1
ตอนอายุสิบสาม หมอบอกว่าเขาเป็นมะเร็งชนิด Hodgkin’s Disease ระยะสุดท้าย หมอบอกว่าเขาจะมีชีวิตอีกเพียงสามเดือน ต่อมาเมื่ออายุสิบหก หมอบอกว่าเขาเป็นมะเร็งอีกชนิดหนึ่งคือ Askin’s Sarcoma หลังผ่าตัดครั้งนั้นหมอบอกว่าเขาจะมีชีวิตอีกเพียงสองสัปดาห์
ฌอน สวอร์เนอร์ (Sean Swarner) น่าจะเป็นคนเดียวในโลกที่เป็นมะเร็งสองชนิดนี้พร้อมกัน
ฌอนบอกใครๆ ว่า เขามีโอกาสถูกลอตเตอรี 4-5 ครั้งมากกว่าจะรอดชีวิตจากมะเร็งทั้งสองชนิด
อย่างไรก็ตาม เขารอดชีวิตมาได้หลังผ่าตัด เหลือแค่ปอดข้างเดียวที่ยังทำงานได้
นกปีกหักควรนอนเลียแผลในมุมมืด แต่นกปีกหักกลับโบยบินสู่ยอดเขา
ภูเขาเอเวอเรสต์ยากเย็นแสนสาหัสสำหรับคนปกติ มิพักเอ่ยถึงคนที่เพิ่งรอดชีวิตจากมะเร็งและปอดใช้งานได้ข้างเดียว แต่เขาต้องการข้ามอุปสรรคในใจของเขาด้วยการข้ามอุปสรรคทางกาย
ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2002 ฌอนปรากฏตัวบนยอดภูเขาเอเวอเรสต์อย่างเหลือเชื่อ
หลังจากขึ้นภูเขาเอเวอเรสต์ ฌอนก็เดินหน้าสู่เขาลูกอื่นๆ ณ ทวีปอื่นเพื่อพิสูจน์ต่อคนทั่วไปว่าเป็นไปได้ โรคร้ายไม่ใช่จุดสุดท้ายของชีวิต เขาขึ้นยอดเขาแม็คคินลีย์และภูเขาลูกอื่นๆ
ฌอน สวอร์เนอร์ เป็นคนไข้มะเร็งรายเดียวในโลกที่พิชิตเจ็ดยอดเขา เจ็ดทวีป
ดักแด้พิการกลายเป็นผีเสื้องาม
……………
2
คงไม่แปลกที่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งชอบเล่นสเกต ชอบกีฬากลางแจ้ง ขี่จักรยาน เล่นฟุตบอล บาสเกตบอล
ที่แปลกคือหากใครคนนั้นเป็นเด็กตาบอด
เบน อันเดอร์วูด (Ben Underwood) สูญเสียนัยน์ตาตอนสองขวบเพราะเป็นมะเร็งที่เรตินา อายุสามขวบผ่านการผ่าตัดเอานัยน์ตาออก แต่เขาไม่เหมือนคนผิดปกติ การมองไม่เห็นมิอาจหยุดกิจกรรมต่างๆ ที่เขาอยากทำ
เขาเรียนเรื่องการใช้เสียงสะท้อนด้วยตัวเองเมื่ออายุห้าขวบ เวลาไปไหนมาไหน เขากระดกลิ้นให้เกิดเสียง เมื่อเสียงนั้นสะท้อนกลับมา เขาก็รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน สภาพแวดล้อมตรงนั้นเป็นอย่างไร เขาสามารถแยกแยกออกความแตกต่างระหว่างหัวดับเพลิงกับถังขยะ รถยนต์กับรถบรรทุก เขายังสามารถไปสถานที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน และบรรยายได้ว่าที่นั้นเป็นอย่างไรอย่างถูกต้อง
มันก็คือ echolocation ของค้างคาว ส่งคลื่นเสียงออกไปกระทบสิ่งแวดล้อม รอมันสะท้อนกลับมา แล้วอ่านค่าอย่างแม่นยำ
