไปนาน

“ผ่อนยาวจนถึงหนูอายุเจ็ดสิบปีค่ะพ่อ ไม่ตายก่อนหนูคงใช้หนี้แบงก์จนหมด ถ้าตายก่อน แล้วหนูไม่ได้แต่งงาน ไม่มีลูก หนูก็จะยกให้ยายพู”

พี่สาวใหญ่กับน้องคนเล็กอายุห่างกันถึงสิบเจ็ดปี ภายหลังที่แม่เสียชีวิตจากไป สุพรรณิการ์ปฏิบัติต่อพวงชมพูเหมือนแม่คนที่สอง นอนในห้องเดียวกัน ช่วยสอนการบ้านและอ่านหนังสือด้วยกัน ทุกครั้งที่พ่อพามาเยี่ยมพี่สาวที่กรุงเทพฯ พวงชมพูก็ได้นอนเตียงเดียวกันกับสุพรรณิการ์อีกครั้ง

ปีใหม่และครบรอบวันเกิดของน้องสาว สุพรรณิการ์ไม่เคยลืม ถึงไม่ได้กลับเยี่ยมบ้านเธอก็จะส่งของขวัญไปให้

แม่เสียชีวิตจากไปตอนพวงชมพูอายุย่างแปดปี เธอจำความได้และรู้จักความตายของคนใกล้ตัวหนแรก หลังงานศพเธอยังคร่ำครวญหาแม่ แล้วรู้ความจริงในเวลาต่อมาว่าแม่ไม่มีวันหวนกลับมาเดินเหินบนโลกใบนี้ได้อีก ความตายคือการจากพรากชั่วนิรันดร

พวงชมพูโผซบสีข้างของพ่อไม่นานก็หลั่งน้ำตาออกมาเงียบๆ เธอรู้ดี พี่สาวก็เหมือนแม่ตอนที่จากทุกคนในครอบครัวไป

นี่คือการจากพรากที่ไม่มีวันหวนคืน

 

สมพลเดินทางไปสำนักงานเขต นิมนต์พระวัดใกล้ที่สุด ติดต่อสัปเหร่อ โทรศัพท์แจ้งข่าวของลูกสาวคนโตถึงญาติมิตรที่อยู่ในเมืองหลวง รอจนชมนาดลูกสาวคนรองเดินทางมาถึง ค่อยให้เธอเป็นธุระติดต่อรองศาสตราจารย์แพทย์หญิงหรือที่เธอเรียกอาจารย์หมอซึ่งเคยสนิทสนมสมัยเรียนพยาบาล

ชมนาดรู้ข่าวการเสียชีวิตของสุพรรณิการ์ล่วงหน้าแล้วก่อนออกเดินทาง ครั้นมาเห็นรูปร่างที่เปลี่ยนไปของพี่สาวด้วยตาของตัวเอง ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วถึงกับเผือดซีดด้วยความตื่นตระหนก นิ่งงันอยู่ชั่วขณะแล้วหลั่งน้ำตาออกมาเงียบๆ แม้อายุห่างกันเพียงห้าปี แต่พี่สาวใหญ่เป็นประดุจร่มไทรของน้องๆ หลังแม่จากไป เป็นทั้งที่ปรึกษายามเธอเผชิญกับปัญหาต่างๆ พึ่งพายามเดือดร้อนเรื่องเงิน สร้อยทองหนักหนึ่งบาทบนลำคอของเธอ สมาร์ทโฟนที่ใช้ รวมทั้งเสื้อผ้าข้าวของต่างๆ เป็นพี่สาวที่ออกทุนซื้อให้ทั้งหมด

ช่างซ่อมบำรุงของคอนโดมิเนียมและพนักงานรักษาความปลอดภัยมาช่วยกันจัดแต่งพื้นที่ ยกโซฟาชำรุดออกไป ร่างสงบนิ่งของสุพรรณิการ์นอนราบบนพื้น ห่มคลุมด้วยผ้ากำมะหยี่สีดำ ขณะชมนาดหยิบเครื่องแต่งหน้าออกมาจากกระเป๋า น้ำตาที่หลั่งเป็นสายยังไหลริน แล้วเธอก็สะอื้นพร้อมร้องไห้เสียงดังอย่างไม่อาจกลั้นฝืนไว้

