ผีไร้หน้า (ตอนจบ)
……..

ตราบใดที่ยังเป็นคนนอก เป็นคนอื่น จะไม่มีใครเห็นใบหน้าของเรา แต่ถ้าเราเป็นพวกเดียวกัน มีใบหน้าเดียวกันแล้ว ได้รับการยอมรับแล้ว นั่นแหละตัวตนของเราถึงจะชัดเจนขึ้น

แพทตี้หัดหัวเราะกับมุกตลกโง่ๆ ให้ดูเป็นธรรมชาติ เล่นมุกเสี่ยวๆ ที่พวกดาราในทีวีกำลังนิยม ติดตามละครหลังข่าวเรื่องดัง และหัดฟังเรื่องนินทาโดยเฉพาะเรื่องลับข่าวคาวของเพื่อนที่เพิ่งเดินหันหลังออกจากกลุ่ม

สีผม เสื้อผ้า การแต่งหน้าก็สำคัญ คิ้วที่โก่งไป บางไป หรือหนาไปเพียงนิดเดียวจะทำให้เธอกลายเป็นตัวตลกในวงนินทาหน้ากระจกห้องน้ำหญิงเอาได้ง่ายๆ สีลิปสติกต้องไม่ซีดเหมือนคนป่วย และไม่สดเหมือนเพิ่งไปกินเลือดใครมา ต้องไม่เตะตาจนเกินไป และต้องไม่จมหาย

ย้ายไปเช่าคอนโดหรูชื่อดังกลางใจเมืองที่เธอจะไม่อายเวลาใครถามถึงที่อยู่

แต่กระนั้น บางอย่างก็ยังทำให้เธอรู้สึกเข้าไม่ถึงโอกาสสูงสุดในหน้าที่การงาน

แพทตี้ปวดร้าวเหมือนถูกขยี้ส้นเท้าลงบนแผลเดิมๆ เมื่อสังเกตเห็นว่าผู้หญิงที่หน้าตาดีในที่ทำงาน จะได้รับการปฏิบัติดูแลที่ดีกว่าจากคนรอบข้าง ได้รับการสนับสนุนชื่นชมมากกว่า มีคนรับฟังมากกว่า ทั้งๆ ที่บางทีเป็นประโยคเดียวกันด้วยซ้ำ

กลายเป็นว่า ความพยายามทั้งหลายทั้งปวงที่ทำมาตลอดหลายปีของแพทตี้ ประสบผลสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมและน่าเศร้า เธอละลายใบหน้าตัวเองหลอมรวมเข้ากับทุกๆ คนที่นี่ได้อย่างราบรื่น เป็นที่ชื่นชอบของทุกคนในระดับกลางๆ  มีคนนึกถึงและจดจำได้เท่าที่ควรจะเป็น

เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำหญิงของบริษัท มองหาใบหน้าเดิมของตัวเองตอนก่อนจะเริ่มพยายามมากขนาดนี้ แต่ก็พบเพียงใบหน้าว่างเปล่าเหมือนหน้ากาก เหมือนผีไร้หน้า เหมือนทุกคนรอบตัวที่เดินเข้าเดินออกในตอนนี้

ยิ้มเดียวกัน หัวเราะกับมุกตลกฝืดในโทนเสียงเดียวกัน แม้แต่เสื้อผ้า กระเป๋า ก็ยังเป็นยี่ห้อเดียวกัน อวดรองเท้าใหม่ นินทาเจ้านาย ละครตอนอวสาน

ทุกอย่างเหมือนถูกปั่นผสมในเครื่องปั่นจนเหลวเละกลายเป็นเนื้อเดียว ไม่อาจระบุได้ว่าสีอะไร หรือที่มาที่ไปก่อนหน้านั้นคืออะไรกันแน่ และนั่นก็ทำให้อะไรบางอย่างในตัวของเธอระเบิดออก

เธอกำลังจมหายลงไปในบ่อโคลนที่เต็มไปด้วยผีไร้หน้า พยายามเสแสร้งแสยะยิ้มและกีดกันคนนอกไม่ให้ก้าวเข้ามาในกลุ่มคนที่รู้สึกว่าเหนือกว่า ในที่สุดเธอก็กลายเป็นสิ่งที่ตัวเองเคยเกลียด

