สู้สุดๆ สู่จุดหมาย – ชานน สันตินธรกุล

-

“จริงๆ ผมเป็นคนขี้เกียจมากครับ เพราะขี้เกียจมากเลยไม่กล้าหยุด”

นนอธิบายตัวตนของเขาในช่วงหนึ่งของบทสนทนา ถ้าเคยติดตามคลิป Journey to 190cm ซึ่งนนพยายามเพิ่มส่วนสูงตามโปรแกรมออกกำลังกายและดูแลอาหาร คำว่า ขี้เกียจ คือนิยามตัวตนที่นึกไม่ถึงเลยสำหรับนักแสดงหนุ่มคนนี้

นน-ชานน สันตินธรกุล หรือบางครั้งเรียกว่า นนกุล ตามชื่อแอคเคาท์ในอินสตาแกรม โด่งดังจากภาพยนตร์ฉลาดเกมส์โกง ซึ่งประสบความสำเร็จล้นหลามทำรายได้ไปกว่าร้อยล้าน ส่งผลให้นักแสดงหนุ่มกลายเป็นที่รู้จักไม่เพียงในไทยแต่ยังไกลไปถึงประเทศจีน จนมีงานแสดงซีรีส์จีน ได้แก่ Blowing in the wind, Dive และเพิ่งเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องใหม่ซึ่งมีนักแสดงจากไทยและจีนร่วมแสดง Start it up แม้งานที่จีนกำลังไปได้สวย แต่งานที่ไทยเจ้าตัวก็ไม่ทิ้ง ฝากผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุด มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง

ด้วยตารางงานที่แน่นเพราะนนต้องบินไปมาระหว่างสองประเทศ เราจึงโชคดีที่มีโอกาสนั่งสนทนาและฟังเรื่องราวสะท้อนมุมมองของเขา แม้เจ้าตัวจะย้ำถึงสามครั้งว่าตัวเองเป็นคนขี้เกียจ แต่ก็ยังท้าทายตัวเองอยู่เสมอ เช่น ทำสิ่งที่ไม่ถนัดอย่างร้องเพลง ฝึกฝนภาษาจีนและอังกฤษ หรือออกมาเป็นนักแสดงอิสระ จนเราทึ่งกับความมุ่งมั่น ลงมือทำจริงของเขา หากคนแบบนนเป็นคนขี้เกียจ เขาคงเป็นคนขี้เกียจที่โคตรทุ่มเท

นน-ชานน สันตินธรกุล

1.

เราเปิดประเด็นด้วยการถามไถ่นนซึ่งเป็นนักแสดงอิสระมาได้สักพักหนึ่ง การออกมารับผิดชอบตัวเองนั้นเป็นอย่างไร และเขาได้เรียนรู้อะไรบ้าง

“ช่วงแรกๆ ผมมีความกังวลเหมือนกันครับ เพราะเราไม่ได้ให้ใครในวงการช่วยดูแล เราให้ครอบครัวช่วย ทั้งที่เขาไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย และตัวผมก็ไม่รู้ว่าการบริหารจัดการนักแสดงคนหนึ่งควรทำอย่างไร ทุกคนต้องเรียนรู้ใหม่หมด แรกๆ จึงมีบางอย่างที่เราไม่ถูกใจ คือเราไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าสิ่งนี้ควรแก้ปัญหายังไง เพราะไม่เคยเจอมาก่อน บางครั้งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ตัดสินใจทำไป มันถูกทางรึเปล่า เหมือนเสี่ยงดวงอยู่ด้วยซ้ำ ดังนั้นการตัดสินใจของเราจึงอาศัยศึกษาข้อมูลให้มากที่สุด

“สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้เมื่อมาเป็นฟรีแลนซ์ คือการเผื่อใจ ไม่คาดหวังว่าทุกอย่างจะเป็นบวก เผื่อลบด้วย เมื่อก่อนผมยังเด็ก เรากล้าฝันกล้าได้กล้าเสีย แต่พอต้องมารับผิดชอบตัวเองมากขึ้น เราจึงรู้ว่าความเสียหายบางครั้งเราย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ ความเสียหายบางครั้งอาจเกินเยียวยา เราได้เรียนรู้จากประสบการณ์ รวมทั้งการเสพข่าวของใครหลายๆ คน”

