-๑๑-
………….
อาทิตย์ สุขประพฤติไม่เคยรู้สึกสนุกสนานกับการเป็นพิธีกรเล่าข่าวมากเท่าห้วงเวลานี้ จำนวนผู้ชมเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ โฆษณาก็แห่ตามกระแสสุพรรณิการ์เข้ามาอย่างล้นหลาม แผ่อานิสงส์อันแสนมหัศจรรย์ถึงทีวีดาวเทียมซึ่งเคยดำรงสถานะเหมือนไอ้ลูกหมาของวงการโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำท่าจะเป็นเสือตัวน้อยๆ ที่พอจะส่งเสียงคำรามได้บ้าง
จากที่เคยอาศัยข่าวของคนอื่นมาเล่าต่อ วิเคราะห์สั้นๆ หยอดความเห็นอีกเล็กน้อย บัดนี้ได้โอกาสทดแทนคุณวงการ พิธีกรรายการอื่นและทีวีช่องอื่นๆ นำข่าวของเขาไปเล่าต่อบ้าง เริ่มจากชมนาดซึ่งเป็นเหมือนเป็นปฐมบทแห่งเรื่องเล่าภาคต่อ จากนั้นภาพของหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งชัดเจนขึ้นจากปากคำซื่อๆ ของช่างไม้และลูกสาวตัวน้อย แล้วแผ่กว้างออกไปประหนึ่งท้องทะเลอันไพศาลด้วยปากคำของผู้คนซึ่งเคยเกี่ยวข้องกับสุพรรณิการ์ แม้เรือนร่างใหญ่โตของเธอยังนอนไม่ไหวติงอยู่ที่เดิม และดวงตาไม่เคยเปิดขึ้นมองโลกใบนี้ซ้ำอีก หัวใจที่หยุดเต้นไปแล้วไม่รับรู้และรู้สึกกับเรื่องราวใดๆ แต่ถึงตอนนี้ เธอเหมือนกางอ้อมแขนแผ่กว้างและยาวไกลออกไปกอดกุมหัวใจคนทั้งประเทศเอาไว้
สุพรรณิการ์เหมือนฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ไม่เพียงโลดแล่นในรายการเล่าข่าวของโทรทัศน์หลายช่อง สู่ข่าวพาดหัวของหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับ และในกระแสสนทนาระหว่างเพื่อนต่อเพื่อนบนโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค หากยังร่ายรำผ่านลมปากของกลุ่มคนตามร้านกาแฟ ในตลาดสด บนรถประจำทาง ในวงเหล้า และหลากหลายสถานที่ซึ่งคนแต่ละกลุ่มได้หยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นสนทนา
แทบทั้งหมดของหมู่คนซึ่งให้ความสนใจเรื่องราวของหญิงสาวผู้จากไป พวกเขาได้แปรสภาพทีวีดาวเทียมไอ้ลูกหมาเป็นเสือตัวน้อยๆ ที่ผงาดและชูคอขึ้นมาส่งเสียงคำราม ดันแผ่นหลังนักเล่าข่าวที่แทบไม่เหลืออนาคตในวงการกลายเป็นดาวจรัสแสงในชั่วเวลาไม่ถึงสามสัปดาห์ ความรู้สึกของอาทิตย์ สุขประพฤติในห้วงยามนี้ จากที่เคยถูกโลกกำหนดให้ต้องเดินตามจังหวะการหมุน แถมยังกระชับพื้นที่แทบไม่เหลือทางเดินให้เลือก บัดนี้เขากลายเป็นผู้กำหนดโลก เป็นมือที่หยิบยื่นโอกาสและพื้นที่แก่คนอื่นๆ