ด้วยความสามารถนี้ ทำให้เขาสามารถเล่นฟุตบอล บาสเกตบอล สเกตบอร์ด ได้
ค้างคาวไม่ได้ฉลองวันเกิดปีที่ 17 เขาตายด้วยมะเร็ง
อายุไม่ยืน แต่ยาวพอบรรลุเป้าหมายที่ยากที่สุดอย่างหนึ่ง คือข้ามพ้นกายภาพที่จำกัด
ดักแด้พิการกลายเป็นผีเสื้องาม
……………
3
แพททริก เฮ็นรี ฮิวส์ (Patrick Henry Hughes) ชาวอเมริกัน เกิดมาด้วยโรคร้าย ตาบอดและไม่สามารถใช้แขนขา จึงเดินไม่ได้
เขาเป็นเสมือนหนอนที่ไร้แขนขา อาจแย่กว่าหนอนด้วยซ้ำ เพราะเขาเดินไปไหนมาไหนไม่ได้
ชีวิตของเขาดูจะต้องจมอยู่ในมุมมืดไปจนวันสุดท้าย ทว่าเขาเลือกอีกทางหนึ่ง
พ่อของเขาให้เขาเรียนเปียโนตั้งแต่อายุเก้าเดือน เมื่อโตขึ้นก็เรียนทรัมเป็ต
ที่โรงเรียน เขาเข้าร่วมวงดุริยางค์ เล่นทรัมเป็ต แต่ปัญหาคือคนพิการเช่นเขาไม่มีทางร่วมขบวนพาเหรดได้
แล้วภาพที่ทุกคนไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ก็เกิดขึ้น พ่อของเขาจะเข็นรถเข็นพาเขาร่วมพาเหรด ขณะที่เขาเป่าทรัมเป็ต
ภาพนี้ทำให้คนทั้งประเทศประทับใจ และแผ้วถางทางสายใหม่ ทางสายความหวังแก่คนทั้งโลก
มันเปิดโลกใหม่ที่ไม่มีใครเคยเชื่อว่าเป็นไปได้ เขาได้ไปร่วมงานแสดงดนตรีต่างๆ ทั่วประเทศ
ดักแด้พิการกลายเป็นผีเสื้องาม
……………
4
จอห์น ฟอร์บส์ แนช จูเนียร์ (John Forbes Nash Jr.) ป่วยเป็นโรคจิตเภท
เขาใช้เวลาหลายปีในสถานบำบัดจิตอย่างทรมาน และอย่างช้าๆ เขาค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมา และเริ่มทำงานด้านวิชาการด้านคณิตศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ จนได้รับรางวัลโนเบล
เขาจมในสภาวะดักแด้นานแสนนาน ในที่สุดก็กลายเป็นผีเสื้อ
ดักแด้พิการกลายเป็นผีเสื้องาม
……………
5
อเลสซานโดร ซานาร์ดี (Alessandro Zanardi) เป็นนักขับรถแข่ง วันหนึ่งในปี 2001 เขาประสบอุบัติเหตุบนสนามแข่ง สูญเสียขาทั้งสองข้าง
สองปีถัดมาหลังอุบัติเหตุ เขากลับเข้าสู่สนามแข่ง สร้างความประทับใจแต่คนทั่วไป
ดักแด้พิการกลายเป็นผีเสื้องาม
คนเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า คนเราพ่ายแพ้ได้ แต่ยอมแพ้ไม่ได้
และมันทำให้เราต้องถามตัวเองว่า อุปสรรคและขวากหนามที่เราประสบในชีวิตหนักหนาสักเสี้ยวหนึ่งที่คนเหล่านี้เจอหรือไม่
เมื่อไม่ยอมแพ้ ดักแด้พิการก็กลายเป็นผีเสื้องามได้
เรื่องและภาพ: วินทร์ เลียววาริณ
winbookclub.com
เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/winlyovarin/