◊ฝ่าแดนนรก◊
………………………
พันเอกนูฮาชิมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานความมั่นคงราชอาณาจักรอินนีเซียไม่ใช่นายทหารธรรมดา แต่เป็นที่รู้จักในฐานะบุรุษแถวหน้าของกองทัพซึ่งมีเพียงไม่กี่คน หลังจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยด้วยคะแนนระดับท็อปเท็น เขาถูกส่งไปศึกษาต่อหลักสูตร “รบพิเศษ” ในประเทศตะวันออกกลางพร้อมกับเพื่อนรุ่นเดียวกันอีก 3 คน
เมื่อกลับมา ร้อยโทนูฮาชิมในขณะนั้นเข้ารับตำแหน่งรองผู้บังคับกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลและเข้าสู่สมรภูมิชายแดนของอินนีเซียซึ่งมีการสู้รบกับชนกลุ่มน้อยติดอาวุธ
นูฮาชิมนำทหารเข้าปะทะกับฝ่ายตรงข้ามหลายครั้ง สามารถทำลายค่ายศัตรูได้หลายแห่งจนมีชื่อเสียงเป็นที่กล่าวขานยกย่องว่าเป็นนายทหารหนุ่มที่ห้าวหาญมีอนาคตโดดเด่นยาวไกล
แล้วทุกอย่างก็เป็นจริงตามนั้น เพราะเมื่อนูฮาชิมเป็น “พันตรี” เขาถูกส่งไปเรียนหลักสูตรต่อต้านก่อการร้ายที่สหรัฐอเมริกานาน 6 เดือน ก่อนจะกลับมาทำงานในหน่วยงานพิเศษด้านความมั่นคงจวบจนปัจจุบัน
ด้วยปูมหลังอันเหนือกว่าอดีตนักรบทั่วไป พันเอกนูฮาชิมจึงไม่ได้รู้สึกครั่นคร้ามในสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำของนายทหารชาวไทยซึ่งเป็นเป้าหมายตาม “คำสั่งลับ” ที่เขาได้รับมาจากหน่วยเหนือ
แม้โดยส่วนตัวพันเอกนูฮาชิมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งในฝีมือของนาวาโทจากลุ่มเจ้าพระยาที่สามารถเอาตัวรอดได้จากทีมสังหารชุดแรกในห้องตรวจร่างกายที่สนามบินและจี้ตัวประกันหลบหนีไปพร้อมพาหนะหน้าอาคารผู้โดยสาร ก่อนจะเล่นงานบิ๊กไบค์ชุดไล่ล่าจนดับดิ้น แถมด้วยการระเบิดรถเพื่อสกัดกั้นทีมสนับสนุนจนต้องชะงักการบุกอย่างฉับพลัน
แต่ด้วยหน้าที่ทำให้พันเอกนูฮาชิมต้องเก็บความรู้สึกนั้นและมุ่งไปยังการปฏิบัติตามคำสั่งเพื่อให้ภารกิจลุล่วง นั่นคือการเด็ดชีพนายทหารชาวไทยให้ได้
“นายมีฝีมือมาก… ผู้พันคมจักร”
สายตาของพันเอกนูฮาชิมจ้องมองไปยังอาคารเป้าหมายที่ปรปักษ์ของตนหลบหนีเข้าไป
“แต่คราวนี้ตำแหน่งของนายเป็นที่ปิด ฉะนั้นฉันจะไม่ปล่อยให้นายรอดไปได้แน่!”
บัดนั้นเองที่หน่วยสวาทของอินนีเซียเคลื่อนตัวดาหน้าเข้าสู่อาคารสูง 5 ชั้น โดยมีพันตรีโจโลตามเข้าไปด้วยหมายจะ “เอาคืน” นายทหารชาวไทยให้หายแค้น
“ทุกคนระวังตัว!”
พันตรีโจโลร้องบอกดังๆ
“ถึงเป้าหมายจะมีคนเดียวแต่มันมีปืนและอาจจะเพิ่มเติมด้วยอาวุธแสวงเครื่องเพื่อใช้เล่นงานเราได้ ดังนั้นอย่าประมาทเป็นอันขาด!”