อาทิตย์ยกระดับตัวเองขึ้นไปเหมือนนักเขียนบทภาพยนตร์ หลังให้ฝ่ายนางเอกใช้พื้นที่อย่างต่อเนื่องมาระยะหนึ่ง เป็นโอกาสของดาวร้ายได้แสดงบทบาทเสียที ในฐานะสื่อมวลชนที่เป็นกลางและเที่ยงธรรม ย่อมไม่เทกระจาดเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งอย่างสุดโต่งและไร้จรรยาธรรม อาทิตย์อ้างเหตุผลของความเป็นสื่อที่ดี ไม่ว่าเขาจะเห็นด้วยหรือเห็นต่างกับใครก็ตาม เขาไม่เคยพิพากษา ชี้นำ หรือตัดสินด้วยอคติส่วนตัวเยี่ยงศาลเตี้ย
พิชญา สุมนฑา สาวสวยข้างกายเปิดประเด็นด้วยกระแสสื่อรายวัน ความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลเกี่ยวกับสุพรรณิการ์ ส่งท้ายด้วยภาพนิ่งซึ่งทีมงานไปถ่ายทำเก็บไว้ในช่วงที่เกิดความขัดแย้ง แผ่นป้ายกระดาษข้อความกดดันที่หน้าลิฟต์ กระดานข่าวของคอนโดมิเนียม และที่นำมาติดไว้ซ้ำๆ หน้าประตูห้องเลขที่ 813/122
หลังพักเบรคโฆษณา แขกรับเชิญสองคนพยายามฝืนยิ้มสู้กล้อง เตรียมตัวเตรียมใจที่จะตอบคำถามสำคัญเพื่อปกป้องตัวเอง
สมเจตต์ปฏิเสธทันทีว่าป้ายข้อความทั้งหมดเขาไม่ได้สั่งให้ใครทำ เขาเองไม่เคยมีส่วนร่วมในการกดดันให้รีบย้ายศพออก หากเป็นตัวเขาต่างหากซึ่งพยายามช่วยเหลือทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ เรียกเจ้าของร่วมประชุมถึงสองรอบ สุดท้ายแล้วก็ได้ข้อสรุปเดียวกัน
“มติเจ้าของร่วม ไม่ได้มาจากการชี้นำของผู้จัดการ” เขายืนยัน “ผมยังช่วยคุณสมพลพูดเลยว่าช่างมือดีซ่อมให้เหมือนเดิมได้ แต่ฝ่ายที่คัดค้านไม่ยอมท่าเดียว ผมแค่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม”
ในฐานะผู้จัดการที่ไม่ได้พักพิงในคอนโดมิเนียมเดียวกัน เขาจึงไม่ได้ให้ภาพสุพรรณิการ์ในฐานะคนรู้จัก แค่เคยเห็นหน้าและจำได้ หลังประชุมเจ้าของร่วมรอบสองเขาก็พยายามหาทางช่วยเหลือ แวะเวียนไปให้คำแนะนำกับญาติผู้ตายหลายครั้ง
“เรามิได้นิ่งนอนใจ ทั้งผู้จัดการนิติบุคคล และกรรมการทั้งหมด เราปรึกษากันเพื่อให้ได้ทางออกดีที่สุด เมื่อเกิดมีป้ายกดดัน และทำท่าจะไปคุกคามญาติผู้ตาย ก็ผมนี่แหละเป็นคนออกมาห้ามทัพ”
อาทิตย์ สุขประพฤติ หันไปทางแขกรับเชิญอีกคน ตอนนี้สีหน้าและแววตาอรพรรณสงบและผ่อนคลาย ยิ้มแย้มอย่างเตรียมพร้อมสำหรับทุกคำถาม หล่อนเหมือนนักมวยที่ผ่านการฟิตซ้อมมาเป็นอย่างดี ก่อนจะมานั่งอยู่ตรงนี้ เป็นหล่อนเองที่ดิ้นรนหาช่องทาง
กระแสความเกลียดชังในโลกโซเชียล ผนวกกับคำด่าทออันไร้ขีดจำกัด บางครั้งอารมณ์โกรธของสาวใหญ่วัยสี่สิบหกแทบจะกรีดร้องเสียงดัง แรกเกือบจะตรงดิ่งไปยังห้องชั้นแปดตามจิกหัวคนที่ให้ร้ายป้ายสีผ่านรายการทีวี ครั้นเปิดยูทูบดูเทปรายการ ทั้งพยาบาลสาว พ่อ และน้องเล็กของเธอ ไม่ได้กล่าวพาดพิงหล่อนแม้แต่คำเดียว แล้วไอ้แผ่นป้ายกระดาษเป็นใครถ่ายรูปไว้ และนำไปให้รายการโทรทัศน์ประจานความร้ายกาจ คิดและวิเคราะห์ถี่ถ้วนแล้ว เป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากไอ้หนุ่มผมยาวคนนั้น
