◊ฝ่าแดนนรก(2)◊
………………
หากว่าผู้โดยสารที่อยู่บน ฮ. ไม่มี “ยอดพยัคฆ์” อย่างคมจักรกับธงอินทร์ซึ่งมีประสบการณ์ในฐานะนักบินกองทัพเรือรวมอยู่ด้วย จุดจบของ ฮ. มรณะก็คงจะมาถึงอย่างแน่นอน
แต่เพราะทั้งคู่เคยบินอากาศยานหลายประเภทของราชนาวีไทยมาก่อน ธงอินทร์จึงเผ่นเข้าหาคันบังคับที่อยู่ตรงหน้านักบินไร้วิญญาณเพื่อทำหน้าที่แก้อาการของ ฮ. อย่างว่องไวพร้อมกับร้องตะโกนดังลั่น
“คมจักร… เอานักบินออกจากที่นั่ง! ฉันจะขับ ฮ. เอง!”
โดยไม่ต้องให้เพื่อนตายร้องบอกซ้ำสอง คมจักรถลันเข้าจัดการตามคำสั่งที่ได้ยินก่อนจะร้องบอกธณิศรโดยไม่หันมามอง
“ผู้หมวด… รีบหาอาวุธเร็วเข้า! ถ้า ฮ. ลำนี้มีปืนเราจะได้ยิงสู้มัน!”
“ครับพี่!”
ธณิศรตอบรับเกือบจะพร้อมๆ กับที่ ฮ. ของฝ่ายไทยตั้งลำได้ใหม่ด้วยการบังคับของนาวาโทชาวไทย
แต่แล้วอากาศยานของฝ่ายตรงข้ามที่ไล่ตามมาทางด้านหลังก็ส่งมฤตยูมาเป็นกำนัลหมายจะพิฆาตเป้าหมายให้แหลกเป็นชิ้นๆ
เปรี้ยงๆๆๆๆ!
เปรี้ยงๆๆๆๆ!
เสียงลั่นคำรามสนั่นหวั่นไหวขณะที่กระสุนร้อนจี๋แหวกอากาศมาแดงโร่ แต่การยิงชุดนั้นก็พลาดเป้าอย่างเฉียดฉิวด้วยฝีมือการบินอันยอดเยี่ยมของธงอินทร์
“เจอของที่พี่อยากได้แล้วครับ!”
ธณิศรร้องตะโกนแข่งกับเสียงโรเตอร์ที่แผดกระหึ่มอยู่เหนือห้องโดยสาร
“ถึงจะเป็นแค่ปืนยิงพลุสัญญาณแต่ถ้าลูกไฟโดน ฮ. ก็ระเบิดแน่!”
“งั้นก็เตรียมล่อมันเลย!”
คมจักรยิ้มแป้น
“ซัดให้ร่วงก่อนที่มันจะรู้ว่าใครชนะเลือกตั้งบ้านเรา!”
“อย่าเพิ่งแน่ใจว่าเราจะได้กลับไปลงคะแนนนะเพื่อน”
ธงอินทร์ร้องบอกมาจากที่นั่งนักบิน
“มันไล่ยิงเราหนักขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะหลบรอดไปได้นานนักแค่ไหน”
“อ้าว… เป็นนักบินแท้ๆ ไหงพูดยังงี้ล่ะโว้ย”
ว่าแล้วคมจักรก็หันไปทางญาธิดา
“ผู้หมวดครับ… รัดเข็มขัดแล้วยึดไว้ให้ดี ถ้าไม่มั่นใจจะกอดแขนพี่ไว้ให้แน่นก็ได้!”
