“ไม่มีแขนแล้วไง ใช้เท้าแต่งหน้าก็แล้วกัน”คือแคปชั่นที่ฝ้าย-บุญธิดา ชินวงษ์ โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว เด็กสาวที่เกิดมาร่างกายไม่สมบูรณ์ แขนขาดทั้งสองข้าง มีเพียงเท้าเล็ก ๆ ทำหน้าที่แทนมือ แต่ก็ไม่สมบูรณ์พอจะพยุงให้เธอยืนและเดินได้ ฝ้ายจึงต้องนั่งบนรถเข็นวีลแชร์แทน เมื่อไม่นานมานี้คลิปของเธอได้ถูกแชร์เผยแพร่ในโลกออนไลน์ สร้างความมหัศจรรย์ให้แก่ผู้ชม เมื่อสาวน้อยใช้เท้าหยิบจับเครื่องสำอางมาแต่งหน้าของตนได้อย่างคล่องแคล่วและสวยงาม ไม่แพ้คนทั่วไปที่มีแขนและมือสองข้างครบ กลายเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ที่มีชื่อเสียง แบ่งปันเทคนิคการแต่งหน้า พร้อมทั้งแบ่งปันกำลังใจให้แก่ผู้ที่ติดตาม

ฝ้าย-บุญธิดา ชินวงษ์

ทีมงานติดต่อฝ้ายผ่านการส่งข้อความในแอพพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งเป็นอีกสิ่งที่น่าทึ่งเมื่อเธอเป็นผู้พิมพ์ข้อความทั้งหมดเองโดยการใช้เท้าทั้งสอง ฝ้ายเปิดบ้านต้อนรับทีมงาน ออล แม็กกาซีน ด้วยรอยยิ้มสดใสและเสียงหัวเราะที่เจือตลอดการเล่าเรื่องราวของเธอ ฝ้ายเริ่มต้นชีวิตนักเรียนที่โรงเรียนศรีสังวาลย์ ซึ่งเป็นโรงเรียนสำหรับผู้พิการ ชีวิตวัยเรียนของเธอไม่ได้มีอุปสรรคให้หนักใจ จัดว่าสนุกสนานตามวัยในสังคมที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันของผู้พิการ จนฝ้ายขึ้นชั้นม.4 เป็นช่วงที่ต้องตัดสินใจเลือกโรงเรียนแห่งใหม่          เธอท้าทายตัวเองด้วยการเลือกโรงเรียนปากเกร็ด ซึ่งเป็นการเรียนร่วมกับเด็กร่างกายปกติ เพราะอยากออกจากคอมฟอร์ตโซนหรือพื้นที่สุขสบาย เรียนรู้การช่วยเหลือตัวเองมากขึ้น ระยะแรกอาจจะมีปัญาในการปรับตัวแต่ฝ้ายก็ใช้ความกล้าเข้าหาเพื่อนใหม่จนเป็นที่ยอมรับ การได้เห็นสังคมที่แตกต่างทำให้เธออยู่กับความเป็นจริงมากขึ้น เห็นด้านที่มีการเอารัดเอาเปรียบ ด้านที่ไม่ได้มีแต่คนนำของมามอบหรือให้ความช่วยเหลือโดยไร้เงื่อนไข แม้กระนั้น ฝ้ายก็เรียนรู้และเข้ากับโลกใหม่ของเธอได้อย่างราบรื่น จนวันหนึ่งครอบครัวประสบปัญหาทางการเงินขึ้น

เมื่อคุณพ่อผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวล้มป่วย ขณะที่มีเงินติดบ้านเพียง 300 บาท และเงินในบัญชีแค่ 1,500 บาท ซึ่งไม่พอสำหรับสี่ชีวิตที่ต้องกินต้องใช้ ฝ้ายเริ่มคิดหาทางแบ่งเบาภาระครอบครัวด้วยการขายเครื่องสำอางออนไลน์ เธอเป็นแม่ค้าคนกลางรับสินค้ามาขายต่อ จนช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวได้บ้าง ด้วยความสนใจในเครื่องสำอางเธอจึงศึกษาวิธีการใช้และเทคนิคการแต่งหน้าจากบิวตี้บล็อกเกอร์คนอื่น ๆ จนวันหนึ่งฝ้ายลองทำคลิปวิดีโอแสดงการแต่งหน้าตัวเองด้วยเท้าทั้งสองของเธอ โดยใช้เครื่องสำอางเพียง 3 ชิ้นเท่าที่มี คือ ลิปสติก ดินสอเขียนคิ้ว และแป้งเด็ก คลิปที่เธอทำขึ้นสนุก ๆ กลับโด่งดังอย่างรวดเร็วมีคนส่งต่อเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีผู้ส่งเครื่องสำอางมาให้เธอใช้ จ้างเธอทดลองและรีวิวสินค้า ฝ้ายจึงเริ่มต้นหัดแต่งหน้าอย่างจริงจัง

