-๑o-
………….

สุพรรณิการ์จบชีวิตลงในวัยยี่สิบแปด หมอชันสูตรลงผลไว้จากสาเหตุหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ตลอดยี่สิบวันแรกผมบนหัวเธอยังดำขลับเป็นเงางามทุกเส้น และงอกยาวสืบมาอย่างเนิบช้า เช้าวันวันก่อน ชมนาดยืนยันด้วยสายตาเธอเองได้ว่าไม่มีส่วนใดหงอกขาวปรากฏให้เห็น เช่นเดียวกับสรีระส่วนอื่นที่ขยายใหญ่เต็มที่แล้วก็หยุดลงคงเดิม

ชมนาดโทร.ถึงอาจารย์หมอเช่นเดียวกับทุกครั้งที่เธอเกิดความสงสัยไม่เข้าใจกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น อาจารย์ที่เคารพนับถือของเธอเหมือนส่ายหน้าอยู่ในอีกมุมหนึ่งของเมือง แล้วบอกผ่านคลื่นสัญญาณว่าอาจารย์เองก็ไม่สามารถทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ได้ สำหรับพี่สาวของหนูเป็นไปได้ทุกเรื่อง และทุกเรื่องไม่อาจคาดหมายได้

กองไม้ยังวางไว้ที่เดิม สมพลไม่ได้ประกอบกันขึ้นเป็นโลงศพ ไม่ใช่เพราะแกไม่แน่ใจขนาดของลูกสาว หรือต่อให้บรรจุศพแล้วก็ไม่อาจนำพากลับบ้านเกิด หากเป็นเพราะความหวังจากทางอื่นที่ทยอยกันหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ทั้งผู้ประสงค์จะบริจาคเงินซ่อมผนังคอนโดมิเนียมหากมีอันต้องเจาะทะลวงเป็นช่องใหญ่โต ครั้นเสาะพบปัญหาหนักตรงเจ้าของร่วมและกรรมการซ่อนเงื่อนตัวแทนเจ้าของโครงการ ผู้ชมรายการช่างความคิดรายหนึ่งเสนอทางออกขึ้นมาว่า งั้นก็ต้องช่วยกันบริจาคเงินกันซื้อตึกทั้งหลัง

หากไม่มีทางออก เจ้าของร่วมและกรรมการยังตั้งตัวเป็นกำแพงสองชั้นก็ขอซื้อคอนโดทั้งหลังเสียเลยดีกว่า คนเจ้าปัญญาผู้ชี้แนะช่องทางนี้ยังแตกโปรเจ็คต์ออกไปอีก ไหนๆ คุณสุพรรณิการ์ก็ถือว่าเป็นลูกกตัญญู เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม แถมรูปร่างของเธอภายหลังการเสียชีวิตก็มหัศจรรย์ยากจะหาสิ่งใดเสมอเหมือน ไม่ควรเผาหรือกลบฝังดินให้เสื่อมสูญไปจากโลกใบนี้ ผู้นำรัสเซียและวีรบุรุษกู้ชาติของประเทศเวียดนามยืนยงอยู่ได้ด้วยกรรมวิธีใด สุพรรณิการ์ก็ควรจะเป็นอมตะด้วยกรรมวิธีเดียวกัน

คอนโดมิเนียมเปลี่ยนชื่อเป็นอาคารหรือบ้านพิพิธภัณฑ์สุพรรณิการ์ ปรับแต่งแต่ละชั้นให้เป็นห้องโถงกว้าง จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ ปกหนังสือ ภาพวาด รูปถ่าย และผลงานด้านศิลปะอื่นๆ ที่เธอสร้างสรรค์ไว้ ชั้นแปดก็ทลายกำแพงห้องอื่นๆ ให้เป็นลานกว้าง ปรับปรุงพื้นที่รองรับผู้ที่เข้ามาคารวะหญิงสาวมหัศจรรย์ในโลงแก้ว ปรับปรุงให้มีทั้งชั้นจอดรถ สวนหย่อมประดับดอกไม้ น้ำพุ น้ำตก และทางเข้าออกที่สามารถดูแลความปลอดภัยได้ทั่วถึง

