ผีไร้หน้า (ตอนแรก)
……..
ฤดีเข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ความรู้สึกแปลกแยก แตกต่างจากคนที่นี่ ทำให้เธอรู้สึกว่าตนเป็นคนนอกเสมอ อยู่อีกฝั่งของกำแพงที่มองไม่เห็น แต่รับรู้ได้ รู้สึกได้
ฤดีมาอยู่กับป้าเมื่ออายุได้ห้าขวบ หลังจากแม่ตายและพ่อมีภรรยาใหม่ อันที่จริงป้าอยากจะรับลดาน้องสาวของเธอมาอยู่ด้วย แต่เนื่องจากป้าเองเป็นสาวโสด ทำงานขายข้าวแกงหน้าบ้านไม่ค่อยมีเวลาดูแลเด็กเล็ก เลยรับฤดีที่พอจะดูแลตัวเองได้บ้างแล้วมาแค่คนเดียว
เด็กหญิงรู้ตัวดีตั้งแต่วันนั้น ว่าตนมาอยู่กับป้านี้ เป็นการเพิ่มภาระดูแลให้กับป้า จึงไม่สร้างปัญหาเพิ่ม แต่พยายามช่วยเหลืองานป้าเท่าที่ตนจะทำได้ เป็นเด็กเรียบร้อย ตั้งใจเรียนเมื่ออยู่ที่โรงเรียน และขยันขันแข็งช่วยงานที่ร้านไม่เคยปริปากบ่น
ป้าของเธอเป็นคนไม่ค่อยพูดและไม่แสดงออกทางอารมณ์มากนัก ไม่เคยบอกรัก กอด หอมแก้ม ไม่เคยซักถามเรื่องที่โรงเรียน ไม่มีกิจกรรมอื่นร่วมกันนอกเหนือไปจากกิจวัตรประจำวันที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต
ฤดีได้เข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนระดับกลางๆ ใกล้บ้าน เธอสอบได้ที่ 1 ทุกเทอม เข้าร่วมการแข่งขันวิชาการทุกประเภทและได้รับรางวัลมากมาย ไม่เว้นกระทั่งประกวดสวดมนต์สรภัญญะ คาดหวังในใจลึกๆ ว่าความเพียรพยายามจะเป็นคนที่ดีเลิศในสายตาของป้าและคนรอบข้าง จะส่งผลในสักวัน
เธอต้องการการยอมรับ ชื่นชม มากมายกว่าที่ตัวเองคาดคิด ดังนั้นหลังรับโล่เกียรติคุณ สิ้นเสียงปรบมือแสดงความยินดี จิตใจที่เบ่งบานพองฟูเต็มอก ก็กลับเหี่ยวแห้งแฟบลงในเวลาไม่ช้า เหมือนเติมน้ำลงในตุ่มรั่วที่ไม่มีวันเต็ม
ทำเนียบนักเรียนดีเด่น มีชื่อเธอติดหราอยู่เสมอ แต่ในบรรดานักเรียนไม่มีใครจดจำเธอได้มากไปกว่าเด็กเรียนสิวเขรอะหน้าแป้นๆ คนหนึ่ง ป๊อปปูล่าเกิร์ลตัวจริงต้องสวย น่ารัก บุคลิกดี ยิ้มสวย ฟันเรียงเป๊ะ นั่นแหละเขาถึงจะเรียกว่าดาวโรงเรียน มีแต่คนอยากรู้จัก มีแต่คนอยากเข้าหา ได้รับการปรนนิบัติดูแลอย่างดี แตกต่างจากคนอื่นๆ ได้รับอภิสิทธิ์พิเศษในฐานะคนพิเศษ ใครๆ ก็รู้ ฤดีก็รู้ และนั่นทำเธอปวดร้าว เมื่อคิดว่าไม่มีที่ว่างในฐานะนั้นให้กับคนอย่างเธอ