ร่างที่นอนนิ่งอยู่เบื้องหน้าก็คือพี่สาวซึ่งชมนาดเคยสวมกอด ทว่าบัดนี้ต่อให้สองแขนของเธอยาวกว่าเดิมเป็นสองเท่าก็ไม่สามารถโอบรอบ ในฐานะพยาบาลวิชาชีพ เธอไม่อาจวิเคราะห์หรือวินิจฉัยถึงสาเหตุการเสียชีวิตของพี่สาว ไม่ว่าโรคร้ายที่ทำให้หัวใจหยุดเต้น หรือเหตุแห่งความใหญ่โตของเรือนร่างที่เพิ่มขนาดขึ้นในชั่วข้ามคืน

สมพลกับลูกสาวตัวน้อย อาจารย์หมอและญาติกลุ่มเล็กๆ เข้ามาอยู่ในห้องกันพร้อมหน้า ชมนาดแต่งตัวให้พี่สาวเสร็จเรียบร้อยแล้ว รองศาสตราจารย์หญิงวัยหกสิบสองให้ความเมตตาแนะนำเรื่องน้ำยาฉีดศพ พร้อมรายละเอียดเรื่องการดูแลรักษาสภาพ หากจะต้องเก็บไว้ร้อยวัน หรือนานกว่านั้นจะต้องทำอย่างไรบ้าง

ขณะเพ่งมองร่างของผู้ตาย อาจารย์หมอไม่ได้ออกความเห็นถึงสาเหตุ ไม่ว่าแกจะพลิกตำราวิชาการในหัวออกมาคลี่อ่านกี่เล่มก็ไม่สามารถหาศาสตร์ไหนมาอ้างอิงได้เลย หากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง แกก็คงไม่เชื่อว่าคนผู้หนึ่งจะเติบใหญ่ได้รวดเร็วเพียงชั่วไม่ถึงข้ามคืน

อาจต้องผ่าพิสูจน์ข้างในว่าที่อ้วนและบวมพองขึ้นมาเป็นน้ำหรือไขมัน หรือว่า… จากสาเหตุอื่นที่ไม่เคยมีกรณีตัวอย่างให้เห็นมาก่อน

แม้ไม่เชื่อในปาฏิหาริย์ใดๆ และไม่เชื่อในสิ่งที่ไม่อาจพิสูจน์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ แต่บางเรื่องที่ไม่อาจอ้างอิงด้วยหลักเหตุผล สงบปากสงบคำไว้ดีที่สุด

รองศาสตราจารย์ผู้เป็นที่รักของลูกศิษย์อยู่ร่วมจนพิธีสวดอภิธรรมคืนแรกจบสิ้น แขกร่วมงานเพียงหยิบมือเดียวแยกย้าย พระสี่รูปเดินทางกลับวัด ทิ้งสามพ่อลูกและผู้เสียชีวิตที่นอนราบอยู่บนพื้นไว้ในห้องชุดย่านชานเมือง ขณะราตรีกาลติดปีกบินตามเข็มนาฬิกาอย่างไม่เคยหยุดพัก

ทั้งสามเข้าไปนอนในห้องของสุพรรณิการ์ เตียงที่พังราบลงช่างซ่อมบำรุงช่วยกันดึงส่วนล่างออกไปจนเหมือนฟูกหนาห่อผ้ารองวางทาบพื้น ชมนาดก้มหยิบตุ๊กตาหมีซึ่งเค้เก้ติดผนังห้องขึ้นมา ชั่งใจอยู่ชั่วครู่ว่าจะนำไปวางไว้ข้างกายพี่สาว หรือเก็บไว้ในที่ไหนสักแห่ง เธอรู้ นี่คือเพื่อนข้างกายที่เคยให้ความอบอุ่นกับสุพรรณิการ์ยามค่ำคืน ทดแทนหมอนข้างที่ดูไร้ชีวิตยิ่งกว่า ลังเลอยู่ชั่วขณะแล้วเธอก็นำไปวางไว้ข้างโต๊ะเครื่องแป้ง

