-๑๕-
………….
มวลมหาชนย่านชานเมืองฝั่งตะวันตกพากันแตกตื่นกับฝูงเฮลิคอปเตอร์นับสิบลำที่บินร่อนต่ำลงเกือบเฉียดยอดตึกสูง เสียงกระหึ่มดังแข่งกันก้องหูกลุ่มคนทุกวัย ใบหน้าเงยแหงนของพวกเขามองสูงขึ้นไป สายตาจับจ้องสองลำที่ร่อนตีคู่ต่ำลงจนใกล้ยอดตึกชื่นสุขคอนโดมิเนียม ไม่ว่าคนเฒ่าคนแก่ไปจนถึงเด็กวัยเกินเจ็ดขวบต่างรู้จักสุพรรณิการ์จากข่าวสารซึ่งถูกประโคมเหนือทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรอบกว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องราวของเธอยังติดริมฝีปากของพ่อบ้านแม่บ้านในวงข้าว กระแสซุบซิบนินทา และการสนทนาแลกเปลี่ยนระหว่างเพื่อนบ้านในแทบทุกชุมชน
สื่อทุกสำนักไม่ว่าสิ่งพิมพ์รายวัน สื่อออนไลน์ วิทยุ และโทรทัศน์ต่างเคลื่อนขบวนยาตราทัพกันมาทำข่าว สื่อใหญ่ทุนสูงทั้งในและต่างประเทศพร้อมสรรพกันทั้งภาคพื้นดิน และเหินฟ้าด้วยเฮลิคอปเตอร์ของทางสถานี รถโมบายถ่ายทอดสดยึดครองจุดต่างๆ พร้อมจะเสนอภาพข่าวในมุมที่คิดว่าสวยงามที่สุดออกสู่สายตาผู้ชม
เป็นวันท้องฟ้าแจ่มใส แสงแดดร่าเริงตั้งแต่ก้าวแรกของทิวากาล ย่างเข้าสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายนซึ่งโลกในภูมิภาคนี้พร้อมเดือดระอุและอบอ้าว ว่ากันว่าเป็นเดือนแห่งเทศกาลอันชุ่มฉ่ำ และการคืนกลับภูมิลำเนาของแรงงานพลัดถิ่น สุพรรณิการ์เองตอนยังมีชีวิตก็มิได้รับการยกเว้น
ผู้คนหลากวัยออกมาจับกลุ่มตามริมถนน ลานโล่งหน้าห้างสรรพสินค้า ริมแม่น้ำ และบนดาดฟ้าตึกสูงอีกหลายแห่ง ปฐมบทแห่งความอบอ้าวซึ่งพัฒนาการขึ้นตามแสงแผดจ้าของดวงอาทิตย์ทำเอาพวกเขาต่างยกมือปาดเหงื่อบนใบหน้าที่เงยแหงน ไม่เพียงรายรอบคอนโดมิเนียมชื่นสุข ในรัศมีที่ไกลออกไปเป็นหลายสิบกิโลเมตรก็เต็มไปด้วยกลุ่มคนกระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ
ต่างจังหวัดแต่ละหัวเมืองก็ไม่แพ้กัน แม้ไม่อาจมองเห็นเฮลิคอปเตอร์สองลำร่อนต่ำลงระหว่างยอดตึกชื่นสุขคอนโดมิเนียม และพาราไดซ์ คันทรี ปาร์ค โรงแรมหรูที่สุดแห่งย่านด้วยสายตาของตน แต่ภาพการถ่ายทอดสดของโทรทัศน์แต่ละช่องพร้อมคำบรรยายเร้าความรู้สึก และโน้มดึงพวกเขาเข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งสุพรรณิการ์กลับสู่ภูมิลำเนา