สิ่งที่ได้ยินทำให้เจ้าหน้าที่ทุกนายเขม็งตัวเต็มที่ และในทันทีที่เข้าไปถึงบันไดทางขึ้นสู่ชั้นบน หน่วยสวาทก็ปฏิบัติตามยุทธวิธีอย่างรัดกุม
แทนที่จะผลีผลามจู่โจมอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เป้าหมายอยู่ห่างเกินไป หน่วยสวาทสองคนแรกซึ่งทำหน้าที่ “สเก๊าท์” หรือส่วนล่วงหน้ากลับเบี่ยงตัวชิดผนังข้างบันไดทั้งซ้ายและขวาอย่างระมัดระวัง
วินาทีต่อมา สเก๊าท์คนขวาจึงชะโงกหน้าพร้อมกับตวัดไรเฟิลอัตโนมัติที่อยู่ในร่องไหล่เล็งสูงในลักษณะที่พร้อมจะเหนี่ยวไกปล่อยกระสุนหากมองเห็นศัตรู
“สเก๊าท์ วัน รายงาน….”
พันเอกนูฮาชิมได้ยินเสียงลูกน้องทางเอียร์โบนที่เสียบไว้ในช่องหู
“ทางขึ้นเคลียร์ ไม่มีความเคลื่อนไหว”
“บุกเลย!”
สิ้นคำสั่งของพันเอกนูฮาชิม กำลังส่วนหน้าซึ่งเป็นเสมือนชุดนำทางของหน่วยสวาทก็ถลันออกจากตำแหน่งทะยานขึ้นไปตามช่องบันไดโดยมีฝ่ายเดียวกันตามมาติด ๆ
“เคลียร์!”
เสียงตะโกนดังลั่นเมื่อสิ้นสุดบันไดขั้นสุดท้ายและเข้าสู่ตำแหน่งเลี้ยว
“กำลังขึ้นชั้นสาม!”
จังหวะเดียวกับที่หัวขบวนเลี้ยวขวาไปตามขั้นบันได สายตาของพันตรีโจโลซึ่งตามหลังมาไม่ห่างก็เหลือบเห็นซีโอทูสีแดงขวดหนึ่งติดอยู่ข้างผนัง
สัญชาตญาณทำให้พันตรีโจโลใจหายวาบหลุดปากออกมาสุดเสียง
“ระวัง… ระเบิด!”
เกือบจะพร้อมๆ กับเสียงตะโกนของพันตรีโจโล ร่างวูบไหวของคมจักรก็โผล่ออกมาเพียงแว่บเดียวเพื่อตวัดปากกระบอกปืนไปยังตำแหน่งที่เคยเล็งไว้แล้วในวินาทีก่อนหน้า
เปรี้ยง! ตูม!
เสียงปืนแผดขึ้นก่อน จากนั้นจึงเป็นกัมปนาทสนั่นหูจากการระเบิดเมื่อกระสุนร้อนจี๋เจาะเข้าใส่ขวดซีโอทู.ดับเพลิงที่กลายเป็นอาวุธแสวงเครื่องไปในบัดดล
อานุภาพของมันทำให้หน่วยสวาทที่อยู่ในช่องทางแคบๆ กระเด็นกลับลงมาพร้อมกับเสียงร้องอุทานอย่างเจ็บปวดหลุดออกมาจากปากคนที่อยู่ด้านหน้าสุดซึ่งโดนสะเก็ดและแรงอัดอย่างถนัดถนี่
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ปฏิบัติการจู่โจมยุติลง เพราะยังไม่ทันที่ควันระเบิดแสวงเครื่องจะจางหาย
หน่วยสวาทที่ไม่ได้รับบาดเจ็บก็กระโจนข้ามร่างฝ่ายเดียวกันแล้วรุกคืบไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“ยิงเลย! อย่าให้มันโผล่ออกมาได้!”
พันตรีโจโลตะโกนลั่น และนั่นจึงทำให้เสียงแผดระรัวของอาวุธอัตโนมัติของทีมบุกแผดระรัวสนั่นหวั่นไหว
ปังๆๆๆๆ! ปังๆๆๆๆ!
ปังๆๆๆๆ! ปังๆๆๆๆ!
