◊ แผนสังหารอู่ฮั่น ◊
………..
อูฮั่นวัลเลย์ ทางตะวันออกของเมืองอูฮั่น สถานที่พักผ่อนสุดสัปดาห์ของประธานาธิบดีจีน
วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2010
มันเป็นเช้าตรู่ที่สดใสภายใต้อากาศอบอุ่น ท้องฟ้ากระจ่าง ขณะที่ร่างผึ่งผายในชุดวอร์มแบบนักกีฬาของ “สีผินจิง” ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้นำจีนเป็นสมัยที่สองก้าวออกมาจากบ้านพักเตรียมที่จะเดินออกกำลังกายยามเช้า
บุรุษหมายเลขหนึ่งของปักกิ่งกวาดตามองไปโดยรอบอย่างอิ่มเอิบใจในทัศนียภาพอันงดงามของปศุสัตว์ส่วนตัวอันเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษซึ่งล่วงลับไปโดยไม่มีโอกาสได้รู้ว่าทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำสูงสุดของประเทศและอยู่ในฐานะ “ผู้กุมชะตาโลก” เช่นเดียวกับอดีตประธานาธิบดีจีนอเมริกามหาอำนาจของตะวันตกที่ต้องแบกรับภาระในการผดุงสันติสุขของมนุษยชาติมาโดยตลอด
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านประธานาธิบดี”
น้ำเสียงคุ้นหูที่ดังให้ได้ยินทางด้านหลัง ทำให้สีผินจิงหันไปมองเพื่อที่จะเห็นหญิงสาวร่างปราดเปรียวในชุดสูทสแล็คสีกรมท่าซึ่งเป็นเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนอยู่ด้วยสีหน้าแจ่มใส
ผู้นำจีนจึงเอ่ยตอบ
“อรุณสวัสดิ์… แวววาว เป็นไงเมื่อคืนหลับสบายมั้ย”
“เต็มอิ่มเลยค่ะ เรือนรับรองบรรยากาศสงบเงียบดีมาก ต้องขอขอบพระคุณท่านประธานาธิบดีอย่างมากที่ให้ความกรุณาดิฉันในการเข้าพัก”
“นิดหน่อยน่า คุณเป็นผู้ประสานงานการเจรจาระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทยกับผม จะปล่อยให้ลำบากได้ยังไง”
รอยยิ้มขณะที่พูดยังไม่จางหายไปจากใบหน้า ก่อนที่ประธานาธิบดีจีนจะถามต่ออย่างเป็นกันเอง
“แล้วนี่คู่หูของคุณไปไหนเสียล่ะ ธรรมดาผมเห็นเขาอยู่กับคุณเหมือนเป็นเงาตามตัวเลยไม่ใช่หรือ”
“ผู้พันธงอินทร์แยกไปตรวจสอบความเรียบร้อยอยู่ทางด้านนอก ถ้าเสร็จเมื่อไหร่ก็คงจะตามมาสมทบให้ท่านประธานาธิบดีได้เห็นค่ะ”
“ความจริงไม่ต้องทำถึงขั้นนั้นก็ได้ ที่นี่เป็นบ้านเกิดของผมและปศุสัตว์นี้ก็เป็นมรดกตกทอดของตระกูลมาหลายชั่วอายุคน ไม่น่าจะมีอะไรที่องค์รักษ์อย่างพวกคุณต้องกังวลหรอก”
“เรื่องนั้นดิฉันทราบค่ะ แต่โดยมาตรการรักษาความปลอดภัยแล้ว เราไม่อาจละเลยขั้นตอนการปฏิบัติได้แม้ว่าจะอยู่ในสถานที่ส่วนตัวของผู้นำสูงสุดก็ตาม”
“ถ้างั้นเราเริ่มเดินไปทางโน้นกันดีกว่า จะได้เจอกับคู่หูของคุณด้วย”
ประธานาธิบดีสีผินจิงพยักหน้าให้หญิงสาวก่อนจะย่างเท้าออกไปเป็นก้าวแรกพร้อมกับชวนคุยต่อ