แต่ยังไม่ทันที่ญาธิดาจะไหวตัว ฮ. ทั้งลำก็เอียงวูบอย่างฉับพลันเกือบจะพร้อมๆ กับที่กัมปนาทอาวุธหนักแผดสนั่นฟ้าเป็นครั้งที่สองเมื่อพลปืนชาวอินนีเซียเหนี่ยวไกปล่อยกระสุนสังหารออกมาเป็นชุด
แต่การยิงของมันก็พลาดเป้า เพราะธงอินทร์บังคับ ฮ. ให้พลิกหลบในวินาทีที่มองเห็นประกายไฟแลบวาบจากปีกหมุนที่ตามมาด้านหลัง
“ปืนพลุยิงสู้มันได้มั้ย”
ธงอินทร์ร้องถามเสียงลั่นก่อนที่ธณิศรจะตะโกนตอบทันควัน
“ยังไม่ได้มุมครับพี่”
คำตอบที่ได้ยินจากนายตำรวจหนุ่มทำให้นาวาโทมหาประลัยรู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไร
ยอดพยัคฆ์ทัพเรือซึ่งเป็นผู้ควบคุม ฮ. จึงใช้มือซ้ายดึงคันบังคับข้างลำตัวขณะที่มือขวาโยก “จอยสติ๊ก” ที่อยู่กลางหว่างขาหน้าเก้าอี้นักบิน ยังผลให้ ฮ. ทั้งลำเชิดหัวตะแคงตัวในลักษณะการไต่ขึ้นและพุ่งทะยานออกทางข้างอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ธงอินทร์กระแทกมือซ้ายลงสุดแรงเพื่อกด ฮ. ให้ดิ่งวูบในวินาทีอันต่อเนื่อง
สิ่งที่เกิดขึ้นจึงไม่ต่างอะไรกับการบินผาดแผลงของเสืออากาศชั้นยอดในงานแอร์โชว์ และนั่นจึงทำให้ ฮ. ฝ่ายตรงข้ามที่ตามมาทางด้านหลังหลุดจากการ “เกาะหาง” อย่างช่วยไม่ได้
แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาอันแสนสั้นก่อนที่นักบินอินนีเซียจะบังคับเครื่องกลับเข้าแนวเดิม แต่มันก็มากพอที่นายตำรวจชาวไทยจะตวัดสองมือขึ้นเล็งเป้าแล้วเหนี่ยวไกปล่อยกระสุนจากปืนยิงพลุสัญญาณออกไปในบัดดล
ปัง!
ลูกไฟสีส้มพุ่งวาบออกไปจากปืนสั้นลำกล้องโตโดยมี ฮ. ที่กำลังเอียงตัวไล่ตามเป็นที่หมาย
แต่โชคไม่เข้าข้างทีมพยัคฆ์ชาวไทย เพราะกระสุนจุดพลุที่แหวกอากาศราวกับอาวุธนำวิถีเฉียดผ่านแพนหางของ ฮ. ไปอย่างหวุดหวิดก่อนจะพุ่งเข้ากระทบกับยอดหอคอยนาฬิกาความสูงเท่าตึก 60 ชั้น แล้วระเบิดดังสนั่น
บึ้ม!
สะเก็ดไฟสีส้มแตกกระจายออกมาจากศูนย์กลางการระเบิดพร้อมกลุ่มควันสีเทาดำราวกับดอกเห็ดกลางฟ้า และเป็นจังหวะเดียวกับที่พลปืนบน ฮ. ของฝ่ายไล่ล่าสาดกระสุนกลับคืนมาชนิดทันทีทันควัน
เปรี้ยงๆๆๆๆ!
เปรี้ยงๆๆๆๆ!
อาวุธอัตโนมัติที่ใช้กระสุนขนาด 7.62 มิลลิเมตร แผดคำรามสนั่นฟ้าขณะที่วิถีแดงโร่แหวกอากาศเข้าหาเป้า แม้ธงอินทร์ซึ่งเป็นผู้ควบคุมจะอยู่ในอาการบินผาดแผลงแต่ก็ไม่อาจหลบรอดมฤตยูไปได้
กระสุนหลายนัดที่พุ่งเข้าใส่จึงเจาะเข้าที่แพนหางราวกับผีจับยัด ยังผลให้ ฮ. ทั้งลำสะท้านเยือกควันโขมงพวยพุ่งออกมาจากตำแหน่งที่โดนทะลวงในบัดดล
“บรรลัยแล้ว… เราโดนยิง!”
คมจักรร้องอุทานเสียงหลง
“มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ฉันห้อยหลวงปู่ศุข อาจารย์เสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร ยิงฟันไม่เข้าอยู่แล้ว”
คมจักรร้องบอกธงอินทร์ก่อนที่ธณิศรจะตะโกนตามมา
“ผมกับญาธิดาโอเคครับ”
“ธงอินทร์… ฮ. เสียหายมากหรือเปล่า.. .เรายังไปต่อไหวมั้ย”
“ยังตอบไม่ได้ตอนนี้ แต่ทุกคนหาที่ยึดให้แน่น!”
ธงอินทร์ตะโกนสวนมาอย่างฉับพลัน
“ฉันจะลงไปบินผ่านซอกตึกไม่ให้มันยิงซ้ำได้ถนัด!”