นอกเหนือจากงานแสดงที่เรารู้ว่าเขาทุ่มเทให้แล้ว นนท้าทายตัวเองด้วยการร้องเพลงซึ่งเป็นทักษะที่เจ้าตัวเคยบอกว่าไม่ถนัดเลย ทั้งยังร้องเป็นภาษาอังกฤษด้วย กับซิงเกิล Midnight Snack “ผมอยากลองสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน เพลงนี้พี่แทนวง Lipta ทำให้ และเราเชื่อในฝีมืออยู่แล้ว ทุกอย่างออกมาดี สิ่งเดียวที่น่าติคือเสียงร้องของผมเอง สำหรับผมการร้องเพลงเป็นสิ่งที่ยากมากๆ ไม่เหมือนการออกกำลังกายหรือการเต้น ผมไม่ได้หมายความว่าตัวเองเต้นได้นะ แต่การเต้นเรายังเห็นร่างกายว่าเต้นสมูธรึเปล่า แต่เสียงร้องเกิดจากภายใน เราไม่สามารถเห็นหรือรู้ได้เลยว่ากล้ามเนื้อที่ใช้อยู่นี้ถูกต้องแล้วรึเปล่า และเวลาผมตั้งใจทำอะไรสักอย่าง จะคาดหวัง ตั้งมาตรฐานไว้สูงแม้จะรู้ว่าตัวเองอยู่ในระดับไหนก็ตาม อย่างเราชอบฟังเพลงของแซม สมิธ (Sam Smith) บรูโน่ มาส์ (Bruno Mars) แต่รู้ว่าเสียงผมยังไม่ได้ มันไม่เสนาะหู ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ถ้าให้พูดว่าเป็นผลงานที่ดีนะ ผมยังไม่กล้าพูด

“และเพราะรู้ว่าสู้คนอื่นไม่ได้เลยเอาภาษาเข้าแลก (ฮ่า) จึงขอให้แต่งเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษครับ อยากฝึกภาษาด้วย มีช่วยคิดคอนเซ็ปต์กับชื่อเพลง แนวเซ็กซี่เล็กๆ อยากลองเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ทางนี้เลย”

นน-ชานน สันตินธรกุล

2.

ที่ผ่านมานักแสดงหนุ่มมักให้สัมภาษณ์ว่าความฝันของเขาคืออยากเป็นนักแสดงฮอลลีวูด นั่นทำให้เขาจริงจังกับการแสดงและการฝึกภาษา รวมถึงความฝันอยากเพิ่มส่วนสูง จึงเกิดเป็นคลิปวิดีโอตามติดการเพิ่มส่วนสูงตามโปรแกรม วันนี้เราจึงอยากสำรวจอีกครั้งว่าความฝันของเขายังเหมือนเดิมหรือมีอะไรเปลี่ยนไปแล้วบ้าง

“ยังคงโฟกัสที่การเป็นนักแสดงฮอลลีวูดอยู่ครับ แต่ความสูงคงไม่โฟกัสแล้ว เพราะเราลองทำแล้วได้มา 7 มิลฯ ถ้าอายุ 15 คงทำต่อ พออายุเท่านี้คงไม่ได้ และต้องทำงานหาเงินด้วย ส่วนเรื่องผ่าตัด แค่ศึกษาข้อมูลเฉยๆ ต่อให้คิดว่าจะทำค่าใช้จ่ายก็แพงมาก เลยขอโฟกัสงานอย่างเดียวก่อน แล้วก็แบ่งเวลาเรียนเพิ่มเติม ตอนนี้ที่เรียนอยู่มีการแสดง ภาษาจีน ร้องเพลง เต้นอีกนิดหน่อย จริงๆ ยังมีอีก แต่หลักๆ ประมาณนี้

“คือผมไม่อยากอยู่เฉย เพราะการสร้างวินัยปลุกตัวเองจากที่นอนลุกขึ้นมาเรียนนั้นยาก เลยไม่กล้าหยุด ถ้าหยุดจะขี้เกียจแล้วรากงอก จริงๆ ผมเป็นคนขี้เกียจมากครับ เพราะขี้เกียจเลยไม่กล้าหยุด