ขณะอารมณ์ยังคุกรุ่น อรพรรณขับรถบึ่งมาที่คอนโด เตรียมออกคำสั่งให้พนักงานรักษาความปลอดภัยทุกนายเข้มงวดกับบุคคลภายนอก เจอรถเก๋งที่หล่อนจำได้ว่าเป็นของณพชัย เกือบจะบอก รปภ.ให้ลงบัญชีดำในฐานะยวดยานต้องห้าม ดีที่อารมณ์โกรธได้ลดระดับต่ำลงไปบ้างแล้ว ตอนปะทะคารมกันที่หน้าห้องผู้ตาย ไอ้หนุ่มคนนี้อ้างว่าเป็นลูกชายของสมพล จริงหรือเท็จไม่ใช่สาระสำคัญ ที่อรพรรณสงสัยก็คือณพชัยอาจทำงานเกี่ยวกับสื่อ บางทีอาจเกี่ยวข้องกับโทรทัศน์ดาวเทียมช่องที่สมพลและชมนาดไปออกรายการ
อรพรรณรอจนกระทั่งณพชัยเดินกลับมาที่รถ หล่อนตีสีหน้ายิ้มแย้มขณะขยับเท้าเข้าหา
“น้องเป็นนักข่าวใช่ไหม”
ณพชัยกดรีโมทเปิดประตูรถ ยังไม่ได้ตอบคำถาม อรพรรณฟูมฟายใส่เขาทันที “พี่กับทางคอนโดถูกเข้าใจผิด ถ้าน้องเป็นนักข่าวหรือทำรายการโทรทัศน์ เชิญพี่ไปออกบ้างสิ”
ณพชัยผงกหัวยิ้มๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถเขาพูดตอบอรพรรณว่า “ผมจะบอกพี่อาทิตย์ให้ครับ”
กับคำถามของพิธีกรรายการเล่าข่าว อรพรรณยืนยันถึงความปรารถนาดีที่มีต่อครอบครัวของสุพรรณิการ์ หล่อนเลี่ยงจะพูดถึงฐานะเจ้าของร่วมที่ลงมติคัดค้านการเจาะทะลวงกำแพง และใครที่เป็นเจ้าของแผ่นป้ายตามผนัง รวมทั้งที่นำไปติดไว้บนประตูห้อง อรพรรณเล่าถึงวันที่สุพรรณิการ์มาติดต่อซื้อห้องชุด ตอนนั้นอรพรรณเป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในสำนักงานขาย
“ดิฉันจำน้องคนนี้ได้ ตอนย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆ ยังเคยซื้อขนมและผลไม้มาฝาก ไม่นึกเลยว่าจะอายุสั้น”
ครั้นถูกถามถึงความขัดแย้งต่างๆ และรูปภาพซึ่งอรพรรณเองนำไปลงในเฟซบุ๊กในวันที่หล่อนอ้างว่าเจอผี รูปนี้แม้ถูกลบแต่ก็มีคนเซฟเอาไว้และแชร์ออกไป
แม้เป็นคำถามที่เตรียมกันไว้ล่วงหน้า แต่อรพรรณก็มักเฉไฉไปพูดเรื่องอื่น สำหรับรูปภาพและเรื่องผี เป็นคำถามแรกที่หล่อนไม่อาจเลี่ยง หล่อนหัวเราะเสียงดัง บอกว่าแค่เป็นความหวาดระแวง แม่บ้านทำความสะอาดก็เคยเจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน จู่ๆ ลิฟต์ก็เปิดออก และลมก็ตีบานประตูที่เปิดไว้กระแทกปิดเสียงดัง
