-๑-
………….
ช่างไม้จากชนบทวัยห้าสิบสามพร้อมลูกสาวคนเล็กสุดอายุย่างสิบเอ็ดปี ลงจากเครื่องที่สนามบินดอนเมืองเมื่อเวลาเที่ยงเศษ ขณะอยู่บนแท็กซี่เด็กหญิงเผลอหลับไป ช่างไม้นั่งเงียบด้วยสีหน้ากังวล มือกุมสมาร์ทโฟนเครื่องเล็กไว้แน่น ไม่กล้าโทร.หาลูกสาวคนโตที่รออยู่อีกฝั่งหนึ่งของเมืองซ้ำ ส่วนข้อความที่ถูกส่งมาแกเปิดดูนับสิบรอบจนแน่ใจแล้วว่า เนื้อหาไม่มีทางเป็นอื่น
…พ่อจ๋า ช่วยหนูด้วย
หลังได้รับข้อความแกมึนงงไปชั่วครู่ ในความรู้สึกของแกข้อความนั้นเหมือนเสียงโหยไห้ที่ดังก้องแหวกความมืดอันไกลแสนไกลมากับสายลมอ่อน แกกดโทร.ออกถึงลูกสาว ไม่มีเสียงรับสายจนสัญญาณถูกตัดไป แกกดโทร.ซ้ำ และซ้ำอีกหลายครั้งประหนึ่งกระหน่ำย้ำลงกับความมืดซึ่งไร้เสียงตอบรับ จากสัญญาณกระทบหูไม่มีคนรับจนถูกตัดไป กลายเป็นความเงียบอันน่าร้อนใจ เกิดอะไรขึ้นกับสุพรรณิการ์
แกโทร.เข้าเบอร์ห้อง ไม่มีคนรับสาย โทร.ซ้ำอีกกี่ครั้งก็ไม่ต่างไปจากเดิม
ข้อความบนจอสมาร์ทโฟนเหมือนย้ายมาฝังลึกลงบนดวงตาของแก แล้วค่อยๆ กดทับความรู้สึก
…พ่อจ๋า ช่วยหนูด้วย
คล้ายเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง เตียงนอนยวบลงจนแทบแบนติดพื้น แถมยังเอียงไปด้านหนึ่ง ท่านอนที่ไม่ค่อยสบายนี่เองปลุกสุพรรณิการ์รู้สึกตัวตื่นก่อนเวลาอันควรในรุ่งสางของวันหยุด เธอลืมตานอนนิ่งอยู่บนเตียงที่เข้าใจว่าเอียงและยวบลง ปิดเปลือกตาลงอีกครั้งเพราะยังรู้สึกง่วง แต่ร่างที่เหมือนจะถูกเทไปทางด้านซ้ายมากเกินไป เร้าให้เธอลุกขึ้นจัดการกับเตียงและฟูกเจ้ากรรมนี่ก่อน
แรกเหมือนถูกของหนักทับร่างเอาไว้จนยากขยับเขยื้อน ครั้นพยายามยันตัวลุกนั่ง กลับรู้สึกคล้ายว่าร่างทั้งร่างของเธอถูกตอกสลักดาลติดไว้กับเตียงหิน ข้างนอกฟ้าสางแล้ว แสงเลือนจางก่อนอรุโณทัยสาดผ่านบานเกล็ดเข้ามาข้างใน สุพรรณิการ์พยายามยกแขนซ้ายอันหนักอึ้งชูขึ้น แล้วทันทีที่เอียงหน้ามองแขนข้างนั้นของตัวเอง เธอกะพริบตาถี่ๆ แล้วอุทานเสียงดัง
ไม่เพียงแขนซ้ายบวมใหญ่และพองโตขึ้นกว่าเดิมอย่างน่ากลัว แขนขวาก็ไม่ต่างกัน ขาสองข้างของเธอก็ดูหนักราวกับถูกตีตรวน เธอขยับแขน กระดกหัวแม่เท้าข้างขวาเป็นการลองเชิง งอขาเพื่อจะชันเข่า รับรู้ถึงความหนักสาหัสเกินจะบังคับร่างกายแต่ละส่วนให้เขยื้อนไปตามใจสั่ง หรือว่านี่เธอยังไม่ตื่นจากฝันร้าย