“และผมเรียนรู้ว่าเราสามารถทำสิ่งใดๆ ให้ออกมาดีได้ถ้าเราแบ่งเวลาเป็น การแบ่งเวลาจึงต้องแม่นยำ เช่น สองชั่วโมงเรียนการแสดง สองชั่วโมงเรียนเต้น สองชั่วโมงเรียนภาษาจีน ทว่าการทำแบบนี้ช่วงแรกอาจรู้สึกเหนื่อย รู้สึกไม่โฟกัสสักอย่าง แต่จากประสบการณ์ของผมรู้สึกว่าวิธีแบบนี้ได้ผลดีกว่า เปรียบเหมือนการสร้างตึก ยิ่งเรียนเยอะก็ยิ่งสร้างตึกได้ใหญ่ ต้องใช้เวลาค่อยเป็นค่อยไป แต่แข็งแรงกว่าในระยะยาว ในขณะที่การเรียนอย่างเดียว โฟกัสทีละอย่าง เหมือนเราสร้างตึกเล็ก ไปได้เร็วกว่า แต่ไม่แข็งแรงเท่า”

นน-ชานน สันตินธรกุล

“มีอะไรที่อยากฝึกฝนเพิ่มอีกบ้างไหม ถ้าไม่ใช่เพื่อใช้ทำงาน อยากมีทักษะอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง” เราตั้งคำถามนี้แก่นักแสดงหนุ่ม
“ถ้าไม่ใช่เพื่องาน ไม่มีเลยฮะ ทุกๆ อย่างที่ผมอยากฝึกตอนนี้คือเพื่อการทำงาน เพราะผมเป็นคนขี้เกียจด้วยแหละ สมมติต้องรับบทเป็นนักมวย แพชชั่นในการแสดงจะพุ่งขึ้นแล้วผลักดันให้ออกไปเรียนจนได้ทักษะต่อยมวยมาในระยะเวลาอันสั้น แทนที่จะอยากไปเรียนเองอย่างไม่มีเหตุผล ที่ผ่านมาเคยลองมาหลายอย่างแต่ไม่เวิร์ค เช่น คาราเต้ ไทเก็ก โรลเลอร์เบลด ไอซ์สเก็ต เรามีความมุมานะอย่างมากหนึ่งเดือน นั่นคือเยอะแล้วนะครับ เลยรู้สึกว่าเรียนเพื่อนำไปใช้นอกจากทำให้ชอบงานมากขึ้น ยังทำให้อินกับตัวละครและได้ทักษะเพิ่มด้วย เป้าหมายจึงสำคัญสุดๆ สำหรับผม มันทำให้เราไม่เป๋ ไม่เลิกล้มง่ายๆ เพราะถ้าอยากเลิกจะถามตัวเองว่า มึงแน่ใจเหรอที่มีความพยายามแค่นี้เพื่อความฝันที่ใหญ่โคตรๆ”

“ประสบการณ์ท่องจีนทำให้ผมตระหนักว่า
สิ่งใดที่เรายังไม่เก่ง นั่นเพราะเรายังทำไม่มากพอ”

ตัวอย่างความทุ่มเทของหนุ่มคนนี้คือการท่องบทภาษาจีน ‘400 รอบ’ เป็นตัวเลขที่เขาทดลองและพิสูจน์แล้ว “ถ้าอยากท่องได้ชนิดที่ไม่ว่าจะเข้าห้องน้ำหรือทำธุระต่างๆ แล้วยังไม่ลืม ต้องท่อง 400 รอบต่อซีน ตอนแรกไม่รู้ผมไปจำมาจากที่ไหนว่าถ้าทำสิ่งสิ่งหนึ่งประมาณ 4,000 ครั้ง ร่างกายจะจดจำไปถึง muscle memory เลยกะจะลองสักพันรอบก่อน ก็เริ่มท่องแล้วจดจำนวนรอบไว้ในโทรศัพท์มือถือ พอท่องได้ถึงรอบที่ 300 ต้นๆ รู้สึกว่าเริ่มสมูธแล้ว พอ 400 รอบปุ๊บคือจำได้ พูดคล่องเลย ส่วนความหมายค่อยตามมาทีหลังตอนเราจำประโยคได้แล้ว สำหรับผมวิธีนี้ง่ายกว่าและไม่เป็นการเสียเวลา