ห่ากระสุนแดงวาบพุ่งไปตามช่องบันไดทั้งที่ยังไม่ปรากฏเป้าหมาย มันเป็นการยิงเพื่อกดดันไม่ให้นายทหารชาวไทยใช้กลยุทธใดๆ อย่างที่ต้องการได้อีก
แต่คมจักรก็ไม่ได้คิดที่จะทำอะไรเพื่อสกัดกั้นอีกแล้ว เพราะสายลับทัพเรือต้องการไปให้ถึงชั้นดาดฟ้าโดยเร็วที่สุด และเสียงปืนที่ไล่หลังมาก็ทำให้คมจักรรู้ว่าเวลาเหลือน้อยลงทุกที
ยอดพยัคฆ์ชาวไทยจึงสับฝีเท้าสุดชีวิตจนกระทั่งถึงชั้นแปดซึ่งมีประตูสู่ดาดฟ้าอาคารรออยู่
“ถึงทางออกแล้ว ได้วัดดวงกันละ!”
นายทหารเลือดเดือดคำรามกับตนเอง แต่แล้วคมจักรก็ต้องแยกเขี้ยวอุทานออกมาจากสิ่งที่มองเห็น
“บรรลัยแล้ว! ประตูคล้องกุญแจหรือนี่!”
โดยไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปแม้แต่วินาทีเดียว คมจักรตวัดปากกระบอกปืนเข้าหาสิ่งที่เป็นอุปสรรคแล้วเหนี่ยวไกปล่อยกระสุนออกไปทันที
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
สะเก็ดไฟสว่างวาบเมื่อลูกตะกั่วร้อนจี๋พุ่งเข้าปะทะกุญแจสายยูที่คล้องอยู่จนแตกกระจายขาดสะบั้น และในวินาทีเดียวกับที่คมจักรเอื้อมมือไปกระชากประตูให้เปิดออก เสียงปืนจากการยิงของฝ่ายตรงข้ามจากช่องบันไดก็ดังตามมาให้ได้ยินอย่างถนัด
“รอให้กูออกไปก่อนไม่ได้หรือไงวะ”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่คมจักรคำรามออกมาก่อนจะกระโจนผ่านช่องประตูออกไปสู่ดาดฟ้าเพื่อที่จะมองเห็นขอบหลังคาอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก ขณะที่ดาดฟ้าของอาคารอีกหลังอยู่ห่างออกไปไม่น้อยกว่า 30 เมตร
“เอาละวะ… ได้ลงแข่งกระโดดค้ำถ่อก็วันนี้แหละ!”
คมจักรแยกเขี้ยวขณะที่สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพร้อมกับเกร็งลมปราณเพิ่มพลังให้กับตัวเองชนิดเต็มพิกัด
แต่ยังไม่ทันที่นายทหารชาวไทยจะสับฝีเท้าออกจากตำแหน่ง
กัมปนาทการยิงของฝ่ายตรงข้ามที่เป็นกำลังเสริมและอยู่บนฟุตปาธด้านล่างข้างอาคารก็แผดคำรามสนั่นหวั่นไหว
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ปังๆๆๆ! ปังๆๆๆ!
มันเป็นการยิงตามคำสั่งของพันเอกนูฮาชิมซึ่งเป็นผู้บัญชาการในพื้นที่เมื่อมองเห็นคมจักรปรากฏตัวออกมา
“สกัดไว้ อย่าให้มันหนีไปตามหลังคาตึก!”
พันเอกนูฮาชิมร้องตะโกนดังลั่น และนั่นทำให้คมจักรกลายเป็นเป้าในมุมสูงที่โดนปรปักษ์กระหน่ำกระสุนเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง
ปังๆๆๆ! ปังๆๆๆ!
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
แม้มฤตยูร้อนจี๋ที่แหวกอากาศมาแดงโร่จะพุ่งข้ามหัว แต่คมจักรก็ต้องก้มหัวหดคอด้วยสัญชาตญาณ เสียจังหวะในการปล่อยตัวออกจากตำแหน่งไปอย่างช่วยไม่ได้
“หยุดยิงก่อนได้มั้ย… กูจะโดดแล้ว!”
คมจักรร้องลั่นก่อนจะตวัดปืนเข้าหา “ตัวช่วย” ที่อยู่บนเสาไฟฟ้าอันได้แก่หม้อแปลงข้างตึกแล้วเหนี่ยวไกชนิดมั่นใจว่าจะไม่พลาด
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ตูม! บึ้ม!
เสียงระเบิดกึกก้องพร้อมกับสะเก็ดไฟแตกกระจายออกมาจากหม้อแปลงขนาดใหญ่ซึ่งถูกกระสุนของคมจักรทะลวงเข้าใส่อย่างแม่นยำ และนั่นจึงทำให้พันเอกนูฮาชิมกับลูกน้องที่อยู่ในบริเวณนั้นกระโจนหลบกันจ้าละหวั่น
โอกาสจึงพลิกกลับมาเป็นของคมจักรที่สับฝีเท้าเข้าหาขอบหลังคาดาดฟ้าแล้วถีบตัวไปข้างหน้าสุดแรงเกิด
“ฮึบ!”