ครูเจนจิราและเพื่อนครูต่างโรงเรียนพร้อมลูกศิษย์ตัวน้อยจับกลุ่มกันอยู่หน้าโทรทัศน์จอใหญ่ ศิษย์รุ่นน้องร่วมคณะในมหาวิทยาลัยพร้อมใจกันไปรวมกลุ่มกันในโรงยิม นำโทรทัศน์จอยักษ์มาติดตั้งไว้ทั้งสองด้าน เปิดไว้ทั้งช่องฟรีทีวียอดนิยม และสถานีดาวเทียมซึ่งเคยนำเสนอเรื่องราวของสุพรรณิการ์ พวกเขาสวมเสื้อสีเหลืองประหนึ่งสุพรรณิการ์ช่อใหญ่งามตระการ
ไม่มีกล้องทีวีช่องไหนจับภาพได้ชัดเจน ขณะหีบเหล็กมหึมาสีดำเคลื่อนออกจากระเบียงด้านทิศตะวันออกของคอนโดมิเนียม โซ่ที่มัดคล้องไว้แน่นหนาพาหีบยักษ์ลอยไปตามแรงฉุดเฮลิคอปเตอร์สองลำของกองทัพอากาศ ค่อยๆ ลอยสูงขึ้นเหนือยอดตึกทะลุกลุ่มเมฆจางซึ่งลอยตัวต่ำ
อาทิตย์ สุขประพฤติ แยกทีมกับหญิงสาวที่เคยเคียงข้างกายในรายการเล่าข่าว วันนี้เขาถือไมโครโฟนยืนสู้หน้ากล้องตามลำพัง เหนือฉากหลังอันพราวพรั่งด้วยกลุ่มคนในเสื้อผ้าหลากสี หลังปล่อยให้ภาพถ่ายทอดสดเคลื่อนไหลไปตามหน้าที่ของมัน อาทิตย์กล่าวย้อนหลังถึงความเป็นมาของสุพรรณิการ์ในแต่ละด้านตามบทที่เตรียมไว้ หญิงสาวที่จากบ้านเกิดมาสู่เมืองหลวง ความฝันที่ไม่เคยหยุดเดินทาง เธอเป็นทั้งหญิงทำงาน นักเขียน กวี จิตรกร นักร้อง สไตลิสต์ และแม่ทัพใหญ่ของครอบครัว
สุพรรณิการ์ติดปีกบินลอยสูงขึ้นเหนือยอดตึก ฮ.ทั้งสองลำที่ช่วยกันหิ้วหีบยักษ์ต่างจงใจชะลอช้าและบินค้างอยู่ตรงจุดเดิมเป็นเวลานาน อ้อยอิ่งให้กล้องโทรทัศน์แต่ละช่องได้ทำหน้าที่ถ่ายทอดภาพปฐมบทแห่งการเดินทางสู่บ้านเกิด สลับกับที่ไล่จับภาพสีหน้าผู้คนซึ่งเงยแหงนมองตาม พลางยกมือขึ้นโบกสลอนราวกับฝักถั่วในสวนกว้าง หญิงชราใบหน้าเหี่ยวย่นตามริมถนนใหญ่ผลัดกันหลั่งน้ำตาด้วยความปลาบปลื้มใจ
ในที่สุดหญิงสาวผู้สร้างมหากาพย์มหัศจรรย์ในช่วงเวลาอันสั้นก็ได้กลับคืนบ้านเกิด
ท้ายที่สุดเธอติดปีกบินสูงสู่ฟ้ากว้าง ขณะดวงตายังหลับพริ้ม และสีหน้ายังเอิบอิ่มเหมือนเจ้าหญิงนิทรา
ผู้คนจำนวนเรือนล้านซึ่งติดตามข่าวคราวของเธอจากสื่อที่นำเสนอต่อเนื่องเหมือนอ่านนิยายตอนต่อตอน ค่อยๆ ถูกดึงเข้าสู่ห่วงโซ่แห่งความผูกพัน เชื่อมประสานความรู้สึกเสมือนหนึ่งเป็นเนื้อเดียวกัน เช่นเดียวกับความรักที่ถักทอแต่ละรอยต่อจนกลายเป็นเหมือนดอกไม้บานสะพรั่ง สุพรรณิการ์จึงคล้ายญาติสนิทชิดใกล้ ทุกคนต่างพร้อมใจกันส่งใจช่วยและอำนวยพรให้เธอ