โดยไม่รอฟังว่าฝ่ายเดียวกันจะพร้อมแล้วหรือไม่ รวมทั้งไม่สนใจว่า ฮ. กำลังได้รับความเสียหายมากน้อยแค่ไหน ยอดพยัคฆ์ชาวไทยเกร็งแขนแน่นขณะที่บังคับอากาศยานปีกหมุนซึ่งกำลังมีควันเป็นทางให้เอียงซ้ายในพริบตาราวกับพลิกฝ่ามือจนหน้าต่างห้องนักบินขนานกับพื้นด้านล่างพร้อมกับดำดิ่งลงไปราวกับอุกาบาตตก
เพียงเสี้ยววินาทีต่อมา ควันโขมงจาก ฮ. ก็กลายเป็นทางยาวที่พุ่งผ่านช่องว่างแคบๆ ระหว่างตึกสูงหลายแท่งที่สร้างเรียงรายกันสองฝั่งถนน “วอล์คกิ้งสตรีท” ขณะที่ผู้คนด้านล่างร้องตะโกนเอะอะบอกกันเสียงลั่นด้วยความตกใจจากสิ่งที่เห็น
กลยุทธ์ของธงอินทร์ได้ผล เพราะ ฮ. ของปรปักษ์มิได้กวดตามลงมาในช่องแคบของป่าคอนกรีตแต่ผู้เป็นนักบินบังคับเครื่องให้เชิดหัวขึ้นแล้วบินข้ามยอดตึกเพื่อไล่ตามเป้าหมายในระยะสูงขณะที่พลปืนสาดกระสุนซ้ำลงมาอีกชุด
เปรี้ยงๆๆๆๆ!
เปรี้ยงๆๆๆๆ!
อานุภาพการยิงทำให้ ฮ. ของฝ่ายไทยหมุนคว้างด้วยแรงปะทะของกระสุนที่พุ่งเข้าใส่เป็นครั้งที่สอง
แต่ด้วยฝีมือของยอดพยัคฆ์อย่างธงอินทร์ ฮ. ที่กำลังเซถลาหลุดจากเข็มบินออกจากซอกตึกไปยังท้องฟ้าเหนือแม่น้ำประจำเมืองจึงไม่ร่วงลงสู่สายธารที่ขวางกั้นระหว่างแผ่นดินใหญ่สองฝั่งทั้งที่ควรจะเป็นเช่นนั้น
มิหนำซ้ำในจังหวะอันต่อเนื่อง ฮ. ที่เหมือนกำลังจะพบจุดจบกลับเร่งความเร็วสุดขีดเพื่อทะยานเข้าไปหาสะพานแขวนที่อยู่เบื้องหน้าโดยไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปแม้แต่วินาทีเดียว
“มันกำลังจะมุดใต้สะพาน!”
พลปืนร้องบอกนักบินเสียงลั่น
“ดึงเครื่องข้ามสะพานไม่ต้องตามลงไป! เราจะยิงมันจากด้านบนตอนที่ลอดสะพานออกมา!”
หากทุกอย่างเป็นไปตามนั้น ฝ่ายที่ถูกไล่ล่าก็คงจะพบจุดจบเหนือแม่น้ำสายหลักอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ด้วยธงอินทร์อ่านใจคู่ต่อสู้ได้อย่างแม่นยำ
สถานการณ์อันคับขันของสี่ชีวิตชาวไทยที่อยู่บนเครื่องจึงพลิกกลับอย่างเหลือเชื่อ
เพราะแทนที่จะพุ่งทะลุผ่านใต้สะพานแขวนที่ขึงเหนือแม่น้ำ
ธงอินทร์กลับ “หักซ้าย” แบบเลี้ยวฉกาจบินไปตามความยาวของสะพานเพื่อปล่อยให้ ฮ. ของฝ่ายตรงข้ามที่อยู่เหนือหัวถลำไปข้างหน้าเพื่อที่จะเจอกับความว่างเปล่าอย่างคาดไม่ถึง
“เฮ้ย.. ทำไมมันไม่โผล่ออกมาวะ!”
พลปืนเบิกตากว้างอุทานออกมาอย่างลืมตัวก่อนจะได้ยินฝ่ายเดียวกันที่อยู่อีกข้างของห้องโดยสารร้องตะโกนเร็วปรื๋อ
“ฉิบหายแล้ว! มันอยู่ใต้เรา!”