เสียงเร่งลมปราณหลุดจากปากของคมจักรในวินาทีที่ร่างแกร่งเกร็งลอยละลิ่วราวกับคนเหาะก่อนจะหล่นลงสู่ดาดฟ้าอาคารหลังถัดไปชนิดฝ่ายตรงข้ามที่เห็นต้องอ้าปากค้าง
“บ้าชิบ!”
พันเอกนูฮาชิมสบถออกมาอย่างลืมตัว
“มันทำได้ยังไงกัน… ทหารเรือไทยเก่งขนาดนี้เลยหรือนี่!”
แม้จะไม่ได้ยินประโยคนั้น แต่คมจักรก็ตอกย้ำความสงสัยของฝ่ายตรงข้ามด้วยการไม่หยุดอยู่แค่นั้น เพราะในจังหวะอันต่อเนื่องยอดพยัคฆ์ชาวไทยก็ตั้งลำขึ้นมาใหม่ขณะที่สายตาเล็งไปยังดาดฟ้าอาคารหลังถัดไปก่อนจะแยกเขี้ยวคำรามกับตนเอง
“ไปต่อสิโว้ย… จะอยู่ทำไม!”
ขาดคำ ร่างของนายทหารมหากาฬก็เผ่นทะยานออกจากตำแหน่งไปจนสุดขอบดาดฟ้าก่อนจะถีบเท้ากระโจนพรวดเพื่อเหาะลิ่วข้ามช่องว่างระหว่างอาคารเป็นครั้งที่สองด้วยลีลาไม่ต่างอะไรกับนักกระโดดไกลชั้นยอด
“ทีมจู่โจมตามมันไป… เร็วเข้า!”
พันเอกนูฮาชิมตะโกนสั่งอย่างเดือดดาล
“มีขามีตีนเหมือนกัน ทำไมจะทำแบบมันไม่ได้!”
แม้จะเป็นคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา แต่หน่วยสวาทที่โผล่พ้นประตูดาดฟ้าของอาคารหลังแรกกับมีอาการลังเล และนั่นทำให้พันตรีโจโลซึ่งโดนคมจักรเล่นงานก่อนหน้าผลักร่างของหน่วยสวาทที่ขวางอยู่ให้หลบออกไป
“ฉันจัดการเอง!”
ขาดคำ พันตรีหนุ่มก็สับฝีเท้าออกจากตำแหน่งก่อนจะถีบตัวพุ่งพรวดจากดาดฟ้า มิหนำซ้ำยังตวัดปืนไปข้างหน้าแล้วเหนี่ยวไกปล่อยกระสุนไล่หลังคมจักรดังสนั่น
ปัง! ปัง! ปัง!
ปัง! ปัง! ปัง!
แม้วิถีการยิงจะพลาดเป้า แต่เสียงลั่นก้องที่ตามหลังมาก็ทำให้คมจักรรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามกัดไม่ปล่อย
แว่บเดียวที่หางตาชำเลืองเห็นพันตรีโจโลทะยานลงสู่ดาดฟ้าด้านหลังห่างออกไปแค่หลังคาเดียว คมจักรก็พลิกตัวกลับอย่างว่องไวพร้อมกับตวัดมือที่ประกบกันเพื่อกระชับปืนเล็งศูนย์เข้าหาพันตรีโจโลที่โจนทะยานข้ามห้วยมาเป็นครั้งที่สองแล้วเหนี่ยวไกยิงอย่างต่อเนื่องราวกับประทัดแตก
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เสียงปืนลั่นคำรามชนิดแทบจะแยกไม่ออกว่ากระบอกไหนดังขึ้นก่อน แต่คมจักรแม่นกว่าเพราะปักหลักชันเข่า ขณะที่พันตรีโจโลยิงขณะลอยอยู่กลางอากาศจึงขาดความแม่นยำอย่างช่วยไม่ได้
กระสุนของยอดพยัคฆ์ชาวไทยจึงจับเปาะเข้ากลางยอดอกของฝ่ายตรงข้ามอย่างเหมาะเหม็ง
แรงปะทะจากการยิงทำให้พันตรีโจโลหมุนคว้างกลางอากาศราวกับเหยี่ยวถูกพรานส่องก่อนจะร่วงลงสู่พื้นตายสยองไปในบัดดล
โดยไม่รอดูผลการพิฆาต นาวาโทมหากาฬหันกลับแล้วออกตัวเป็นครั้งที่สามเพื่อโจนทะยานไปยังดาดฟ้าแห่งใหม่ทั้งที่เห็นอยู่แล้วว่าจุดร่อนลงคือสระว่ายน้ำที่สร้างอยู่บนชั้นสูงสุดของอาคารหลังนั้น
ตูม!