เอี้ยวคอกวาดตามองไปข้างเตียง ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลซึ่งเธอนอนกอดทุกคืนกระเด็นไปไกลเกือบติดผนังห้องด้านใน
นกกระจิบส่งเสียงร้องทักทายกันและกันในแสงเช้าของวันใหม่ บานเกล็ดกระจกใสริมประตูทางออกไปสู่ระเบียงสว่างจ้า หน้าต่างไม่มีผ้าม่านกั้นแสงจากข้างนอกสาดผ่านเข้ามาข้างใน สุพรรณิการ์ขยับกายเพื่อยืนยันกับตัวเองว่าเธอได้ตื่นจากความฝันแล้ว แขนและขามหายักษ์ของเธอไม่ใช่ภาพมายา ครั้นแล้วเธอก็พบว่าชุดนอนหลวมๆ ที่เธอสวมใส่ตอนหัวค่ำฉีกขาด เธอไม่ได้สวมชุดชั้นใน ไม่อย่างนั้นทั้งยกทรงและกางเกงในก็คงย่อยยับลงกับเรือนร่างที่ใหญ่พองขึ้นจากเดิมนับสิบเท่า
เธอตะเกียกตะกายลงจากเตียงที่ทรุดราบลงเพราะรับน้ำหนักไม่ไหว ลุกยืนเต็มตัวบนความสูงร้อยหกสิบสองเซนติเมตรเท่าเดิม ชุดนอนที่ฉีกขาดและปริแยกถูกสลัดพ้นตัวไปแล้ว ร่างมหึมาของเธอยืนเปล่าเปลือยตระหง่านอยู่ในห้องนอนขนาดสามสิบตารางเมตร
เธอลองหยิกแขน ยกมืออันใหญ่โตขึ้นตบหน้าตัวเอง ทั้งตื่นตระหนกและมึนงง ก่อนนอนเธอยังเป็นสาววัยยี่สิบแปดปีร่างอวบพองาม น้ำหนักเพียงห้าสิบเก้ากิโลกรัม ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ครั้นตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้าวันใหม่ เธอกลายร่างเป็นคิงคองที่ขาสองข้างเปลี่ยนเป็นท่อนซุงยักษ์ ขนาดแขนก็ใหญ่กว่าเสาไฟฟ้าริมถนน ลำตัว เอว สะโพก และหน้าอกหนาขึ้นจากเดิมเป็นสองสามเท่า
เธอลองขยับเท้าเดินช้าๆ เท้าที่กระทบพื้นกระเบื้องแม้ไม่เกิดเสียงดังแต่เธอรู้สึกถึงการลงน้ำหนักอันมหาศาล ยิ่งเมื่อก้มมองลงไปเห็นขนาดขาและเท้าของตัวเอง เธอถึงกลับเผลอหลับตา
เดินเข้าหาตู้เสื้อผ้าที่ด้านหน้ากว้างขนาดเมตรห้าสิบเซนติเมตร บัดนี้เหมือนมันดูเล็กลงจนเกือบจะพอๆ กับความหนาของตัวเธอ เปิดประตูแล้วหยิบเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่สุด แล้วก็พบว่าไม่สามารถที่จะสวมทับลงบนร่างของเธอได้อีกต่อไป