สาวใหญ่วัยห้าสิบสองรูปร่างหน้าตาดีเจ้าของความคิดกลายเป็นแขกรับเชิญอีกคนในรายการเล่าข่าวของอาทิตย์ สุขประพฤติ หล่อนแจกแจงถึงคอนโดมิเนียมพิพิธภัณฑ์ซึ่งจะมีผู้เข้าชมจำนวนหลายหมื่นต่อสัปดาห์ในระยะเริ่มต้น แค่เก็บค่าเข้าชมหนึ่งร้อยบาทต่อหัวก็ได้ค่าตึกคืนในชั่วไม่กี่เดือน ท้ายรายการหล่อนเน้นย้ำถึงปณิธาน

“เราต้องหาทางมอบตึกทั้งหลังให้น้องสุพรรณิการ์ ช่วยทำให้เธอเป็นอมตะ ด้วยความรักนะคะ ไม่ใช่เพื่อการค้า หรือผลกำไรทางธุรกิจ”

สมพลรู้ดีว่านั่นเป็นแค่ความคิดของนักฝันที่ไม่อาจฝากความหวังอะไรได้ ถึงกระนั้นกองไม้ของแกก็ยังไม่สามารถประกอบเข้าด้วยกัน อาทิตย์ สุขประพฤติเดินหน้าสร้างเรตติ้งรายการต่อไปอย่างไม่หยุดมือ เขาตามล่าหาเพื่อนเก่าร่วมคณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาไทยที่เคยสนิทแนบแน่นกับสุพรรณิการ์ เท่านั้นยังไม่พอ ครูในโรงเรียนมัธยมฯ อาจารย์มหาวิทยาลัยที่เคยสอน แถมด้วยเพื่อนร่วมงานในกองบรรณาธิการ พ่วงด้วยหัวหน้ากองและเจ้านายเก่า สุดท้าย ณพชัย ก็ไม่ได้ถูกละเว้น

ประหนึ่งถ้อยคำในหนังสืออนุสรณ์งานศพ ทุกปากคำที่กล่าวถึงสุพรรณิการ์ ล้วนสรรเสริญหญิงสาวผู้จากไป ครูโรงเรียนมัธยมฯ ซึ่งเกษียณราชการไปแล้วบอกเล่าถึงความทรงจำที่ไม่เคยจางหาย นักเรียนที่น่ารักมากๆ คนหนึ่ง ลูกศิษย์ที่เธอไม่เคยลืม ไม่เพียงว่านอนสอนง่าย เรียนเก่ง ยังมีน้ำใจเผื่อแผ่ไปยังเพื่อนๆ เคยเสียสละแม้กระทั่งรองเท้าและเสื้อกันหนาวให้เพื่อนที่ฐานะยากจนกว่า เก็บกระเป๋าตังค์ครูได้ก็นำมาส่งคืน

เจนจิราเพื่อนร่วมรุ่นในมหาวิทยาลัยซึ่งบัดนี้เป็นครูสอนโรงเรียนมัธยมที่บ้านเกิด นอกจากบอกเล่าถึงความหลังที่เคยมีร่วมกันแล้ว เธอยังบอกถึงโครงการที่จะชวนลูกศิษย์ในโรงเรียนแต่ชุดขาว และนำช่อดอกสุพรรณิการ์มาร้อยมาลัย

“ดิฉันส่งใจถึงเพื่อน หวังว่าเพื่อนจะไม่ถูกกักขังอีกต่อไป สุพรรณิการ์ต้องได้กลับบ้านเกิด”

สุภาวดีหัวหน้ากองบรรณาธิการบริหารต้นสังกัดเดิมของสุพรรณิการ์ ให้สัมภาษณ์สื่อถึงสิ่งที่สำนักพิมพ์ต้องทำ