สมเจตต์ตอบคำถามด้วยท่าทีระมัดระวัง ไม่ยอมให้ตัวเองตกบ่อความเป็นผู้ร้ายในสายตาสังคมมากไปกว่าที่เป็นอยู่ เขารับเชิญอาทิตย์ก็หวังจะกอบกู้สถานการณ์ตัวเอง เช่นเดียวกับอรพรรณ หล่อนเลี่ยงจะตอบคำถามที่จะไปตอกย้ำหรือแฉความจริงให้เป็นแผลลึกยิ่งกว่าเดิม จนกระทั่งรายการแทรกด้วยคำสัมภาษณ์สาวใหญ่วัยห้าสิบสองทางโทรศัพท์ถึงความคืบหน้าของอาคารพิพิธภัณฑ์สุพรรณิการ์
รสนา บรู๊ค นอกจากจะเป็นเอ็นจีโอระดับตัวแม่แล้ว หล่อนยังประกอบธุรกิจหลายอย่าง ฐานะทางเศรษฐกิจมั่งคั่งพอสมควร หล่อนแต่งงานนักธุรกิจชาวอเมริกัน และเคยไปทำงานในยุโรปหลายประเทศ
“ดิฉันตั้งกองทุนขึ้นมา ลงขันไปเป็นคนแรกสองล้านบาท ตอนนี้ก็มีเศรษฐีใจบุญหลายท่านประสงค์จะบริจาคเข้ามาสมทบ อาจยากหน่อยก็ตรงผู้เชี่ยวชาญการดองศพ และเจ้าหน้าที่จะมาดูแล แต่ถ้าเราเงินถึง ทุกอย่างก็ทำได้หมด”
อาทิตย์หันมายังผู้จัดการและอรพรรณถึงความเป็นไปได้ หากใครจะซื้อตึกทั้งหลังเพื่อยกให้เป็นกองทุนสุพรรณิการ์ สมเจตต์ส่ายหัวและยิ้มเงียบ อรพรรณให้ข้อมูลเบื้องต้นถึงราคาค่างวด รวมทั้งจำนวนห้องชุดทั้งหมด
“ห้องชุดเล็กที่สุดขนาดสามสิบตารางเมตร ราคากระเถิบขึ้นตอนที่รถไฟฟ้าตัดผ่าน จากที่ทางโครงการขายออกไปตอนแรกยูนิตละหกแสนสาม ตอนนี้ราคาพุ่งสูงขึ้นกว่าสามเท่าตัว ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เงินอย่างเดียวนะคะ เจ้าของร่วมที่ต้องการขาย ส่วนนี้พูดจากันไม่ยาก แต่คนที่อยู่อาศัยจริงๆ สะดวกในการเดินทางไปทำงาน เขาอาจไม่ขายก็ได้…”
อรพรรณเคยเป็นรองผู้จัดการฝ่ายขาย ข้อมูลของหล่อนจึงพร้อมสรรพ และด้วยความที่สำคัญตนว่ารู้เรื่องคอนโดมิเนียมตรงนี้มากกว่าใคร หล่อนยิ้มเยาะนิดๆ แล้วหยอดเติมข้อมูลลงไป
“ตอนนี้ห้องชุดที่เจ้าของโครงการคงไว้เป็นห้องเช่าหกสิบยูนิต ถ้าเราขายยูนิตละสองล้าน ทั้งหมดก็ร้อยยี่สิบล้านบาท ซื้อที่เหลือทั้งหมดไหวไหมล่ะคะ สมมติว่าเจ้าของร่วมทั้งหมดพร้อมใจกันยอมขาย”
อาทิตย์ผงกหัว เขาสะดุดใจกับสรรพนามที่อรพรรณเรียกว่า “เรา” นั่นหมายถึงความจริงบางอย่างโผล่ออกมาจากปากของหล่อนเอง
“งั้นคุณอรพรรณก็ไม่ใช่เจ้าของร่วมธรรมดาสิครับ…”
หลังเทปหรือคลิปรายการขึ้นยูทุบ และถูกแชร์ออกไปในโลกโซเชียล เสียงก่นด่าประดามีของนักวิจารณ์สมัครเล่นก็ดังประสานกันอย่างเป็นเอกภาพ แขกรับเชิญคนถัดมาของรายการเล่าข่าวก็พาร่างอวบท้วมมาตอบคำถาม ณัฐพล เอกธำรงค์ ผู้จัดการโรงแรมชี้แจงว่าเขาไม่เคยได้รับการติดต่อจากญาติผู้ตายแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยมีใครมาขอพบเขา หรือขออนุญาตใช้เป็นทางผ่าน