หยิบสมาร์ทโฟนจากโต๊ะเครื่องแป้ง พลันเหลือบไปเห็นเงาของตัวเองในกระจก รีบเบือนหน้าหลบด้วยความตื่นตระหนก ซวนเซแหวกม่านมู่ลี่ทะลุไปยังอีกห้อง เธอหันมองตู้เย็นขนาดเจ็ดคิวบิกนิ่งอยู่ชั่วครู่ คำนวณขนาดของมันนำมาเทียบกับเรือนร่างของเธอตอนนี้แล้วก็ดูเล็กกระจ้อยลงราวกับตู้เก็บรองเท้า
ขยับเพียงไม่กี่ก้าวเธอรู้สึกเหมือนเดินขึ้นภูเขา เหนื่อยหอบและหายใจแรง เหลือบมองโซฟาที่เคยนั่งเล่นและเอนหลังนอนดูโทรทัศน์ ไม่กล้าซานกายเข้าหาแล้วทรุดตัวลงนอน เทียบขนาดตอนนี้ ยกโซฟามาวางบนแผ่นหลังของเธอน่าจะเหมาะกว่า
หากไม่ใช่ฝันร้ายแล้วเกิดอะไรขึ้น ทำไมร่างกายเธอถึงเปลี่ยนไปเพียงชั่วข้ามคืน นมเปรี้ยวสองกล่องกับคุกกี้สี่ชิ้นที่กินก่อนนอนไม่น่าจะเป็นตัวต้นเหตุ เพราะเธอปฏิบัติตัวเช่นนี้ต่อเนื่องมายาวนานหลายปี หรือว่าไขมันสะสมฉวยโอกาสรวมตัวกันโจมตีร่างกายของเธอในยามหลับ …หรือว่าโรคภัยไข้เจ็บอันพิลึกพิลั่นบรรจงเลือกเธอเป็นเป้าหมายแรก ระดมพลด้วยความพร้อมแล้วพลันจู่โจมบุกรุกเข้ามาโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า
ก้มมองจอสมาร์ทโฟนที่เปิดพร้อมใช้งาน แรกเธอนึกถึงชายหนุ่มเพื่อนร่วมงานซึ่งเธอแอบหลงรักข้างเดียวมานาน ยึดมั่นเสมอมาว่าเขาคือแฟนคนแรกและเดียวที่เธอมี ครั้นหวนนึกถึงรูปร่างของตัวเองตอนนี้ เข่าสองข้างของเธอคล้ายจะอ่อนยวบ ผงะถอยหลังชนเข้ากับขอบโซฟา แล้วก็หงายหลังตึงล้มลง
ทั้งเหนื่อยหอบและแน่นหน้าอก ไม่อาจยันร่างอันมหึมาลุกขึ้นยืนได้อีก ไล่ปลายนิ้วไปยังเครื่องสมาร์ทโฟน กดเบอร์ที่เธอบันทึกไว้ในเครื่อง พยายามตั้งสติกดพิมพ์ข้อความ
…พ่อจ๋า ช่วยหนูด้วย
พิมพ์ข้อความกดส่ง เสียงหัวใจของเธอรำพันอย่างอ่อนล้า
…พ่อจ๋า หนูกำลังจะตาย
ช่างไม้สมพลพร้อมพวงชมพูลูกสาวตัวน้อยมาถึงคอนโดมิเนียมย่านชานเมืองฝั่งตะวันตกกรุงเทพฯ เกือบจะบ่ายสองโมง ความร้อนใจห่วงลูกสาวแกรีบออกเดินทางจากบ้านต่างจังหวัดอย่างรีบด่วน สมพลไม่ได้นำสัมภาระอะไรติดตัวมามากมาย นอกจากข้าวของเครื่องใช้ประจำวันในกระเป๋าสะพายข้างใบเล็ก คีย์การ์ดที่ลูกสาวให้ไว้เสียบเปิดประตูพูดได้ว่าสำเร็จ สวนทางกับคนที่เดินออกจากลิฟต์ เอื้อมมือดึงลูกสาวเข้าข้างใน กดชั้นแปดแล้วถอนหายใจเตรียมพร้อมรับสถานการณ์