ไม่ มันไม่ใช่แบบนี้ เธอทนไม่ได้ที่ตัวเองกำลังจะเลือนหายไปในที่สุด ตัวตนที่พร่าเลือนของแพทตี้ตะเกียกตะกายอย่างยิ่งยวดที่จะผุดขึ้นมาจากบ่อตมนั้น ทำอย่างไรถึงจะหลุดออกไปจากความว่างเปล่า คำตอบก็กำปั้นทุบดิน นั่นคือใบหน้าของเธอต้องไม่ว่างเปล่า เธอจำเป็นต้องมีใบหน้า ต้องไม่จมหาย ทุกคนต้องยอมรับ ทุกคนต้องจำได้

เธอเดินออกจากห้องน้ำ ยื่นใบลาออกจากงานในวันนั้นโดยไม่แจ้งเหตุผล

ตัดสินใจนำเงินเก็บทั้งหมดทำศัลยกรรมแต่งจมูก ปาก เหลากราม ทำครอบฟันขาวเหมือนดารา โชคดีที่เธอมีผิวขาวเหลืองเนียนละเอียด มีรูปหน้าเรียวสวย และดวงตากลมโตหวานได้รูปเป็นต้นทุนอยู่แล้ว แม้จะตัวเล็ก แต่รูปร่างก็สมส่วน จึงไม่ต้องเปลี่ยนอย่างอื่นอีก

หลังผ่านความเจ็บปวดทางกายมาแล้ว ถึงวันที่เปิดผ้าพันแผลออก หญิงสาวก็ได้รับรางวัลของเธอ ใบหน้าใหม่ที่แม้ไม่ได้เปลี่ยนทั้งหมดโดยสิ้นเชิง แต่ก็สวยโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมาก

เมื่อลองยิ้มกับกระจก ฟันเรียงสวยขาวสะอาดได้รูปของเธอทำให้เธอดูแปลกไปกว่าเดิม วินาทีนั้น ความรู้สึกเจ็บปลาบเหมือนเหยียบเศษแก้ว วาบขึ้นในใจ เธอรู้สึกถึงบางอย่างในตัวเธอที่ตายจากไป

แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น

ชีวิตหลังได้หน้าใหม่ของแพทตี้เปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ เธอให้โอกาสตัวเองได้พบปะผู้คนหลากหลาย และเริ่มมีชายหนุ่มเข้ามาติดพันมากมายหลายฐานะอาชีพ แต่ความเป็นผู้หญิงบุคลิกจริงจัง คิดมาก และไอคิวสูงจนน่าขนลุกของเธอทำให้หลายคนท้อ

แพทตี้ไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก เธอพบว่าไม่มีใครเหมาะสมคู่ควรหรือเข้าใจความเป็นเธอ ทั้งๆ ที่เธอก็เริ่มไม่ค่อยแน่ใจในความเป็นตัวเองเสียแล้ว

หญิงสาวได้รับโอกาสทำงานในตำแหน่งที่เรียกว่าเป็นหน้าตาของบริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง และในช่วงเวลานั้นเองที่รายการทางโทรทัศน์รายการหนึ่งกำลังโด่งดังขึ้นมา

รายการนี้ ชื่อรายการ Wannabe เป็นรายการที่ให้ผู้คนขึ้นมาแสดงความสามารถบนเวที อะไรก็ได้ ที่คิดว่าจะมีมากพอแลกกับการให้ผู้สนับสนุนของรายการที่เป็นทุนใหญ่พอใจ และยอมมอบโอกาสให้ผู้เข้าร่วมรายการดีทำตามความใฝ่ฝัน

 

รายการนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เพราะมีทั้งความสนุกสนาน ตื่นเต้น ลุ้นระทึก มีเสียงหัวเราะ มีน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง ประทับใจ การที่คนดูได้เห็นผู้คนที่ขาดโอกาสที่มีความสามารถและตั้งใจดี ได้รับผลแห่งการคิดดี ทำดี ได้รับโอกาส ได้รับความเมตตาจากผู้ที่สูงส่งด้วยอำนาจและเงินทอง มันเป็นเรื่องที่น่าประทับใจและช่วยให้จิตใจของคนที่แห้งแล้งได้ชุ่มชื้นขึ้น ตื้นตันจนน้ำตารื้น