ผิวน้ำแตกกระจายเมื่อร่างของนายทหารชาวไทยพุ่งเข้าปะทะก่อนจะดิ่งลงสู่ก้นสระอย่างรวดเร็วราวกับสมอที่ถูกทิ้งลงจากเรือ
แต่ในทันทีที่ตั้งหลักได้ คมจักรก็ถีบตัวเหวี่ยงมือในท่าแหวกน้ำเพื่อนำร่างของตนขึ้นสู่เบื้องบนโดยไม่ชักช้า
จังหวะเดียวกับที่แหงนหน้าขึ้นไป ภาพซึ่งวูบไหวอยู่หลังม่านน้ำก็ทำให้คมจักรหัวใจหล่นอย่างห้ามไม่อยู่
“เวรละสิ… เฮลิคอปเตอร์ !”
คมจักรร้องบอกตนเองจากสิ่งที่เห็น
“กำลังเสริมทางอากาศของพวกมันหรือนี่”
วินาทีแรกที่โผล่พ้นผิวน้ำ คมจักรก็รีบว่ายไปยังขอบสระแล้วเหวี่ยงตัวขึ้นก่อนจะชันเข่าตวัดปืนเหนี่ยวไกเข้าใส่ ฮ. ที่กำลังโฉบลงมา
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
การยิงเป้าขนาดใหญ่ไม่ใช่เรื่องยากและถึงแม้กระสุนจะไม่เข้าจุดตาย แต่มันก็ทำให้ ฮ. ทั้งลำเอียงวูบก่อนที่คนบน ฮ. จะยิงตอบโต้ลงมาทันทีทันควัน
ปังๆๆๆๆ!
ปังๆๆๆๆ!
วิถีกระสุนที่แหวกอากาศลงมาพุ่งลงกลางสระน้ำห่างจากร่างของคมจักรราวกับคนยิงไม่ได้ตั้งใจที่จะสังหารเป้าหมาย และนั่นจึงทำให้นายทหารชาวไทยเอะใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“มันยิงอะไรของมันกันแน่… ในสระน้ำไม่มีคนสักหน่อย”
คมจักรร้องออกมาอย่างประหลาดใจ
“เอ๊ะ… หรือว่า…”
ทันทีที่คิดได้ สองมือที่เล็งปืนขึ้นสูงของคมจักรจึงลดก่อนที่เสียงอุทานอย่างดีใจจะหลุดจากปากเหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
“ให้ตายเถอะ! นายเองหรอกหรือ… ธงอินทร์”
คมจักรยิ้มร่า
“มาได้ทันเวลาพอดีเลยนะ เพื่อนยาก!”
บัดนั้นเองที่ ฮ. นักท่องเที่ยวของบริษัทสัญชาติอเมริกันที่มีซีไอเอ ชักใยอยู่เบื้องหลังก็ค่อยๆ ลดระดับลงมาสู่ดาดฟ้าสระน้ำและคมจักรก็ไม่เสียเวลารอให้สกี ฮ. แตะพื้นแต่อย่างใด
ร่างของยอดสายลับเผ่นเข้าหาพาหนะเวหาของฝ่ายเดียวกันที่เปิดประตูห้องโดยสารรออยู่มาแต่ไกลแล้วกระโจนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
“พัสดุมาแล้ว!”
ช่างเครื่องร้องบอกนักบินเสียงลั่น
“ไป… ไป… ไป!”