พยายามคิดในแง่ดี จากคำพระที่เคยโปรยหว่านหลักปฏิบัติจากธรรมาสน์ และหนังสือธรรมะบางเล่มที่แกเคยอ่าน ทำดีคิดดีจะดึงสิ่งดีๆ เข้าหาตัวเอง คิดร้ายทำชั่วก็จะดึงสิ่งเลวร้ายเข้าสู่ชีวิต
ช่องทางเดินแคบๆ บนชั้นแปดแกเคยเดินผ่านไปมาหลายครั้ง เข้ากรุงเทพฯ ทำธุระอื่นเสร็จภารกิจแล้วแกจะแวะเยี่ยมลูกสาว บางทีก็พักค้างยาวนานถึงสองสามคืน พวงชมพูเองก็เคยมากับแกหลายครั้ง ถึงหน้าประตูห้องหมายเลข 813/122 แกหยุดเท้าลงแล้วจ้องมองลูกบิด สายยูไม่มีกุญแจคล้องล็อคไว้ นั่นแสดงว่าสุพรรณิการ์ไม่ได้ออกไปไหน
สมพลสูดลมหายใจเข้าลึก ขณะพวงชมพูยืนแนบชิดผนัง นิ่งทำใจจนพร้อมจะรับมือกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้แล้ว สมพลกำมือเคาะประตูเรียกลูกสาว
ไม่มีเสียงขานรับจากข้างใน สมพลเคาะซ้ำครั้งที่สอง ทุกอย่างเงียบและนิ่ง แกเคาะซ้ำอีกครั้งและแรงขึ้น ครั้นไร้สำเนียงตอบรับ แกเคาะแรงขึ้นพร้อมยกมืออีกข้างป้องปากตะโกนเข้าไป
แกเรียกชื่อเล่นลูกสาว “สุ สุ สุเอ๊ย… พ่อมาแล้วลูก”
หรือว่าสุพรรณิการ์ไม่ได้อยู่ในห้อง ไปตกระกำลำบากที่อื่นแล้วต้องการความช่วยเหลือ คิดดังนี้สมพลยิ่งร้อนใจและเป็นกังวลหนักขึ้น
…พ่อจ๋า ช่วยหนูด้วย
ข้อความของลูกสาวผุดขึ้นหลอนความรู้สึกอีกรอบ สมพลเคาะแผ่นไม้กระดานแรงขึ้นจนห้องข้างๆ เปิดประตูออกมายืนจ้องเขม็งด้วยสีหน้าไม่พอใจ แรกสมพลคิดจะเอ่ยถามพวกเขา ครั้นเห็นท่าทีแต่ละคนเหมือนกำลังโกรธที่แกรบกวนเวลาพักผ่อนและความบันเทิงอื่น สมพลสบตากับพวกเขาเป็นเชิงขอโทษแล้วก้มหน้าลงช้าๆ ดึงมือลูกสาวเดินไปตามช่องทางแคบๆ
กดลิฟต์ลงข้างล่าง ออกจากประตูเดินอ้อมสวนหย่อมเล็กๆ ถึงหน้าห้องนิติบุคคล สมพลหยุดเท้าลงแล้วเงยหน้ามองเข้าไปข้างใน
ภมร หนุ่มวัยสามสิบเศษร่างผอมบาง ซึ่งเป็นผู้จัดการนิติบุคคลจำสมพลได้ เขาให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีเมื่อสมพลต้องการช่างซ่อมบำรุง นั่งรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ชายวัยต้นสามสิบที่เพิ่งเสร็จจากการซ่อมก๊อกน้ำค่อยโผล่หน้าเข้ามา
สมพลบอกไปว่า “ลูกสาวอยู่ในห้องไม่รู้เป็นอะไร เคาะหลายรอบไม่ยอมเปิดประตู”