แพทตี้จำได้ว่า เมื่อสมัยวัยรุ่นเธอเคยจินตนาการเล่นๆ ในห้องเรียนที่แสนน่าเบื่อ ถึงช่วงเวลาที่แสงไฟสปอร์ตไลท์จะสาดส่องมาที่เธอที่กำลังยืนบนเวที ร้องเพลง เต้นคอนเทมโพลารีแดนซ์  หรือกล่าวสุนทรพจน์เท่ๆ ตามด้วยเสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดีของผู้คน เพลงที่แพทตี้ชอบจินตนาการถึง มักเป็นเพลงแนว Musical เพราะเนื้อหาและเมโลดี้มักมีพลังสะกดใจเธอทุกครั้งที่ได้ฟัง

วันหนึ่งแพทตี้กำลังสนุกกับการเล่นจินตนาการร้องเพลง Don’t cry for me Argentina.อยู่ในห้องน้ำออฟฟิศ และสนุก กับมันจนไม่ทันได้สังเกตว่าเธอร้องมันออกมาจริงๆ ด้วย

 

I had to let it happen, I had to change
Couldn’t stay all my life down at heel
Looking out of the window, staying out of the sun.

 

กว่าจะรู้ตัว เสียงปรบมือก็ดังขึ้นจากด้านหน้าห้องน้ำ ปรากฏว่า หัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานอีกสองสามคนที่ซุ่มฟังอยู่ชื่นชมเอามาก และหัวหน้าก็เกิดผุดไอเดียล้ำเลิศขึ้นมาตอนนั้น

“พอดีเลย พี่เพิ่งประชุมผู้บริหารเสร็จมาเมื่อกี้ เราสรุปกันว่า ปีนี้อยากให้มีการระดมทุน เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อการกุศลของบริษัท ก็มีคนเสนอให้ส่งตัวแทนไปรายการ Wannabe นี่แหละ เสนอชื่อกันมาหลายคน แต่ก็ไม่เห็นมีใครเข้าตาประธาน แต่ถ้าเป็นแพทตี้ ยังไงก็ผ่านแน่ๆ สวย เก่ง แถมยังเสียงดีอีก นี่พี่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่าแพทตี้ร้องเพลงเก่งขนาดนี้”

ในสภาพเหมือนตกบันไดพลอยโจน หญิงสาวปฏิเสธไปในตอนแรก แต่เมื่อเรื่องความสามารถของเธอไปถึงหูประธานบริษัทที่ก็จ้องๆ เธออยู่ จนถึงกับมาออกปากขอร้องด้วยตนเอง แพทตี้ก็ปฏิเสธไม่ออก ประกอบกับตัวตนลึกๆ ที่ซ่อนอยู่ข้างในก็ปรารถนาจะเผยตัวตนต่อหน้าทุกคนบนโลกสักครั้งในชีวิต เธอจึงตกปากรับคำ

การปรากฏตัวของแพทตี้บนเวทีเรียกเสียงฮือฮาได้ในวินาทีแรกๆ เพราะรูปโฉมอันงดงามแบบพิมพ์นิยมและท่วงท่าสง่างาม องอาจมั่นใจ แพทตี้ยิ้มหวาน ยกมือไหว้ด้วยท่วงท่าที่ซักซ้อมอยู่ในจินตนาการมาเป็นหมื่นๆ ครั้ง

แต่ในฉับพลันที่เธอเอ่ยแนะนำตัวด้วยชื่อจริงของเธอ แพทตี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมือขนาดใหญ่จากอีกโลกหนึ่งที่เธอจากมาไกลตบหน้าเอาอย่างแรง