“เรากำลังจะจัดทำหนังสืออนุสรณ์ ออกแบบรูปเล่มให้สวยงามที่สุด เราจะนำไปแจกให้กับผู้ร่วมงานที่บ้านเกิดของสุพรรณิการ์ หากว่าเธอได้กลับบ้าน…”

หากว่าเธอได้กลับบ้าน… ถ้อยคำของเพื่อนเก่า ครู และเจ้านายในสายงาน ล้วนไม่สนใจโปรเจ็คต์ยักษ์ที่คอนโดมิเนียมทั้งหลังจะกลายเป็นบ้านพิพิธภัณฑ์สุพรรณิการ์ แม้ได้ยินผ่านหูแต่ทุกคนเชื่อว่านั่นเป็นเพียงความฝันลอยลมซึ่งยากจะเป็นได้จริง

ณพชัยซึ่งพยายามปฏิเสธเพื่อนรุ่นพี่หลายครั้ง สุดท้ายเขาก็หนีไม่ออก ยอมรับเชิญออกรายการสดในฐานะตัวตั้งตัวตีอีกคนที่พยายามจะนำเรื่องราวของสุพรรณิการ์ออกสื่อ เขาไม่ได้ยกยอเพื่อนเก่ามากมายเกินจริง พูดสั้นๆ ทิ้งทายเพียงไม่กี่ประโยค

“เราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนที่เราก้าวข้ามความเป็นหญิงหรือชาย สำหรับเพื่อนแล้ว ไม่มีอะไรยกย่องหรือตำหนิ หากจะให้เลือกมีเพื่อนคนเดียวในโลก ผมก็เลือกสุพรรณิการ์…”

 

เช้าวันที่แดดใสกระจ่าง ท้องฟ้าโล่งโปร่งและสายลมอับนิ่ง สระน้ำและสวนหย่อมของโรมแรมพาราไดซ์ คันทรี ปาร์คสว่างไสว จักจั่นขับขานบทเพลงระงมอยู่พักใหญ่ก็สงบเสียงลงโดยพร้อมเพียงกัน ดวงอาทิตย์ลอยสูงขึ้น เงาตกทอดตามระเบียงหดสั้นลง ผู้ที่เข้ามารับรู้เส้นผมที่เปลี่ยนสีไปของสุพรรณิการ์ไม่ได้มีเพียงณพชัย ผู้ที่ก้าวตามหลังเขามาเป็นบุรุษท้วมซึ่งสามพ่อลูกไม่ได้คาดคิดมาก่อน

ณัฐพล เอกธำรงค์ผู้จัดการโรงแรมร่างท้วมติดต่อณพชัยและขอติดสอยห้อยตามมาเยี่ยมผู้ตาย ผู้ซึ่งเขาเคยปรามาสคำบอกเล่าของสองหนุ่มสาวว่าเป็นนิทานหลอกเด็ก และบอกปัดการเปิดช่องทางให้ศพผ่านถึงสองครั้งสองหน จากกระแสสื่อโซเซียลที่ถล่มความแล้งน้ำใจของโรงแรมใหญ่แต่ใจคับแคบ รวมทั้งรูปภาพที่ถูกแชร์กันออกไป ผู้จัดการซึ่งเสมือนตัวต้นเหตุรีบกลับลำ แล้วเขาก็ได้เห็นกับตา ร่างนอนสงบนิ่งคลุมผ้าสีดำที่ใหญ่โตเกินกว่าจะผ่านประตูห้อง ประตูลิฟต์ และทางลงบันไดหนีไฟ

นอกจากหัวเราะขบขันไม่ออกแล้ว ขนยังลุกชูชันไปทั่วกาย สายตาของเขายังปกติดี และนี่กลางวันแสกๆ เขาไม่ได้หลับฝัน หรือถูกลวงด้วยภาพมายา

เขาคุกเข่าลงเคารพผู้ตาย ทำปากมุบมิบเหมือนกล่าวขอโทษอยู่ในที จบสิ้นพิธีการส่วนตัวแล้วเงยหน้าขึ้นช้าๆ