น้ำเสียงนั้นบ่งบอกถึงความตกใจเมื่อได้เห็น ฮ. เป้าหมายพุ่งปราดออกมาจากหัวสะพานใกล้ฝั่งอันเนื่องมาจากธงอินทร์เปลี่ยนทิศในวินาทีที่มุดลงใต้ทางข้ามแม่น้ำที่มีความยาว 1.5 กิโลเมตร
ฮ. ในบังคับของพยัคฆ์ชาวไทยจึงบินไปตามความยาวของแนวกำบังเหนือหัวในจังหวะที่ ฮ. ของศัตรูทะยานข้ามสะพานแขวนเพื่อที่จะเจอกับความว่างเปล่า ขณะที่ในจังหวะอันต่อเนื่องธงอินทร์หักขวาเลี้ยวฉกาจเพื่อนำ ฮ. พุ่งกลับออกมาและอยู่ในตำแหน่งด้านหลังของฝ่ายตรงข้ามในกลยุทธของการต่อสู้กลางเวหาที่มีมาแต่ครั้งแรกที่มนุษย์รู้จักการบิน
ฝ่ายไหน “เกาะหาง” คู่ต่อสู้สำเร็จ ฝ่ายนั้นย่อมได้เปรียบ
และความได้เปรียบนั้นก็ทำให้แม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลลงสู่ทะเลกลายเป็นสุสานฝังร่างของนักบินอินนีเซียกับพวกเมื่อธณิศรชะโงกตัวออกจากตำแหน่งเพื่อประกบมือเล็งเป้าที่อยู่สูงกว่าแล้วเหนี่ยวไกส่งมฤตยูออกไปโดยไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปแม้แต่วินาทีเดียว
ปัง!
ปืนยิงพลุลำกล้องโตพ่นกระสุนออกไปทันทีที่สิ้นเสียงเหมือนประทัดถูกจุดและผีพุ่งใต้ลูกนั้นก็ทะยานลิ่วเข้าหาเป้าหมายก่อนจะชนตูมเข้าที่ถังน้ำมันใต้ลำตัวอย่างเหมาะเหม็ง
ตูม! บึ้ม!
เสียงกัมปนาทสนั่นฟ้าดังกึกก้องติดต่อกันจนแก้วหูแทบแตก เสียงแรกเกิดจากการระเบิดของพลุกระสุนและเสียงที่สองซึ่งตามมาเกือบจะพร้อม ๆ กันเกิดจากถังน้ำมันถูกจุดชนวนให้ระเบิดเป็นลูกไฟในพริบตาอันต่อเนื่อง
ภาพที่ทุกคนเห็นในวินาทีต่อมาก็คือ ฮ. มรณะแตกกระจายกลายเป็นเศษโลหะชุบไฟปลิวว่อนออกมาจากจุดสังหารก่อนจะร่วงลงสู่ผืนน้ำด้านล่างชนิดไม่ต้องสงสัยเลยว่าทุกชีวิตที่อยู่บน ฮ. จะมีโอกาสรอดพ้นจากมัจจุราชหรือไม่
แม้จะเล่นงานศัตรูจนพินาศไปแล้วก็ตาม แต่สถานการณ์ของทีมพยัคฆ์ชาวไทยก็ใช่ว่าจะหลุดพ้นจากอันตรายอย่างที่หวัง
เพราะเพียงอึดใจเดียวหลังพิฆาตฝ่ายตรงข้ามสำเร็จ
เสียงเครื่องยนต์ ฮ. ที่ถูกยิงเสียหายก็มีอาการสำลักให้ได้ยินอย่างถนัด
“ทุกคนเกาะให้แน่น!”
ธงอินทร์ตะโกนเร็วปรือ
“เราไปไม่รอดแน่… เตรียมรับแรงกระแทก!”
“ลงน้ำแบบนิ่มๆ ไม่ได้หรือเพื่อน…”
คมจักรร้องลั่น
“ไหนว่าเคยชนะเลิศการบินแข่งขัน 3 ปีซ้อนไม่ใช่เหรอ”
“ฉันกำลังใช้สมาธิ อย่ารบกวนได้มั้ย”
“ไม่ได้รบกวน แค่เตือนความจำเท่านั้นเอง”
ทั้งที่สถานการณ์คับขันสุดขีดแต่คมจักรยังไม่วายต่อปากต่อคำก่อนจะหันไปร้องบอกนายตำรวจสาว
“ผู้หมวดไม่ต้องตกใจ พี่เป็นแชมป์ว่ายน้ำระยะไกล 5 สมัย ได้เหรียญรางวัลนับไม่ถ้วนตั้งแต่เป็นนักเรียนนายเรือแล้ว”
“มาบอกฉันทำไมคะ”
“อ้าว… เผื่อว่าตำรวจหญิงไม่ค่อยได้ใส่ทูพีซลงสระอาจจะไม่ชินกับการลงน้ำถ้าเราต้องสละเครื่อง”
คมจักรพูดหน้าตาเฉย
“ออกจาก ฮ. เมื่อไหร่ เกาะหลังพี่ไว้เลยนะครับ”
ยังไม่ทันที่ญาธิดาจะพูดอะไร เสียงโรเตอร์ที่ดังอยู่เหนือห้องโดยสารก็ขาดหายพร้อมๆ กับที่ใบพัดหยุดหมุน
“เรากำลังจะลงน้ำ!”