“มะรืนนี้จะมีการแข่งขันเรือมังกร บอกหน่อยได้มั้ยว่า คุณเชียร์ใคร ใช่ทีมเซียงไฮ้เหมือนผมหรือเปล่า”
“ต้องขออภัยด้วยค่ะ ดิฉันเป็นแฟนทีมนานกิงคู่ปรับสำคัญของเซียงไฮ้คงต้องขออนุญาตยืนคนละข้างกับท่านประธานาธิบดี”
“แล้วกัน”
บุรุษหมายเลขหนึ่งของรัฐบาลจีนอุทานก่อนจะหัวเราะออกมาดังๆ เป็นครั้งแรก
“นึกว่าองครักษ์ของไทยจะเป็นแฟนเซียงไฮ้เสียอีก แบบนี้เห็นทีจะต้องท้าคุณเดิมพันตอนดูถ่ายทอดด้วยกันเสียแล้วสิ”
“ไม่ขัดข้องค่ะ”
อีกฝ่ายตอบยิ้มๆ
“แต่ขอใช้แม็คเดลิเวอรี่เป็นเดิมพันนะคะ ถ้านานกิงแพ้ ดิฉันจะสั่งมาเป็นมื้อกลางวันให้ท่านประธานาธิบดีเอง”
“ไม่เอา ผมอยากกินอาหารไทยบ้านคุณ”
ประธานาธิบดีสีผินจิงสั่นหน้า
“ถ้าเซียงไฮ้ชนะ คุณต้องพาผมไปเลี้ยงที่บางกอกเรสเตอร์รองท์… ตกลงมั้ย”
“ยินดีค่ะ”
แวววาวหญิงสาวเลือดไทยรับคำ
“แต่ในวันที่พาท่านประธานาธิบดีไปเลี้ยง นักข่าวคงแห่กันไปที่นั่นเพียบและทางร้านคงวุ่นวายน่าดู”
“ไม่เป็นไร ผมปลอมตัวเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ได้ คนอื่นจะได้ไม่รู้และไม่ต้องอายใครเวลาสูดปากซี้ดซ้าดตอนซดต้มยำกุ้ง”
พูดแล้วก็หัวเราะชอบใจ ก่อนจะพูดต่อเหมือนชวนคุย
“แวววาว… นายกฯ ของคุณคงเหนื่อยมากในการต่อสู้กับไวรัสโควิดใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ แต่ยังโชคดีที่คนไทยร่วมมือกันอย่างเต็มที่”
แทนที่จะได้ยินคู่สนทนาพูดโต้ตอบอย่างที่ควรจะเป็น หญิงสาวกลับเงียบเสียงไปและนั่นจึงทำให้ประธานาธิบดีวัยห้าสิบห้าหันไปมองอย่างสงสัย
“มีอะไรหรือแวววาว… ทำไมถึงเงียบไป”
“ดิฉันกำลังแปลกใจและรู้สึกผิดสังเกตเรื่องนกพิราบตัวนั้นค่ะ”
ผู้นำจีนมองตามสายตาของเจ้าหน้าที่หญิงชาวไทย
“จริงของคุณ เพราะตั้งแต่จำความได้ ผมไม่เคยเห็นนกพิราบที่นี่มาก่อนเลย หรือว่ามันจะเป็นพิราบแข่งที่หลงทางมา”
เกือบจะพร้อมๆ กับที่ประโยคนั้นจบลง นกพิราบขาวตัวเขื่องก็โฉบลงต่ำแล้วโผเข้าเกาะบนบ่าซ้ายของบุรุษหมายเลขหนึ่งราวกับจะรู้ว่านี่คือชายผู้ทรงอำนาจมากที่สุดของสาธารณรัฐประชาชนจีน
“ว่าไงเจ้าเพื่อนยาก… ทำไมถึงโผล่มาที่นี่ได้”
ประธานาธิบดีสีผินจิงพูดด้วยเสียงปนหัวเราะขณะที่เหลือบตามองพิราบขาวที่อยู่บนบ่าของตน
“ท่าทางของแกเหนื่อยมาก คงจะบินมาไกลละสิ กินอะไรมาหรือยัง”
ปีกที่ขยับแทนคำตอบทำให้แวววาวซึ่งจ้องเขม็งอยู่แล้วมองเห็นอะไรบางอย่างที่ฝังอยู่กับลำตัวของมัน
หญิงสาวจึงเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะเหวี่ยงมือเข้าใส่นกพิราบตัวนั้นสุดแรงเกิด พร้อมกับร้องตะโกนสุดเสียง
“อันตราย! หมอบเร็ว!”