วันที่เธอลงสมัครประธานนักเรียน ครูอาจารย์ทุกท่านต่างพูดตรงกันว่าเธอมีความเหมาะสม ทั้งศักยภาพ ความคิด ความสามารถ นโยบายของเธอก้าวหน้า และมีประโยชน์ต่อการพัฒนาการเรียนรู้ในโรงเรียน แต่ในที่สุดตำแหน่งประธานนักเรียนก็ตกเป็นของคนสวยสุดป๊อปที่ตอนนี้ได้เป็นดารานำในซีรีส์วัยรุ่นเรื่องดังทางโทรทัศน์ ทั้งที่เธอคนนี้นอกจากชื่อเสียงจากการเป็นดาราแล้ว ก็ไม่เคยสร้างประโยชน์อื่นให้โรงเรียนอย่างที่ฤดีทำเลยสักครั้ง
ความเจ็บช้ำและน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งถูกตอกย้ำลงไปอีก เมื่อเธอได้ยินใครบางคนพูดว่า เสียดายนะ ถ้าฤดีได้เป็นประธาน เราอาจจะได้กินข้าวแกงฟรี แล้วก็หัวเราะเยาะกันครื้นเครง
หลังจากเรื่องนั้นฤดีหันมาตั้งความหวังกับชีวิตใหม่ในมหาวิทยาลัย หากเธอสอบเข้าที่ดีๆ ได้ สังคมใหม่ เพื่อนใหม่ ในห้อมล้อมของผู้คนที่จะมองเห็นคุณค่าของเธอจริงๆ อาจจะทำให้เธอมีความสุขขึ้นได้ เมื่อเธอเรียนจบ เธอจะต้องได้ทำงานดีๆ มีเงินมากพอที่จะพาตัวเองออกไปจากจุดนี้ จุดที่ไม่มีใครเห็นค่า ไม่มีใครเห็นหัว ไม่มีใครจำหน้าหรือจำชื่อได้
ฤดีสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังได้สมใจ วันนั้นเธอดีใจ กระโดดเข้ากอดป้าที่แอบมายืนลุ้นฟังผลสอบอยู่ด้วย นั่นเป็นครั้งแรกที่ฤดีเห็นป้ายิ้ม ลูบหัวเธอ และชมเธอว่า “เก่งมาก” ดอกไม้แห่งความหวังผลิบานในหัวใจเธออีกครั้ง คืนนั้นทั้งคู่สวดมนต์ก่อนนอนร่วมกัน และป้าอวยพรให้เธอประสบความสำเร็จในการเรียนและการทำงานอย่างที่เธอตั้งใจ
ฤดีเล่าให้ป้าฟังว่าเธอตั้งใจไว้อย่างไรเมื่อเรียนจบ ป้าหัวเราะเบาๆ แล้วว่า “ขอบใจนะ”
โชคร้ายมาถึงเมื่อวันหนึ่งป้าออกไปซื้อของมาทำกับข้าว แล้วถูกคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ ป้าพยายามต่อสู้จึงถูกแทงเข้าที่ลำตัวหลายแผล กว่ารถกู้ภัยและความช่วยเหลือจะมาถึง ป้าก็เสียชีวิตลงเสียแล้ว
ธุระจัดการเรื่องการทำศพป้าไม่ได้หนักหนานัก ป้าเป็นสมาชิกกองทุนฌาปนกิจของหมู่บ้าน และเพื่อนบ้านที่รักใคร่ชอบพอกันก็มาช่วยกันดูแลจนงานศพลุล่วงไปด้วยดี ป้ายังทำประกันชีวิตไว้จำนวนหนึ่ง ฤดีจึงมีทุนรอนสำหรับดูแลตัวเองอีกก้อน ที่แม้ไม่ได้มากมายแต่ก็น่าจะช่วยให้เธอไม่ลำบากนักในช่วงแรก
ฤดีสับสนและหวาดกลัวเมื่อรู้ว่าต้องอยู่ตัวคนเดียวในกรุงเทพฯ แวบหนึ่งเธอคิดว่าอาจจะดีกว่าถ้ากลับไปอยู่กับพ่อและน้องสาว แต่จากข่าวที่ได้ยินมา สถานการณ์ที่นั่นดูเหมือนจะเลวร้ายกว่า น้องสาวของเธอถูกแม่เลี้ยงทำร้าย ทารุณต่างๆ นานา ล่าสุดดูเหมือนลดาจะหนีตามครูสอนภาษาอังกฤษ และมีลูกมีครอบครัวไปเสียแล้วด้วย