ผู้จัดการโรงแรมร่างท้วมกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ถึงผมไม่มีอำนาจตัดสินใจ หากมีคนมาร้องขอ ก็ต้องเอาเรื่องเข้าที่ประชุม รายงานเจ้านาย แต่เรื่องจะให้โรงแรมเป็นทางผ่านศพ โดยที่หย่อนโลงลงมาจากที่สูง เจ้านายผมก็คงพิจารณาอย่างละเอียดว่ากระทบต่อแขกที่เข้ามาพักและภาพลักษณ์ของสถานที่หรือไม่”
เขายอมรับว่าเดินทางไปเยี่ยมญาติผู้ตายจริง แต่ก็เป็นภายหลังที่กระแสวิพากษ์ของคนไม่รู้ความจริงหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
“ผมเห็นคุณสุพรรณิการ์ ใช่ รูปร่างเธอใหญ่โตมาก ไม่น่าเชื่อว่าหลังการเสียชีวิตเพียงยี่สิบวัน ผมบนหัวของเธอจะหงอกขาวไปทุกเส้น”
ภาพของสุพรรณิการ์ผมหงอกขาวถูกแชร์ออกไป และถูกฉายขึ้นจอ ในความรู้สึกของผู้คนมากมายที่ส่งใจช่วย เหมือนว่าอายุขัยของหญิงสาววัยยี่สิบแปดได้เดินทางผ่านเวลาไปอีกหลายสิบปี ดวงวิญญาณที่ถูกกักขังของเธอทนทุกข์ทรมานด้วยการรอคอย ไม่มีทางออก ไม่มีทางไป ทุกครั้งที่ล่องลอยอยู่เหนือร่างที่นอนสงบของตัวเอง ดวงวิญญาณเร่รอนของเธอหลั่งน้ำตาเงียบๆ
เช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่จ้องมองสีหน้ากังวลของพ่อและน้องสาวสองคน ดวงวิญญาณที่เปลี่ยวเหงาและแสนเศร้าของสุพรรณิการ์หลั่งน้ำตาอีกหน ความเศร้าอันสาหัสนี่เอง ส่งผ่านมาถึงร่างปราศจากชีวิตและลมหายใจ เป็นผลให้ผมบนหัวเปลี่ยนสีไปจากเดิม
กระแสวิพากษ์ที่หนักขึ้น และภาพลักษณ์โรงแรมหลายดาวกำลังจะอัปลักษณ์ด้วยการใส่สีของนักออกความเห็นทางโซเชียล อดีตรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ผู้เป็นเจ้าของเข็นตัวเองออกโรง เขาเป็นคนติดต่อทางรายการเล่าข่าว หลังตำหนิผู้จัดการที่สอบตกอย่างแรงในการตอบคำถาม แม้ปั้นสีหน้าและน้ำเสียงได้ดี แต่คำพูดโกหกคนฟังกลับจับได้ไล่ทัน
สุจิตต์ เลิศบุญญาธิการ กล่าวเสียงดังฟังชัด “เป็นความสัตย์จริงที่ผมไม่เคยรับรู้เรื่องนี้ อย่าว่าแต่ขอเป็นทางผ่านเลย ผมพร้อมจะช่วยเหลือเรื่องอื่น ไม่ว่าเครื่องไม้เครื่องมือ รถบรรทุก กำลังคน และค่าใช้จ่ายทั้งหมด”
สุจิตต์ย้ำถึงเจตนาดี “ถ้าจะซื้อคอนโดฯ ทั้งหลัง รักษาร่างกายของน้องเขาไว้เหมือนเลนิน โฮจิมินห์ หรือเมา เซ ตุง ผมก็ยินดีออกเงินที่ขาดเหลือให้ทั้งหมด นี่ผมพูดจริงทำจริง ถ้าเขาทำได้จริง”
ต่อคำถามที่ว่า แขกโรงแรมจะไม่กล้ามาพักนั้น สุจิตต์หัวเราะเสียงดัง “ทุกบ้านมีคนตาย ถนนทุกสายล้วนเคยมีอุบัติเหตุ ผีที่คนมองไม่เห็นจึงอยู่ทุกหนทุกแห่ง บ้างก็สิงอยู่ในใจของคนเลว ผมทำธุรกิจหลายอย่าง ถ้าคิดว่าดีและถูกต้องแล้ว ผมทำทันที ไม่กลัว…”