ผัวะเดียวที่หลังมือฟาดเข้าใส่ วิหคมรณะก็ปลิวกระเด็นออกจากตำแหน่งสังหารก่อนที่แวววาวจะผลักร่างของประธานาธิบดีให้หงายหลังลงกับพื้น โดยตนเองคร่อมทับอยู่ด้านบนเกือบจะพร้อมๆ กับที่โสตประสาทของคนทั้งสองถูกเขย่าด้วยเสียงกัมปนาทที่แผดกึกก้องออกมาในบัดดล
บึ้ม!
นกพิราบที่ถูกส่งมาสังหารประธานาธิบดีแหลกกระจายกลางอากาศด้วยอานุภาพของระเบิดขนาดจิ๋ว “เทมเพล็กซ์” ที่มีอำนาจร้ายแรงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าซี-โฟว์ ซึ่งหากแวววาวตัดสินใจช้าไปเพียงเสี้ยววินาที ทั้งผู้นำจีนและหล่อนเองก็คงจะสิ้นชีวิตไปพร้อมๆ กันอย่างแน่นอน
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ประธานาธิบดีสีผิงจินร้องอุทานออกมาอย่างลืมตัว
“พระเจ้าช่วย..! ผมถูกลอบสังหารหรือนี่”
“หมอบให้ต่ำที่สุดนะคะ อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว คนร้ายอาจอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้ และพวกมันอาจจะเล่นงานท่านเป็นครั้งที่สองก็ได้”
แวววาวร้องบอกเร็วปรื๋อขณะที่กระชากปืนพกออกมาจากซองใต้ไหล่อย่างว่องไว แล้วมองกวาดไปโดยรอบด้วยสัญชาตญาณ
“บ้าจริง… ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ในสถานที่ส่วนตัวของประธานาธิบดี”
หญิงสาวไม่สนใจกับสิ่งที่ได้ยินจากท่านผู้นำ หล่อนกระชับปืนในมือแน่นเตรียมพร้อมที่จะลั่นไกปล่อยกระสุนออกไปในทันทีที่จำเป็น
แต่เมื่อไม่พบเป้าหมายใดๆ แวววาวจึงถอนหายใจโล่งอกและเป็นจังหวะเดียวกับที่ธงอินทร์ซึ่งอยู่ในทีมเดียวกันวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทีร้อนรน
“ผู้หมวด… เกิดอะไรขึ้น ผมได้ยินเสียงระเบิดเมื่อกี้นี้”
“มีคนพยายามลอบสังหารท่านประธานาธิบดีด้วยนกติดระเบิด ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว เราต้องอพยพเดี๋ยวนี้!”
แวววาวร้องตอบเร็วปรื๋อ
“คุณว่าอะไร อพยพงั้นหรือ”
ธงอินทร์เบิกตากว้างแต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่หน่วยรักษาความปลอดภัยชาวจีนที่อยู่ด้านนอกพร้อมอาวุธวิ่งเข้ามาสมทบด้วยท่าทีตื่นตระหนก
“โอเค คุณพาท่านประธานาธิบดีเข้าไปหลบอยู่ในที่กำบังก่อน ผมจะเรียก ฮ.เข้ามารับเราเดี๋ยวนี้แหละ!”
โดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายร้องบอกซ้ำสอง หญิงสาวชาวไทยคว้าแขนผู้นำสูงสุดให้ลุกขึ้นแล้ววิ่งตรงไปยังเรือนหลังใหญ่เพื่อใช้ปราการกำบังอันตรายจากสถานการณ์ซึ่งอุบัติขึ้นโดยไม่คาดฝัน
เรือนดังกล่าวสร้างด้วยไม้ ด้านหน้ามีลักษณะเหมือนโรงนา ส่วนทางด้านหลังสร้างเป็นคอกม้า มีรางน้ำไหลผ่านหน้าคอก ซึ่งเป็นที่อยู่ของม้าสายพันธุ์ดีหลายตัวที่ประธานาธิบดีเลี้ยงไว้
ด้วยระบบสื่อสารอันทันสมัยและมาตรการคุ้มกันผู้นำสูงสุดของประเทศ เพียงไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น เสียงกระหึ่มบนท้องฟ้าก็ดังลงมาให้ได้ยิน พร้อมๆ กับการปรากฏของเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่ซึ่งดูเหมือนจะเตรียมพร้อมรอรับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาในฐานบินชั่วคราวห่างออกไปเพียงไม่กี่ไมล์
“ดราก้อน ฟลาย จากภาคพื้นดิน… รหัสแดง! ย้ำรหัสแดง !”
ธงอินทร์กรอกเสียงใส่วิทยุก่อนจะได้ยินคนบน ฮ.ตอบกลับทันควัน
“จากดราก้อน ฟลาย… ทราบแล้ว ขอให้แสดงตำแหน่งลงจอด เราจะลงไปรับท่านประธานาธิบดีเดี๋ยวนี้!”
วินาทีอันต่อเนื่อง ควันสีเขียวก็พวยพุ่งขึ้นจากพื้นเมื่อธงอินทร์ “โชว์ สโมค” ด้วยการขว้างกระป๋องระเบิดควันไปยังตำแหน่งที่เลือกไว้เป็น “แลนดิ้งโซน” หรือเขตลงจอดสำหรับอากาศยานปีกหมุนซึ่งเป็นพาหนะประจำตำแหน่งประธานาธิบดี
“ฮ.กำลังลงสู่พื้น พาท่านประธานาธิบดีไปได้แล้ว!”
ธงอินทร์ร้องบอกหน่วยรักษาความปลอดภัยทางวิทยุ และนั่นจึงทำให้ทีมคุ้มกันชาวจีน พร้อมอาวุธวิ่งออกมาจากที่กำบังในรูปขบวนวงแหวน โดยมีผู้นำประเทศอยู่ตรงกลาง
“ไปเลย! ไป… ไป!”
ธงอินทร์ตะโกนแข่งกับเสียง ฮ.พร้อมกับชี้มือขณะที่ทีมคุ้มกันวิ่งเข้าหาอากาศยานลำใหญ่อย่างรวดเร็วตามขั้นตอนที่เคยฝึกมา
อีกเพียงไม่กี่หลาเท่านั้นทีมคุ้มกันและประธานาธิบดีจีนก็จะไปถึงที่หมาย สิ่งที่ทุกคนมองเห็นก็คือคอมมานโดในชุดดำโผล่ออกมาจากห้องโดยสา รพร้อมด้วยไรเฟิลอัตโนมัติในลักษณะเหมือนเตรียมใช้อาวุธสกัดกั้นการโจมตีเพื่อปกป้องอันตรายให้แก่บุรุษแห่งปักกิ่ง
แต่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในพริบตานั้นกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม เพราะคอมมานโดบน ฮ. เหนี่ยวไกสาดกระสุนเข้าใส่ทีมคุ้มกันและประธานาธิบดีราวกับห่าฝนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ปังๆๆๆๆ! ปังๆๆๆๆ!
ปังๆๆๆๆ! ปังๆๆๆๆ!
อานุภาพการยิงชนิดหูดับตับไหม้ ยังผลให้ร่างที่วิ่งเข้าหาวิถีสังหารล้มระเนระนาดพร้อมๆ กับที่แจ็คซึ่งเห็นเหตุการณ์อย่างถนัดร้องอุทานออกมาอย่างตื่นตะลึง
“พระเจ้าช่วย! พวกนั้นยิงเรา!”
สัญชาตญาณทำให้นายทหารชาวไทยรู้ได้ในทันทีว่า ผู้ที่อยู่บน ฮ.เป็นฝ่ายตรงข้าม ธงอินทร์จึงหันกลับแล้วกระโจนสุดตัวออกจากตำแหน่งบัญชาการวิ่งจี๋เข้าหาโรงเรือนซึ่งเป็นที่กำบังของประธานาธิบดีตัวจริง
“ผู้หมวด… อย่าออกมา! คนบน ฮ.ไม่ใช่พวกเรา!”