ในที่สุด ฤดีก็ตัดสินใจจะอยู่ที่นี่ต่อ และใช้ทุนจากเงินประกันของป้า บวกกับขายกับข้าวสำเร็จตามวิชาความรู้ที่ได้มาจากป้า ส่งเสียตัวเองเรียนจนจบชั้นปริญญาตรี เธอตั้งใจจะเป็นคนใหม่ คนที่มีใบหน้า มีตัวตน เป็นคนสำคัญที่จะไม่มีใครมาดูถูก เหยียดหยามหรือกีดกันเธอออกเป็นคนวงนอกอีก
แพทตี้ คือชื่อใหม่ที่เธอตั้งขึ้นเอง ด้วยความรู้สึกว่าเป็นชื่อที่เก๋กว่า สวยกว่า ทันสมัยกว่าชื่อเดิมของเธอที่แม่ตั้งให้ ชื่อที่ฟังดูเรียบๆ บ้านๆ ซ้ำ โหล เหมือนๆ กับเด็กผู้หญิงอีกหลายคนในประเทศนี้ และเด็กหญิงเหล่านั้นก็ล้วนเป็นบุคคลที่อยู่วงนอกทั้งสิ้น
ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย สวยงามสดชื่นราบรื่นดีในช่วงแรกๆ เช่นเคย แพทตี้ไม่ใช่สาวป๊อปปูล่าร์ในหมู่เพื่อนๆ สักเท่าไหร่ ยกเว้นเวลาที่จะต้องทำรายงานกลุ่มหรือติวเพื่อเตรียมสอบ
ทว่า ในความราบรื่นเหล่านั้น บทบาทและภาพลักษณ์ของแพทตี้ ก็ยังถูกทำให้แปลกแยกกว่าเพื่อนๆ เหมือนมีม่านบางๆ กั้นอยู่โดยที่เพื่อนๆ ของเธอก็คงไม่ทันได้สังเกต เวลาที่ชวนกันไปเที่ยวกลางคืน ไม่มีใครเอ่ยปากชวนแพทตี้ หรือบางครั้งก็เอ่ยชวนสั้นๆ อย่างเสียไม่ได้ และมักปิดด้วยประโยคว่า “แต่แพทตี้คงไปไม่ได้หรอกเนาะ ต้องขายของนี่”
หลายครั้งที่มีคนเล่นมุกตลกเกี่ยวกับอาหาร มักจะมาลงที่แพทตี้เสมอ เลวร้ายที่สุดคือครั้งที่อาจารย์เล่นมุกตลกล้อเพื่อนคนหนึ่งในชั้นเรียนว่า “เกรดขนาดนี้ไม่ต้องเรียนต่อละ ไปรับจ้างตักแกงที่ร้านแพทตี้ดีกว่า”
เพื่อนหัวเราะกันครืน แต่แพทตี้นั่งหน้าชา แม้ไม่ได้พูดถึงเธอตรงๆ แต่ความหมายที่แฝงอยู่ในประโยคนั้นของอาจารย์ ก็ทำให้ได้รู้ว่า คนอื่นๆ มองอาชีพขายแกงถุงของเธอต่ำต้อยแค่ไหน
เกียรตินิยมอันดับหนึ่งในมหาวิทยาลัยรัฐชั้นนำของฤดีหรือแพทตี้ ทำให้เธอได้งานทำง่ายขึ้นบ้าง ความสามารถของเธอก็ไม่ด้อยกว่าใคร
หญิงสาวศึกษาหนังสือที่สอนการวางตัว วิธีมัดใจคน เอาชนะใจเพื่อนร่วมงานพยายามปรับตัว ทำสิ่งที่ทุกคนชอบ สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้คนยอมรับและประทับใจ คือต้องละลายกำแพงออก แสดงตัวตนว่าเธอเองก็เป็นพวกเดียวกันกับเขา อยู่ข้างเดียวกัน อาจจะเป็นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือถ้าดีกว่าคือทุกเรื่อง
หัดเป็นคนยิ้มง่าย ไม่ปฏิเสธการร้องขอความช่วยเหลือ สนิทสนม กลมกลืน ละลายใบหน้าตัวเองออกจนเหลือใบหน้าเดียวกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
…………………………………………..
# (อ่านต่อตอนจบ)—->>>> คลิ๊กเลย