ทีมงานของโทรทัศน์ช่องต่างๆ กระจายกำลังกันอยู่หลายสถานที่ ภาพของครูและลูกศิษย์ตัวน้อยในแต่ละโรงเรียนที่พร้อมกันโบกมือ ประสานเสียงร้องเพลง นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ในยิมของมหาวิทยาลัยราชภัฏพร้อมกันโห่ร้องกึกก้อง โบกมือให้กับดอกไม้ช่อมหึมาซึ่งดูเหมือนปลิดปลิวแล้วลอยลิ่วขึ้นสู่ท้องฟ้า
บนระเบียงคอนโดมิเนียมที่กลายเป็นทางออก หลังกลุ่มทหารทยอยจากไป ผนังระเบียงที่ถูกเจาะทะลวงยังไม่ได้การซ่อมแซมในทันที เช่นเดียวกับราวระเบียงซึ่งถูกทลายราบลง แสงจากภายนอกสาดเข้าไปยังห้องโถงโล่ง
บนระเบียงในส่วนของห้องนอน ชมนาดโอบกอดน้องสาวไว้ในอ้อมแขน มืออีกข้างหนึ่งของเธอถูกกุมไว้แน่น ณพชัยยืนปักหลัก ใบหน้าเงยแหงนมองตามเฮลิคอปเตอร์สองลำที่ค่อยๆ บินห่างออกไป
กล้องจาก ฮ.ถ่ายทอดสดจับภาพใบหน้าของสองพี่น้อง ทั้งชมนาดและพวงชมพูต่างแหงนมองตามพี่สาว รอยยิ้มเล็กๆ ฉายขึ้นพร้อมกัน ขณะน้ำตาผุดพรายพลันไหลอาบรดเรือนแก้ม
เสียงของพิธีกรสาวของฟรีทีวีช่องหนึ่งก้องผ่านลำโพงโทรทัศน์ไปทั่วทุกมุมของประเทศ
“นี่คือความสุข ความประทับใจ และความซาบซึ้งร่วมกันของคนไทย ขอบคุณรัฐบาลเป็นอย่างสูงนะคะ และขอบคุณ ม.69 ที่ทำให้เรามีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน”
ฮ.บินสูงขึ้นไปสู่ฟ้าโล่ง ยิ่งสูงขึ้นไป ม่านความสุขที่โปรยหว่านลงสู่หัวใจผู้คนยิ่งแผ่กว้างออกไป
พลเอก ศรุต ไกรประเสริฐ นั่งอยู่บนโซฟาจ้องโทรทัศน์จอใหญ่ซึ่งกำลังทำการถ่ายทอดสด ในจินตภาพของผู้นำประเทศซึ่งกุมอาญาสิทธิ์เด็ดขาดด้วย ม.69 เขามองเห็นตัวเองตระหง่านอยู่บนท้องฟ้าแทนหมู่เมฆทั้งมวล กางแขนสองข้างออกกว้าง ค่อยๆ โปรยหว่านความสุขจากอุ้งมือลงสู่ประชาชนทุกหมู่เหล่าบนผืนแผ่นดินเดียวกัน
หลังจากการยึดอำนาจและครองตำแหน่งหัวหน้าบริหารมายาวนาน นับเป็นครั้งแรกที่พลเอก ศรุต ไกรประเสริฐซาบซึ้งกับคำว่าความสุขที่สามารถโปรยหว่านออกไป และควบคุมได้
กำปั้นซึ่งเหี่ยวย่นด้วยวัยชรากำแน่นอย่างมั่น ว่านี่คือการหยิบยื่นความสุขอย่างเป็นรูปธรรมโดยแท้จริง