ชมนาดเหลือบไปเห็นกีตาร์โปร่งเก่าๆ อายุกว่าสิบปีแขวนอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า ภาพความหลังฉายขึ้นพร้อมกังวานเสียง และบทเพลงที่พี่สาวเคยร้องคลอ นี่คือข้าวของเครื่องใช้อีกชิ้นหนึ่งที่สุพรรณิการ์รักและหวงแหน ลงทุนหอบหิ้วมาจากบ้านเกิด

สองพี่น้องคุ้นเคยเตียงซึ่งเคยมานอนกับพี่สาว ขณะชมนาดกับพวงชมพูนอนเคียงคู่กันบนเตียงซึ่งกลายสภาพเป็นฟูกทาบพื้น สมพลเลือกมุมห้องติดผนังอีกด้านเป็นที่พักผ่อน เครื่องปรับอากาศถูกปิดไปแล้ว ไม่ใช่เพราะคืนนี้เย็นยะเยือกเกินไป หากเป็นเพราะสมพลเกรงว่าอวลอายของเครื่องทำความเย็นจะนำพากลิ่นไม่พึงประสงค์ขจรขจายไปรบกวนห้องอื่นๆ

 

คอนโดมิเนียมสูงแปดชั้นอายุสิบปีเศษ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเสียชีวิตลงในห้องชุด ช่องทางเดินทุกชั้นไม่เคยเป็นทางผ่านของโลงศพ พระจากวัดต่างๆ ไม่เคยได้รับการนิมนต์มาสวดอภิธรรมธรรม สุพรรณิการ์นับเป็นคนแรกที่ได้รับเกียรติอันสูงส่งนี้

ข่าวความตายแพร่ออกไปในแวดวงสังคมเล็กๆ จากปากช่างซ่อมบำรุงและพนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งพวกเขามาช่วยกันยกร่างมหึมาของเธอลงจากโซฟาชำรุด แพร่ออกไปสู่ร้านค้าและผู้ที่คุ้นหน้าคุ้นตากับหญิงสาวหน้าตายิ้มแย้มซึ่งมักเดินเท้าออกไปสู่ปากซอยตามลำพังในช่วงเช้าตรู่

พนักงานรักษาความปลอดภัยยืนยันถึงความเป็นหญิงสาวจิตใจดีของสุพรรณิการ์ พวกเขามักได้รับของฝากเป็นขนม ผลไม้ และของกินอื่นๆ บ่อยครั้ง

“ไม่น่าอายุสั้น คนดีๆ แบบนี้”

ภมรเป็นอีกปากที่บอกข่าวการเสียชีวิตของสุพรรณิการ์สู่คนอื่นๆ ทั้งแม่บ้านและเจ้าของร่วมที่แวะมาจ่ายค่าส่วนกลาง ผู้จัดการนิติบุคคลคุ้นตากับหญิงสาวผู้ตายเช่นเดียวกัน เป็นเจ้าของร่วมอีกคนที่ไม่เคยจ่ายค่าส่วนกลางล่าช้า

แม้ภมรและแม่บ้านทุกคนจะเป็นเพียงพนักงาน แต่บ่อยครั้งพวกเขาทำตัวเป็นเจ้าของตึกในฐานะผู้คุมกฎ สำหรับหญิงสาวร่างอวบยิ้มง่ายไม่เคยสร้างปัญหา แม่บ้านวัยสี่สิบเศษถึงกับยกมือทาบอกในทันทีที่รู้ข่าว

“น่าสงสาร อายุยังไม่ถึงสามสิบด้วยมั้ง”

แม่บ้านประจำอาคารทั้งหมดสามคน แม้บางครั้งพวกเธอจะหลงเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของอาคารทั้งหลัง แต่ถึงกระนั้นยังเหลือเสี้ยวนาทีให้ตระหนักถึงความเป็นจริง ยามได้รับน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากเจ้าของร่วม ไม่ว่าของกิน เสื้อผ้าเก่า เครื่องใช้ไฟฟ้า ตู้ เตียง และเฟอร์นิเจอร์ชราภาพที่เจ้าของโละทิ้ง เป็นรายได้ส่วนหนึ่งของพวกเธอนอกจากขวดพลาสติกและเศษของเหลือใช้อื่นๆ ในถังขยะ