แล้วในวินาทีอันต่อเนื่อง ฮ. ที่มีสี่คนไทยเป็นผู้โดยสารก็ยกตัวสูงขึ้นแล้วไต่ระดับสู่ท้องฟ้ามุ่งหน้าไปยังที่หมายอย่างรวดเร็ว
ทั้งที่เฉียดความตายมาสดๆ ร้อนๆ แต่นาวาโทจอมเจ้าชู้กลับไม่ทิ้งนิสัยเดิม
“สวัสดีครับ ผู้หมวดคนสวย”
คมจักรร้องทักญาธิดาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ดีใจจังที่ได้พบคุณอีกครั้ง… ได้อยู่ใกล้กันแบบนี้ผมรู้สึกว่าท้องฟ้าสวยสดงดงามขึ้นอีกเป็นกอง”
“เหรอคะ”
ญาธิดาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ว่าแต่ผู้พันนึกยังไงถึงลงไปเล่นน้ำในสระบนดาดฟ้าจนตัวเปียกปอนแบบนี้”
“ก็ผมรู้ว่าจะมีคนสวยมารับก็เลยอยากตัวเปียกเผื่อว่าจะได้รับการอนุเคราะห์ผ้าขนหนูช่วยเช็ดตัวให้”
“บน ฮ. มีแต่ผ้าเช็ดน้ำมันเครื่องจะเอามั้ย”
ธงอินทร์ตบหลังเพื่อนดังป้าบ
“นายนี่มันเหมือนเดิมเลยนะ เจอกันแทนที่จะทักเพื่อนก็ไม่ทักแต่หันไปคุยกับสาวๆ ก่อน”
“ทักก็ได้วะ”
“ไปยังไงมายังไงมิทราบ ทำไมถึงขี่ ฮ. เข้าเมืองมาแบบนี้”
คมจักรเปลี่ยนสายตามายังธงอินทร์
“ฉันดำน้ำมาโผล่ใกล้ฝั่งแล้วก็ขึ้น ฮ. ต่อเข้ามาที่นี่”
“ขอบใจมากที่มารับฉันได้ทันเวลา ถ้านายมัวแต่อ้อยอิ่งชมวิว ฉันอาจจะม่องเท่งไปแล้วก็ได้”
“ด้วยความยินดีเพื่อน”
“ว่าแต่นายรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่ไหนและกำลังโดนไล่ตามจนหัวซุกหัวซุนแบบนี้”
“ทีมของเราเชื่อมโยงเครือข่ายสื่อสารกับศูนย์ควบคุมยุทธการลับในสถานทูตสหรัฐ ฉันก็เลยรู้ว่านายโดนอัดเละหลังจากที่เล่นงานพวกมันจนวินาศสันตะโรตั้งแต่ออกจากสนามบิน”
ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรกันต่อ ธณิศรก็ร้องตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงตกใจ
“มี ฮ. เข้ามา… ทิศ 10 นาฬิกาครับ!”
ประโยคนั้นทำให้ทุกคนหันขวับเพื่อที่จะเห็น ฮ. สีเขียวขี้ม้าลำหนึ่งบินรี่เข้ามาในลักษณะที่บอกให้รู้ว่าไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน
และยังไม่ทันที่จะตั้งหลักได้
ท้องนภาก็ลั่นคำรามราวกับฟ้าผ่าโดยปราศจากพยับฝนเมื่อ ฮ. ของหน่วยงานความมั่นคงอินนีเซียเปิดฉากยิงเข้าใส่โดยไม่พูดพล่ามทำเพลง!
“ระวัง! มันยิงใส่เราแล้ว!”
เสียงร้องตะโกนจากช่างเครื่องทำให้ผู้เป็นนักบินบังคับเครื่องให้เชิดหัวขึ้นด้วยสัญชาติญาณ แต่แล้วกัมปนาทการยิงในชุดที่สองก็ดังสนั่นฟ้า
เปรี้ยงๆๆๆ!
เปรี้ยงๆๆๆ!
วิถีสังหารแดงวาบพุ่งเข้าดักหน้าราวกับฝ่ายตรงข้ามจะเดาใจเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง และนั่นจึงทำให้ ฮ. ทั้งลำสั่นสะท้านเมื่อโดนมฤตยูชุดนั้นเข้าอย่างจัง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ยังไม่เลวร้ายเท่ากับการที่ผู้ควบคุม ฮ. กลายเป็นนักบินชะตาขาดเมื่อโดนกระสุนหลายนัดเข้าเต็มร่างจนฟุบหน้าลงกับคอนโซลตายสยองไปในบัดดล
ฮ. ที่ปราศจากคนบังคับจึงมีอันเหวี่ยงตัวราวกับโดนพายุพร้อมๆ กับที่สัญญาณเตือนการดิ่งลงสู่พื้นแผดลั่น!
*****************************************
อ่านทุกตอนคลิ๊กที่รูป