ขณะเฮลิคอปเตอร์สองลำบินสูงและห่างจากเมืองหลวง รสนา บรู๊ค โผล่หน้าออกจอทีวีให้สัมภาษณ์อาทิตย์ สุขประพฤติ ด้วยสีหน้าระรื่นและยิ้มแจ่มใส หล่อนเดินทางสู่ย่านชานเมืองตะวันตกร่วมในความสุขที่หวนคืนเช่นกันกับคนอื่นๆ ไม่ได้แสดงทีท่าผิดหวังกับโปรเจ็คต์ยักษ์ที่ล้มเหลวลงอย่างสิ้นเชิง หล่อนบอกว่าได้โทร.คุยกับชมนาดในตอนเช้า แสดงความยินดีที่พี่สาวของเธอจะได้กลับบ้าน
“เงินบริจาคทุกบาทที่รับมา ดิฉันขอขอบพระคุณอย่างสูง และจะนำเข้าบัญชีคืนให้ทุกท่านโดยเร็วที่สุด”
สุจิตต์ เลิศบุญญาธิการ นั่งจิบไวน์แดงบนโซฟาในห้องพักส่วนตัว ตาจ้องภาพบนจอโทรทัศน์ ยิ้มพึงใจกับประกายแดดสาดส่องกระทบฝอยน้ำกระเซ็นจากสปริงเกอร์กระจายพรายไปทั่วสวนดอกไม้ พนักงานหนุ่มสาวเคียงคู่กันนั่งทอดอารมณ์อยู่ตามชายคาร่มรื่น คนสวนเทกระจาดสงช่อดอกชมพูพันทิพย์ล่องไหลไปตามลำน้ำได้ทันตอนกล้องจากมุมสูงจับภาพลงมา แกะฝูงเล็กๆ ถูกปล่อยออกจากคอกกระจายกันบนลานหญ้าเขียว สายลมที่กระโชกแรงเป็นบางครั้งกระทบกังหันหมุนคว้าง ทุกอย่างเป็นไปตามที่วางแปลนเอาไว้ล่วงหน้า สุจิตต์จิบไวน์แดงด้วยสีหน้ายิ้มพราย
สมเจตต์และอรพรรณพร้อมกันลดใบหน้าที่เงยแหงนต่ำลง โดยไม่ได้นัดหมายกันไว้ล่วงหน้า สายตาทั้งสองคู่สาดจับไปยังรอยแผลที่ช่างเจาะค้างคาไว้บนผนังอาคาร
ฮ.ทั้งสองลำลับหายไปกับท้องฟ้ากว้างไกล สวนทางกับเมฆกลุ่มใหญ่ที่ลอยต่ำลงมา เพลงจักจั่นเหมือนร่ายมโหรีปี่กลองร้องส่งจากสวนหย่อมโรงแรม ดวงอาทิตย์ที่เริ่มแผดแสงแรงจ้าพลันถูกโอบล้อมด้วยวงกลมขนาดใหญ่ แล้วเพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ม่านฝนก็พร่างพรมลงมา
ม่านฝนหนาแน่นโปรยหว่านลงมาจากเบื้องสูง กระทบเหลี่ยมตึกหลายแห่งฟุ้งกระจายเป็นสายรุ้งลานตา กลุ่มคนที่เฝ้ามองต่างร้องฮือขึ้นพร้อมกัน
พิชญา สุมนฑา และทีมข่าวโทรทัศน์ช่องอื่นๆ ซึ่งเดินทางไปยังบ้านเกิดของสุพรรณิการ์ เปลี่ยนภาพสลับฉากจากเมืองที่เต็มไปด้วยยอดตึกเป็นลานโล่งซึ่งในอดีตกาลเคยงามตาด้วยสวนดอกไม้ ใกล้เนินสูงซึ่งแถวแนวกัลปพฤกษ์กำลังผลิดอกบนสะพรั่ง สมพลนั่งอยู่ท่ามกลางญาติมิตร สื่อมวลชน กลุ่มทหารรักษาการณ์ และเพื่อนร่วมถิ่นจำนวนกว่าสองร้อยคน ทันทีที่ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์สองลำ และจุดสีดำปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ผู้คนซึ่งนั่งรออยู่ต่างลุกฮือขึ้นตัวตรง แล้วพร้อมกันโบกมือต้อนรับราวกับว่า สุพรรณิการ์กำลังเดินทางกลับจากดินแดนแสนไกลหลังการผจญภัยอันหน่วงหนักและยาวนาน