ฝ้ายเล่าว่า กลับมาจากโรงเรียนก็หัดแต่งทุกวัน ลองผิดลองถูก ดูคลิปวิธีการแต่งหน้าจากบิวตี้บล็อกเกอร์ทั้งไทยและเทศ แม้จะฟังภาษาอังกฤษไม่เข้าใจแต่ก็หาเป็นอุปสรรคไม่ เธอชอบการแต่งหน้าสไตล์ตะวันตก หรือที่เรียกว่าสายฝ. (สายฝรั่ง) ทดลองเขียนคิ้วตาม แรก ๆ มีปัญหาเขียนคิ้วสองข้างไม่เท่ากัน แต่ที่ยุ่งยากที่สุดคือการใส่คอนแทคเลนส์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมีสำหรับการแต่งหน้าสายฝรั่ง รวมถึงขนตาที่ต้องปัง กรีดตาต้องเฉี่ยว แต่งตาต้องแน่น ฝ้ายจึงเริ่มหัดทีละอย่าง การใส่คอนแทคเลนส์สำหรับคนทั่วไป เราใช้นิ้วมือช่วยใส่ แต่ฝ้ายต้องใช้นิ้วเท้าช่วย คุณหมอไม่แนะนำวิธีนี้เพราะเท้าสัมผัสกับพื้นอาจนำสิ่งสกปรกเข้าตาได้ เธอจึงต้องใช้อุปกรณ์ช่วยใส่ ซึ่งฝ้ายโอดครวญว่ายังเป็นเรื่องยากอยู่ดี นอกจากนั้นยังมีเรื่องการติดขนตาที่ใช้เวลาติดค่อนข้างนาน เวลาที่เธออัดคลิปสาธิตการแต่งหน้า จึงต้องมีคนคอยช่วย

เมื่อคลิปวีดีโอของเธอโด่งดัง ได้รับความสนใจจากสื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ และโลกออนไลน์ มีแฟน ๆ ที่ชมแล้วเกิดแรงบันดาลใจถึงขั้นแต่งหน้าตาม หรือแม้แต่มีกำลังใจในการสู้ชีวิตต่อไป ฝ้ายเล่าว่ามีคนที่ติดตามเธอส่งข้อความมาเล่าว่า เดิมที่อยากฆ่าตัวตาย พอเห็นเธอแล้วทำให้เขาฉุกคิด ยืนหยัดสู้กับอุปสรรคอีกครั้ง ฝ้ายไม่เคยรู้สึกว่าความบกพร่องของร่างกายคือปมด้อย เพราะครอบครัวเลี้ยงดูโดยให้ใกล้ชิดกับโลกภายนอกเปิดโอกาสให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์แบบคนปกติอย่างเต็มที่ เช่น อนุญาตให้เล่นเครื่องเล่นในสวนสนุก ให้ปั่นจักรยานสามล้อ เธออาจไม่เหมือนคนอื่นตรงที่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมบางอย่าง แต่เธอไม่ได้มองว่าความผิดปกติทำให้ตัวเองแตกต่าง ฝ้ายเลือกที่จะไม่จมกับปัญหา และไม่กดดันตัวเองว่าต้องแก้ทุกปัญหาให้ได้ เธอแค่ปล่อยวาง ไม่ได้หนี ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ แค่ไม่ซีเรียสจนเกินไป ฝ้ายอยากให้คนที่กำลังท้อแท้ยิ้มสู้แล้วก้าวต่อไป หลายคนมีโอกาสที่ดีกว่าเธอ แต่กลับไม่เห็นคุณค่า ในขณะที่เธอมีโอกาสอันจำกัด แต่ถึงกระนั้นก็ยังไขว่คว้าโอกาสเหล่านั้นอย่างสุดความสามารถ จึงอยากให้คนที่ร่างกายพร้อม มีชีวิตที่ดีกว่าเธอเข้มแข็งและสู้ต่อ

แม้ว่าฝ้ายจะรักการแต่งหน้า แต่ความฝันในอนาคตของเธอไม่ใช่การเป็นช่างแต่งหน้า ฝ้ายกล่าวว่าตนเองไม่ได้อยากแต่งหน้าให้คนอื่น เพราะเกรงว่าจะทำให้คนอื่นไม่พอใจ ผิดกับการแต่งหน้าตัวเองที่ทำได้อย่างอิสระ ความใฝ่ฝันของเธอคือการทำงานเป็นพิธีกร เพราะชอบนำเสนอ ชอบถ่ายทอดเรื่องราวให้ผู้อื่นได้รับรู้ คณะนิเทศศาสตร์จึงเป็นหมุดหมายที่เธอฝันจะก้าวไปให้ถึง

ทุกวันนี้ฝ้ายกลายเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ที่อายุน้อยแต่งานไม่น้อยเลย เธอสามารถหารายได้จุนเจือครอบครัวจนสำเร็จ มีเงินเก็บ และมีเงินใช้โดยไม่ต้องรบกวนทางบ้าน เป็นลูกสาวที่พ่อแม่และพี่สาวภาคภูมิใจ อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าแม้ชีวิตจะขาดอะไรไปบ้าง แต่ประตูแห่งความสำเร็จใช่จะปิดตาย ยังมีหนทางอีกมากมายเพียงแค่ใจไม่ยอมแพ้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่