ธงอินทร์ร้องบอกดัง
“ระวัง… อีก 5 วิ!”
เสียงตะโกนที่ได้ยินทำให้ทุกคนเกร็งตัว สองมือคว้าที่ยึดเหนี่ยวไว้แน่นขณะที่ในใจนับถอยหลังตามเวลาที่คาดไว้
และเมื่อถึงเลข 0 อันเป็นวินาทีสุดท้าย
เสียงโครมสนั่นหวั่นไหวก็บังเกิดขึ้นพร้อมกับอาการสะท้านสะเทือนของ ฮ.ทั้งลำอันเกิดจากแรงปะทะระหว่าง ฮ. กับสายธารจนผิวน้ำแตกกระจายพร้อมๆ กับที่คนบน ฮ. กระเด็นกระดอนราวกับถูกมือยักษ์จับเหวี่ยง
“ฮ. กำลังจม… เผ่นเร็ว!”
ธงอินทร์ร้องบอกเสียงหลงในจังหวะที่ปลดสายรัดออกจากที่นั่งแล้วเปิดประตูห้องนักบินถีบตัวสุดแรงพุ่งร่างออกไปเช่นเดียวกับคมจักรและสองนายตำรวจที่พุ่งตัวออกจากห้องโดยสารอย่างว่องไวไม่แพ้กัน
ด้วยกระแสน้ำที่ไหลค่อนข้างแรง ร่างของคนทั้งสี่จึงเคลื่อนตัวออกห่างจาก ฮ. ที่กำลังจมสู่ผิวน้ำได้อย่างรวดเร็วและเป็นจังหวะเดียวกับที่เรือของนักท่องเที่ยวลำหนึ่งซึ่งเห็นเหตุการณ์แล่นผ่านเข้ามาราวกับโชคเข้าข้าง
“ทางนี้ครับ… ทางนี้”
คนบนเรือร้องบอกก่อนที่พาหนะผิวน้ำลำเล็กที่มีผู้โดยสารเพียง 3 คน จะชะลอความเร็วเพื่อให้ความช่วยเหลือ
“ขึ้นมาเลยคุณผู้หญิง พวกคุณมีทั้งหมดกี่คน”
นักท่องเที่ยวร่างใหญ่ร้องถามขณะที่ดึงญาธิดาขึ้นมาเป็นคนแรก
“เรารอดมาได้สี่คนค่ะ ที่เหลืออีกสองเสียชีวิตจมไปกับเครื่อง”
“เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมถึงมี ฮ. ระเบิดตกใส่แม่น้ำถึงสองลำ ติดๆ กัน”
นักท่องเที่ยวอีกคนถามบ้าง
“นักบินเป็นเด็กแว้นน่ะครับ”
คมจักรมุสาอย่างรวดเร็วในทันทีที่ปีนขึ้นมาได้
“เราบินชมเมืองอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มี ฮ. อีกลำบินไล่มาแล้วฉวัดเฉวียนไปมา สุดท้ายเลยเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกันจนระเบิดกลางท้องฟ้า ทำให้เราต้องลงมาลอยคอในแม่น้ำอย่างที่คุณเห็นนี่แหละครับ”
“พวกเราเป็นคนไทยครับ”
ธงอินทร์พูดขึ้นบ้าง ขณะที่เอื้อมไปฉุดธณิศรให้ปีนข้ามกราบขึ้นมา
“ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือผมกับเพื่อนๆ”
ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรกันต่อ เสียงไซเรนก็ดังขึ้นในแม่น้ำทางด้านหลัง
แล้วสิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือเรือตำรวจน้ำลำหนึ่งเปิดไฟวาบวับแล้วแล่นปรี่เข้ามาก่อนที่จะมีเสียงประกาศผ่านลำโพงที่ติดบนหลังคาดังลั่น
“เรือท่องเที่ยวหยุดลอยลำ! …ได้ยินมั้ย!”
***********************************
มันส์แท้ๆ 555