ในเช้าวันที่ผมบนหัวของสุพรรณิการ์เปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆ สมพลโทร.บอกชมนาดซึ่งเดินทางกลับไปเข้าเวรที่โรงพยาบาล และทำเรื่องลาต่อ ถัดมาเพียงสามวัน ผมบนหัวของลูกสาวเปลี่ยนไปอีกครั้ง สมพลไม่อาจรู้ถึงสาเหตุ ดวงวิญญาณของสุพรรณิการ์โกรธแค้นผู้คน หรือเคืองใจกับเมืองที่กักขังเธอไว้ เธอทุกข์ทรมานมากน้อยแค่ไหน สมพลตั้งคำถามในใจพลางจ้องดูใบหน้านิ่งเฉยของลูกสาว
เธอเหมือนคนนอนหลับสนิท ผิวพรรณยังแลดูสะอ้านและผุดผ่อง ราวกับว่ากระแสโลหิตยังไหลเวียนเป็นปกติ ขนาดรูปกายคงที่มาหลายวัน ในใจลึกๆ ของผู้เป็นพ่อหวังให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีกครั้ง ขณะคิดถึงเรื่องนี้ สมพลหันมองไปทางกองไม้และเครื่องมือช่างตรงมุมห้อง หากเรือนร่างของสุพรรณิการ์กลับคืนสู่สถานะเดิม ปัญหาทุกอย่างก็จบสิ้น งานศพช่วงสุดท้ายก็จะเดินไปตามครรลองที่ควรเป็น
สมพลได้แต่รับรู้และรับฟังเรื่องราวต่างๆ ผ่านความรู้สึก แกไม่คาดหวังว่าอาคารพิพิธภัณฑ์จะเป็นไปได้จริง ลูกสาวที่น่าสงสารของแกนี่หรือจะเป็นอมตะในโลงแก้วที่ผู้คนจากทั่วโลกเดินทางมาคารวะ เพราะหากเกิดขึ้นจริงคงจะต้องโปรยหว่านด้วยจำนวนเงินนับพันล้าน
ใจจริงที่แกวาดหวัง ถ้าปาฏิหาริย์ครั้งต่อไปเกิดขึ้นอีก แกก็ขอให้ลูกสาวกลับคืนสู่เรือนร่างเดิมเท่ากับตอนที่ยังมีลมหายใจ
เหมือนเช้าวันก่อนๆ สมพลพาลูกสาวคนเล็กออกไปกินมื้อเช้าที่ร้านข้าวแกงปักษ์ใต้ ขณะสืบเท้าเดินผ่านซอยแต่ละช่วง แกกับลูกตัวน้อยกลายเป็นเป้าสายตาผู้คน มีบ้างที่เข้ามาสอบถาม แม้แต่หญิงขายข้าวแกงยังปฏิบัติต่อแกผิดแผกไปจากตอนแรกๆ
ขากลับ สมพลเสียเวลากับเสียงทักทาย และตอบคำถามของใครต่อไปร่วมครึ่งชั่วโมง ถึงหน้าตึก คนกลุ่มหนึ่งมารอแกอยู่ แวบแรกที่มองไปเห็นณพชัย แกรู้สึกใจชื้น ตลอดระยะเวลาที่แกต่อสู้กับทุกปัญหาหลังลูกสาวเสียชีวิต ช่างภาพหนุ่มผู้นี้เคียงข้างแกเหมือนเป็นลูกชายแท้ๆ
สมพลคุ้นหน้าคุณสุภาวดีสาวใหญ่เจ้านายเก่าของลูกสาวที่มากับณพชัยได้ แต่กลุ่มชายสวมสูทและแต่งชุดข้าราชการสีกากีเต็มยศแกไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ลูกสาวคนรองยังไม่กลับมา สมพลได้แต่หวังว่า ณพชัยจะรับหน้าแทนได้ทุกเรื่อง
ครั้นแล้วสมพลก็ได้รู้ว่า ลูกสาวของแกโด่งดังระดับประเทศ กลุ่มคนที่มามีทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และรัฐมนตรีว่าการ
พวกเขาเหล่านี้อุตส่าห์ให้เกียรติมาเยี่ยมเยือน ในเช้าวันที่ผมบนหัวลูกสาวของแกเปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆ
……………………………………
อ่านทุกตอนคลิ๊กที่รูป