สมพลผุดลุกขึ้นเช่นเดียวกัน ไม่ได้ยกมือขึ้นโบกเหมือนคนอื่นๆ แววตาของแกแฝงไว้ทั้งความสุขและเศร้า
ในที่สุดลูกสาวก็ได้กลับคืนบ้านเกิด แต่ก็เพียงร่างที่ไร้วิญญาณ บ้านหลังใหม่ของเธอเป็นโลงไม้ประดับลายกนกซึ่งแกได้ประกอบกันเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่สองวันก่อน
สมพลขยับปากคล้ายจะยิ้ม ครั้นแล้วน้ำตาของแกพลันหลั่งลงมาเหมือนสายฝนที่ไร้เมฆก่อเค้าล่วงหน้า
ถัดมาอีกวันที่ท้องฟ้ายังคงโล่งโปร่งและแสงแดดร่าเริง ล่วงถึงเวลาบ่ายสามโมงเย็น ลานดินซึ่งเคยเป็นสวนดอกไม้คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายกเทศมนตรี อธิการบดีมหาวิทยาลัย อาจารย์ นักศึกษา เพื่อนบ้านในละแวกเดียวกัน สื่อมวลชนท้องถิ่นและที่สัญจรไกลมาจากหลายหัวเมือง
สุภาวดีพร้อมกองบรรณาธิการสำนักพิมพ์เดินทางมาพร้อมหนังสืออนุสรณ์งานศพซึ่งจัดทำเป็นเล่มปกแข็งสวยงาม พ่วงด้วยแผ่นซีดีเพลงซึ่งสุพรรณิการ์เคยร้องไว้สมัยเป็นนักศึกษา ทยอยแจกจ่ายออกไปยังผู้มาร่วมงานตามความประสงค์ ขณะรวมเรื่องสั้นและบทกวีเดินทางสู่แผงหนังสือล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
พิธีทางศาสนาสั้นๆ จบลง โลงไม้ซึ่งบรรจุร่างของสุพรรณิการ์ถูกยกลงไปวางในหลุมลึกก่อนหน้านี้แล้วตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง ฝาโลงปิดสนิท สมพลเป็นคนแรกที่ใช้มือสองข้างของแกกอบดินรอบปากหลุมกลบลงไป ชมนาด พวงชมพู ณพชัย ครูเจนจิราซึ่งเดินทางมาร่วมงานค่อยๆ ช่วยกันกอบดินหว่านโปรยฝ่าม่านแดดจางราวกับการร่วงปลิวของช่องดอกไม้
ไม่มีคำกล่าวของบาทหลวงเช่นในพิธีฝังศพของในแบบศาสนาคริสต์ คนที่มุงล้อมพร้อมใจกันยืนขึ้น และอยู่ในอาการสงบ ในมือประคองดอกสุพรรณิการ์คนละช่อ ทุกคนลืมสมาร์ทโฟนที่เคยจิ้มจนติดเป็นนิสัย ไม่มีใครส่งเสียงพูดคุยหรือกระซิบกระซาบ จิตที่สงบต่างอำนวยพรส่งถึงหญิงสาวผู้ซึ่งพวกเขาได้รู้จักในช่วงกว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