“ในซีนที่บทยาวมากเป็น monolog (บทพูดคนเดียว) 400 ครั้งก็ยังเอาอยู่ พอเราค้นพบสิ่งนี้ทำให้แบ่งเวลาได้ง่ายขึ้น อย่างซีนนี้เป็น monolog เราจะให้เหล่าซืออ่านแล้วอัดเสียงไว้เพื่อฟังและพูดตาม สมมติไฟล์เสียงความยาว 1 นาที x100รอบ เท่ากับ 1 ชั่วโมง 40 นาที แล้วถ้าต้องท่อง 400 รอบ ก็เอามาคำนวณเป็นเวลาที่ต้องใช้ทั้งหมด ทำให้แบ่งเวลาได้ เช่น ตื่นมาท่อง 100 รอบ แล้วไปทำอย่างอื่น จากนั้นมีเวลาว่างช่วงนี้สองชั่วโมงก็ท่องอีก 100 รอบ

“ผมเชื่อว่ามนุษย์สามารถทำอะไรก็ได้ ถ้าเราหาวิธีที่ถูกต้องแล้วทำบ่อยพอ เราสามารถเชี่ยวชาญในสิ่งนั้นได้แน่นอน ต่อให้ไม่มีพรสวรรค์หรือพื้นฐานมาก่อน นี่คือสิ่งที่ค้นพบจากการท่องภาษาจีน”

นน-ชานน สันตินธรกุล

3.

ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดรับบทเป็นตัวละครที่ชื่อ “ดื้อ” ในมิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง เมื่อเราถามว่าเขามองตัวเองเป็นคนดื้อไหม นักแสดงหนุ่มยอมรับว่าตนนั้นดื้อ ในแง่ถ้าตั้งใจทำอะไรจะต้องทำให้สำเร็จ “ผมดื้อในลักษณะ ถ้าอยากเรียนต้องได้เรียน ถ้าไม่มีใครจัดการให้ก็จะทำเอง ไปเสาะหาจนได้เรียน”

ในวันที่ผิดหวังหรือเหนื่อยล้านักแสดงหนุ่มจัดการกับความรู้สึกด้วยวิธีง่ายๆ เพียงแค่เข้านอน เพราะเมื่อลืมตาตื่นเรื่องที่เหนื่อยที่ท้อก็กลายเป็นเรื่องของเมื่อวานแล้ว “พอเราตื่นขึ้นมาจะรู้สึกว่า เฮ้ย มันไม่ได้หนักขนาดนั้นนี่หว่า สมมติเราแสดงไม่ได้ พอตื่นมาจะรู้สึกว่าไปเรียนการแสดงเพิ่มดีกว่า เรายังกระจอกอยู่ แล้วเกิดแรงฮึดขึ้น ความผิดพลาดบางครั้งก็ช่วยลบล้างความขี้เกียจออกไปด้วย ประสบการณ์ท่องจีนทำให้ผมตระหนักว่า สิ่งใดที่เรายังไม่เก่ง นั่นเพราะเรายังทำไม่มากพอ”

เวลาว่างของนักแสดงหนุ่มยังคงมากด้วยกิจกรรม “ดูหนัง ไปนวด หาร้านอร่อยๆ หรือไม่ก็เข้าฟิตเนสครับ” เป้าหมายระยะไกลแน่นอนว่าคือการเป็นนักแสดงฮอลลีวูด ส่วนระยะใกล้คืออยากพูดภาษาจีนได้คล่อง อย่างน้อยต้องสอบ HSK ให้ได้ระดับ 4-5 “ถ้าอยากเรียนรู้อะไรบางอย่าง ต้องไม่มีอีโก้” คือประโยคทิ้งท้าย ที่เจ้าตัวสรุปบทเรียนจากการทำงานในวงการตลอด 7 ปี

นน-ชานน สันตินธรกุล

ขอบคุณสถานที่: บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)
99 หมู่ 2 ต.บางพูน อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี 12000
โทรศัพท์: 0 2833 2000
โทรสาร: 0 2833 2999

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!