เขากล่าวกับสมพลซึ่งนั่งอยู่ทางด้านไกล “ผมต้องขอโทษที่เข้าใจผิด พวกคุณพูดจริงทุกอย่าง”

แววตาของเขายังไม่หายตื่นตระหนกกับสีของเส้นผมบนหัวของสุพรรณิการ์ เสียงเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อกล่าวลาและบอกอีกครั้งว่า

“ผมไม่มีอำนาจตัดสินใจแทนเจ้าของโรงแรม ถ้าเขาจะยอมให้ศพผ่านก็เป็นเรื่องของเจ้านายที่จะเห็นควร ไม่ใช่มาจากคำสั่งของผม”

 

ระหว่างที่ณพชัยหารือกับสมพลและชมนาดเรื่องหนังสืออนุสรณ์ซึ่งสำนักพิมพ์เตรียมจะจัดทำ ชมนาดลุกขึ้นยังไม่ทันจะไปรื้อค้นรูปวาดและภาพปกหนังสือของสุพรรณิการ์ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น

กลุ่มแขกเยือนที่ก้าวเข้ามามีทั้งผู้จัดการนิติบุคคล สมเจตต์ผู้จัดการใหญ่ อรพรรณและกรรมการทั้งหมด พ่วงท้ายด้วยพนักงานรักษาความปลอดภัยและช่างซ่อมบำรุง

ชมนาดดึงพวงชมพูหลบไปอยู่อีกห้อง สมพลกับณพชัยลุกขึ้นเตรียมรับสถานการณ์ ทั้งสองแน่ใจว่าถ้อยคำที่ให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ นอกจากบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองที่เกี่ยวข้องกับสุพรรณิการ์แล้ว ไม่เคยพาดพิงถึงบุคคลอื่นในด้านลบ กระแสในโลกโซเชียลซึ่งลามปามและบานปลายไปด่าทอ หรือประณามคนอื่นตามข้อมูลซึ่งพวกเขารู้มานั้น ไม่ได้ไปจากปากคำของสมพล ณพชัย ชมนาด หรือแม้แต่เด็กหญิงตัวน้อยๆ อย่างพวงชมพู

นอกจากพนักงานรักษาความปลอดภัยกับช่างซ่อมบำรุงแล้ว กลุ่มคนที่ก้าวอาดๆ เข้ามาล้วนเป็นเหมือนปฏิปักษ์ คนเหล่านี้เองที่เคยคัดค้านการเจาะผนังอาคาร และผลักทุกอย่างเป็นหน้าที่ของญาติผู้ตาย ครั้นปัญหาเดิมยังหาทางออกไม่ได้ พวกเขาก็รวมหัวกับผู้ที่เห็นด้วย และคัดค้านการเจาะผนัง เปลี่ยนเป้าหมายใหม่ ติดป้ายกดดัน ผลักไส ไล่ส่ง และยื่นคำขาด

พวกเขาไม่ได้สังเกตผมบนหัวของสุพรรณิการ์ที่เปลี่ยนสีไป หน้าตาเคร่งเครียดของแต่ละคนสืบเนื่องมาจากถูกกระแสสื่อไล่ต้อนหนัก เป็นผู้จัดการใหญ่ที่ปริปากกล่าวกับสมพล

“เราจะประชุมเจ้าของร่วมอีกครั้งเพื่อหาทางออกร่วมกัน”

อรพรรณหันยิ้มไปทางณพชัย “ที่ผ่านมาก็ต้องขอโทษ เพราะเจ้าของร่วมกลัวศพจะส่งกลิ่น”

ประตูเปิดทิ้งไว้ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นกระเบื้องใกล้เข้ามา อาทิตย์ สุขประพฤติกับทีมงานพร้อมกันหยุดเท้าลงที่หน้าปากประตู แล้วจ้องมองเข้ามาเงียบๆ

อรพรรณจำอาทิตย์ได้ และรู้ว่าเป็นใคร หล่อนปรี่เข้าหาทันที

“คุณต้องแก้ข่าวให้เรา”

……………………………………


 อ่านทุกตอนคลิ๊กที่รูป 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่