ชิต ช่างซ่อมบำรุงเคยพังประตูห้องในคอนโดฯ หลายครั้ง ทั้งกรณีเจ้าของห้องเผลอลืมลูกกุญแจไว้ข้างใน และอุบัติเหตุอื่นที่เกิดขึ้นกับเจ้าของร่วมต่างกรรมต่างวาระ เขาหยิบคีมเหล็กอันใหญ่ที่ใช้ทำลายลูกบิดประตูได้อย่างง่ายดายเดินตามสองพ่อลูกเข้าไปในตัวอาคาร
ภมรตามขึ้นมาเพื่อดูให้แน่ชัดว่าสมพลไม่ได้ให้ช่างซ่อมบำรุงไปทะลวงประตูห้องของคนอื่น ช่องทางเดินช่วงกลางวันสงบอยู่กลางแสงไฟเพดานซึ่งภมรเป็นคนกดสวิตซ์เปิดเมื่อครู่ ชิตให้เวลาไม่กี่นาทีก็จัดการกับลูกบิดประตูได้สำเร็จ ยังเหลือลูกกลอนข้างในเป็นอุปสรรคอีกชั้น
ด้วยวิชามารชั้นสูงของช่างซ่อมบำรุงมืออาชีพ แทนที่จะใช้ไหล่พุ่งกระแทกพังประตูเข้าไป เขาจัดการเลาะบานพับทั้งบนและล่างจนในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออก
ไฟยังเปิดสว่าง ห้องในส่วนที่จัดแต่งเป็นพื้นที่นั่งเล่นและทานอาหารขนาดหกสิบตารางเมตร ข้าวของทุกชิ้นยังวางเป็นระเบียบ ประตูด้านหลังที่เปิดออกไปทางระเบียงปิดสนิท เครื่องปรับอากาศในห้องนอนส่งไอเย็นผ่านมู่ลี่กั้นระหว่างสองห้อง กลิ่นน้ำหอมจางๆ โชยแตะจมูกของคนที่ผ่านประตูเข้าสู่ภายใน
ร่างใหญ่โตของสุพรรณิการ์นอนเค้เก้อยู่บนปลายโซฟาที่พังลงทาบพื้น ริมฝีปากและดวงตาสองข้างของเธอปิดสนิท ผ้าที่คลุมร่างไว้หลวมๆ หลุดลุ่ย เด็กหญิงพวงชมพูเบิกตากว้างก่อนโผเข้าซบสีข้างของพ่อ
สมพลกอดลูกสาวคนเล็กไว้ด้วยแขนซ้าย เบิกตามองลูกสาวอีกคนที่นอนนิ่งหมดลมหายใจ แกมาช้าไป ไม่อาจช่วยเหลืออะไรลูกสาวที่น่าสงสารผู้นี้ได้ กว่าจะหาตั๋วเครื่องบิน กว่าจะเหินฟ้าจากจังหวัดบ้านเกิดเข้ากรุงเทพฯ และกว่าแท็กซี่จะฝ่าด่านรถติดมาถึงจุดหมายปลายทาง
แม้ใบหน้านวลผ่องที่แกเคยเห็นเบ่งบานขยายกว้างออกไป เช่นเดียวกับรูปร่างทุกส่วนก่อนจะหมดลมหายใจใหญ่โตขึ้นจากเดิม ถึงกระนั้นสมพลก็ยืนยันกับตัวเองด้วยความมั่นใจว่า นี่คือลูกสาวคนโตของแกอย่างแน่นอน ไม่ใช่ใครอื่น
สามเดือนก่อนเธอยังเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน แม้รูปร่างค่อนข้างท้วม แต่ไม่ได้อ้วนใหญ่ขนาดช้างน้ำอย่างที่แกเห็นในเวลานี้
เกิดอะไรขึ้นกับสุพรรณิการ์…
……………………………………
อ่านทุกตอนคลิ๊กที่รูป
ทำไม ไม่โทรหาให้คนอื่นมาดูก่อน พ่อนะพ่อ
อ่านแล้วตื่นเต้นตามเลยครับ ลุ้นมาก