ภาพของพ่อ แม่ ที่นอนนักเรียนอนุบาลที่มีชื่อจริงของเธอปักด้วยฝีมือแม่ ลดาน้องสาวตัวน้อยผมยุ่งเหยิงที่ร้องไห้จนหายใจไม่ทันในวันที่เธอจากมาอยู่กับป้า เสียงผัดอาหารในกระทะตอนตีสี่ เงาของควันอาหารในภาพย้อนแสงจากหน้าต่างตึกแถวตอนใกล้รุ่ง ใบหน้าป้ากำลังยิ้ม ลูบหัวเธอ และชมเธอว่า “เก่งมาก”

แล้วคำถามและคำตอบมากมายที่อัดแน่นอยู่ในเนื้อหนังของความเป็นแพทตี้ ความเป็นฤดี พองฟูขึ้นจนถึงจุดระเบิดอีกครั้ง เธอสับสนว่านี่คือความจริงหรือความฝัน ท่ามกลางแสงสปอร์ตไลท์ที่สาดใส่หน้าจนตาพร่า เธอนึกไม่ออกอีกต่อไปว่าตัวเองมาถึงที่นี่ได้ยังไง และทำอะไรอยู่ตรงนี้

หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกผู้คนทั้งโลกบังคับให้เปลือยเปล่าต่อหน้ากล้องท่ามกลางแสงไฟสาดส่อง กดดันให้เธอส่งเสียงร้องคร่ำครวญเพื่อแลกกับการสำเร็จความใคร่หมู่ทางศีลธรรมของคนดูทางบ้านที่ก็คงไร้ใบหน้าเช่นเดียวกันกับเธอในตอนนี้

เธอยืนนิ่งงันหน้าไมโครโฟน ไม่ได้ยินเสียงพิธีกรที่พยายามเล่นมุกแก้สถานการณ์ ไม่ได้ยินเสียงทีมงาน และเจ้านายที่พยายามตะโกนเชียร์ให้เธอเริ่มร้อง

เทปบันทึกรายการช่วงที่แพทตี้ขึ้นไปยืนนิ่งงันอยู่หน้าไมค์โครโฟนจะไม่ได้ออกอากาศ เพราะมันไม่มีพลังมากพอจะทำให้คนดูหัวเราะหรือร้องไห้ และมันไม่สนุก ไม่มีอะไรน่าจดจำ เป็นเพียงช่องว่างในอากาศที่จำต้องตัดทิ้ง

อย่างไรก็ดี หญิงสาวไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีกในเวลาต่อมา เธอไม่ได้ถูกไล่ออก ไม่มีใครตำหนิหรือต่อว่า แต่เธอก็เลือกที่จะไม่พูดอธิบายอะไรกับใคร เก็บข้าวของออกจากที่ทำงาน และไม่กลับเข้าไปอีกในวันรุ่งขึ้น

หญิงสาวกลับมาอยู่บ้านตึกแถวที่เธอเคยอาศัยอยู่กับป้า มรดกชิ้นสุดท้ายที่ป้าทิ้งไว้ให้ ไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่หัวเราะ ไม่ร้องไห้ และไม่อธิบายอะไรกับใคร ตั้งหน้าตั้งตาเก็บกวาดทำความสะอาดจนบ้านเอี่ยมอ่องอีกครั้ง

หลายเดือนต่อมา เมื่อชายหนุ่มหลายคนและลูกค้าจำนวนมากเกี้ยวพาราสี ยื่นข้อเสนอดูแล เล่นมุก กระทั่งแสดงความคิดเห็นด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจ ความงามของฤดีไม่คู่ควรกับที่นี่ เธอควรจะได้รับโอกาสไปทำงานหรืออยู่ในสถานะอื่นที่ดีกว่าขายกับข้าวอยู่ในซอกรูหนูแบบนี้

หญิงสาวยืนมองตัวเองหน้ากระจก มองดูสิ่งที่ตนทำหายไป และสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมา ทำความเข้าใจและยอมรับมันอย่างสงบ ตัดผมสั้นเกรียนด้วยกรรไกรตัดกระดาษของป้า สวมหน้ากากปิดปากและจมูก ใส่เอี๊ยมกันเปื้อนของป้า ยิ้มน้อยๆ ใต้หน้ากากนั้น หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยเปิดเผยใบหน้าให้ใครได้เห็นอีก #.

    …………………………………………..

# (อ่านตอนแรก)—->>>> คลิ๊กเลย

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่