กล้องโทรทัศน์ซึ่งตามมาถ่ายทอดสดยังคงทำหน้าที่ อาทิตย์ สุขประพฤติกับหญิงสาวข้างกาย และสื่อมวลชนอื่นๆ ต่างยืนไว้อาลัย
สุพรรณิการ์นอนนิ่งอยู่ในที่ซึ่งไม่มีสายตาคู่ไหนมองเห็นอีกต่อไป และมีเพียงบางคนที่รู้ว่า ก่อนกำลังทหารจะมาบรรจุเธอลงหีบเหล็กแล้วเดินทางไกลไปกับเฮลิคอปเตอร์ รูปร่างของเธอเล็กลงเท่ากับวันที่หมดลมหายใจ และเส้นผมก็กลับคืนสู่ความดำขลับเป็นเงางามเช่นเดิม
ในโลงไม้ซึ่งกว้างขนาดบรรจุรถเก๋งขนาดเล็กได้หนึ่งคัน รายรอบกายของสุพรรณิการ์โรยประดับไว้ด้วยดอกไม้สดและเครื่องหอม เรือนร่างที่ห่อหุ้มด้วยกระโปรงลายดอกไม้สีชมพูนอนสงบ กางแขนซ้ายซึ่งประดับด้วยกำไลเงินกอดตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล ข้างกายอีกด้านเป็นกีตาร์โปร่งเก่าๆ ที่ถูกวางแนบไว้ ใบหน้ายังคงเอิบอิ่มเหมือนคนนอนหลับด้วยความสุข
ทหารกว่าสิบนายซึ่งถูกส่งมาดูแลกระจายกันอยู่รอบๆ ช่วงดึกที่ผ่านมาพวกเขาเป็นคนบรรจุศพ ตอกตะปูปิดฝาโลง และช่วยกันหามมายังหลุมที่ขุดเตรียมไว้ โดยไม่ต้องพึ่งพาบริการสัปเหร่อจากทางวัด ร่างที่นอนอยู่ในโลงกว้างของสุพรรณิการ์จึงไม่มีทั้งเชือกตราสังข์และด้ายสายสิญจน์
นายทหารหนุ่มสี่นายทำหน้าที่กลบดินในชั้นสุดท้าย ชมนาดและพวงชมพูขยับถอยห่าง สายตาทั้งสองคู่จ้องมองพลางนึกถึงวันพรุ่งนี้และวันต่อไป
อีกไม่นานบนเนินดินแห่งนี้จะถูกห่มคลุมด้วยใบเขียวของสุพรรณิการ์ สองพี่น้องตั้งใจจะนำมาปลูก และผลัดกันช่วยดูแลอย่างใส่ใจ
ดวงตะวันคล้อยต่ำลงบนขอบฟ้าโล่ง สาดแสงกระทบแนวต้นกัลปพฤกษ์ซึ่งสลัดกลีบดอกร่วงปลิวตามแรงลมอ่อนๆ ไม่เพียงเงาไม้ที่ทอดยาวทาบเนินดินซึ่งเคยเป็นสวนดอกไม้ เงาร่างผู้คนที่ขยับเคลื่อนไปวางช่อดอกไม้ต่างเดินฝ่าแสงแดดในแนวเฉียง แต่ละร่างแต่ละสายทอดเงายาวประหนึ่งภาพบนจอหนังตะลุง
ชั่วไม่กี่นาทีเรือนร่างเหล่านั้นก็ทยอยกันเดินจากไป ห่างออกไปช้าๆ ทิ้งไว้เพียงสามพ่อลูกและช่างภาพหนุ่มซึ่งยืนนิ่งเคียงข้างกันอยู่ใต้ต้นกัลปพฤกษ์ สายตาทั้งสี่คู่จับจ้องเนินช่อดอกสุพรรณิการ์ซึ่งคลุมห่มผืนดินตรงนั้นไว้ราวกับพรมสีเหลืองผืนใหญ่
ช่อดอกสุพรรณิการ์ซึ่งเรียงรายและทับถมกันเป็นชั้นๆ เหลืองอร่ามงามตาในแสงตะวันยามเย็นที่สาดโลมราวกับอ้อมแขนอันอ่อนโยนจากสรวงสวรรค์
……………………………………
อ่านทุกตอนคลิ๊กที่รูป