แม่บ้านอายุน้อยที่สุดชื่อนวลซึ่งเป็นผู้กระจายข่าวต่อเพื่อนๆ น้ำเสียงของเธอเศร้าสร้อยราวกับสูญเสียญาติสนิท สุพรรณิการ์เป็นเจ้าของร่วมที่มีน้ำใจต่อเธอเสมอมา ได้รับของขวัญราคาแพงทั้งวันเกิดและปีใหม่ ในรอบเดือนเธอจะเข้าไปทำความสะอาดห้อง และทุกๆ สัปดาห์เธอจะเข้าไปรับเสื้อผ้าของสุพรรณิการ์มาซักรีด ฉะนั้นการจากไปของหญิงสาวผู้นี้ พารายได้ส่วนหนึ่งของนวลหดหายไปด้วย

นวลรำพันกับเพื่อนแม่บ้านด้วยกัน “คนดีๆ มักอายุสั้น”

นวลมาถึงคอนโดมิเนียมที่ทำงานก่อนคนอื่นๆ ฟ้ายามรุ่งสางต้นฤดูร้อนหม่นมัวด้วยกลุ่มเมฆ เธอยังไม่ปิดไฟเลียบกำแพง ปกติเธอจะขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นแปด เริ่มเก็บขยะจากบนสุดไล่ลงมาจนถึงชั้นล่าง แผนงานในเช้านี้ยังคงเป็นไปเช่นเดิม ขณะเธอจะยื่นการ์ดเสียบประตู ชะงักมือค้างในทันทีที่นึกถึงความตายของหญิงสาว และชั่วเสี้ยวนาทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เธอขนลุกซู่พรอมกับยืนตัวแข็ง ประตูลิฟต์ที่เปิดกว้าง ไม่มีเงาของใครโผล่ออกมา

ช่วงเวลาเดียวกันในรุ่งเช้าของบางวัน นวลเคยสวนทางกับสุพรรณิการ์ที่หน้าลิฟต์ ยิ้มแย้มทักทายราวกับญาติสนิทหรือมิตรที่คุ้นเคยกัน บางวันสุพรรณิการ์จะบอกให้นวลไปรับผ้ามาซักตอนเย็น ในห้วงความตายอันเงียบกริบคืบคลานกลิ่นอายสู่ความรู้สึกของคนในตึก นวลยืนตกตะลึงเพียงครู่เดียวก็ตั้งสติได้ เธอสอดการ์ดเปิดประตู ยิ้มเขินอายให้กับความขวัญอ่อน ย้ำบอกตัวเองอีกครั้ง หากหญิงสาวผู้จากไปกลายเป็นผีเร่ร่อน เธอไม่เห็นจะต้องกลัว เธอเชื่อตามคำที่ผู้หลักผู้ใหญ่เคยบอกเล่า คนดีเมื่อตายไปแล้วก็จะต้องเป็นผีที่ดี

หากเจอผีสุพรรณิการ์เข้าจริงๆ นวลก็หวังใจว่าจะส่งยิ้มให้อย่างคุ้นเคย พร้อมส่งคำอวยพรด้วยหัวใจ นิ่งคิดชั่วครู่แล้วเธอก็วางแผนล่วงหน้า นานแล้วเธอไม่ได้เข้าวัดทำบุญ ไม่พรุ่งนี้ก็ไม่เกินอีกสองสามวัน เธอจะขอแลกเวรกับเพื่อนแม่บ้าน ซื้อของมาทำบุญตักบาตรพระสักเช้า อุทิศส่วนกุศลทั้งหมดให้กับสุพรรณิการ์

ประตูลิฟต์ปิดไปแล้ว ช่องทางเดินใต้แสงไฟไม่มีเงาผู้คน ยามเช้าของวันหยุดยาวยังหลับอยู่ใต้ความเงียบนิ่ง

 

……………………………………


 อ่านทุกตอนคลิ๊กที่รูป 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่