ธงอินทร์ร้องบอกคู่หูทางวิทยุและเป็นจังหวะเดียวกับที่ทีมเพชฌฆาตกระโดดลงจาก ฮ. พุ่งเข้าหาเหยื่อสังหารที่นอนระเกะระกะอยู่บนพื้น
“บ้าระยำ! เราโดนหลอก!”
คอมมานโดในชุดดำคำรามลั่น หลังจากใช้เท้าเขี่ยร่างไร้วิญญาณให้หงายขึ้น
“คนที่อยู่ตรงกลางไม่ใช่ประธานาธิบดี พวกมันซ้อนแผนเรา!”
“รปภ. คนหนึ่งวิ่งไปทางด้านโน้น ประธานาธิบดีต้องอยู่แถวนั้นแน่… รีบตามไปเร็ว!”
หัวหน้าทีมเพชฌฆาตตะโกนลั่น พร้อมกับชี้มือไปยังทิศที่มองเห็นหลังไวๆ ของธงอินทร์ และนั่นจึงทำให้เหล่าคอมมานโดผละออกจากตำแหน่งสังหารกลางทุ่งพุ่งเข้าหาเป้าหมายใหม่โดยไม่ชักช้า
“ให้ตายเถอะผู้พัน… มันเกิดอะไรขึ้นข้างนอก”
ประธานาธิบดีจีนร้องถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกในทันทีเจ้าหน้าที่ชาวไทยโผล่เข้ามาให้เห็น
“ฝ่ายตรงข้ามอยู่บน ฮ. พวกมันกำลังล่าสังหารท่าน”
ธงอินทร์ตอบชนิดไม่มีการอ้อมค้อม
“หน่วยรักษาความปลอดภัยด้านนอกถูกฆ่าตายหมดแล้ว ท่านต้องใช้ฮอตไลน์ขอความช่วยเหลือเดี๋ยวนี้”
“คุณจะให้ผมโทร.ถึงใคร”
“ใครก็ได้ที่ท่านไว้ใจมากที่สุด และเชื่อล้านเปอร์เซ็นต์ว่าเขาภักดีต่อประธานาธิบดีจีน”
ผู้นำปักกิ่งควักโทรศัพท์มือถือออกมา
“งั้นก็ต้องเป็นพลอากาศเอกวิหวูต้า ผมรู้จักกับเขามาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนาวาอากาศโท แม่ทัพฟ้าคนนี้ไม่ทรยศผมแน่”
“ผู้พัน… คอมมานโดหลายคนกำลังพุ่งเข้ามายังตำแหน่งของเรา”
แวววาวร้องบอกเสียงหลงก่อนจะได้ยินธงอินทร์คู่หูร้องตอบ
“ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งยิง พวกมันอาจจะแค่สงสัยเท่านั้นว่ามีคนอยู่ในนี้”
“ท่านนายพลหวูต้า.. ผมประธานาธิบดีพูดนะ”
ผู้นำจีนระล่ำระลักใส่โทรศัพท์ในจังหวะนั้น
“ผมติดอยู่ที่อู่ฮั่น วัลเล่ย์ ภายใต้การโจมตีของศัตรูไม่ทราบฝ่าย ส่งกำลังมาช่วยผมด้วย!”
“ท่านนายพลหวูต้า… ผมคือนายทหารไทยที่รักษาความปลอดภัยให้ท่านประธานาธิบดี”
ธงอินทร์คว้าโทรศัพท์มาจากมือของผู้นำจีน
“โจมตีอู่ฮั่นได้เลย… คนของเราถูกฆ่าตายหมดแล้ว ที่เหลืออยู่คือฝ่ายตรงข้าม.. ย้ำ ที่เหลืออยู่คือฝ่ายตรงข้าม!”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่ธงอินทร์จะโยนโทรศัพท์ทิ้งแล้วหันไปดึงตัวประธานาธิบดีจีนให้ลุกขึ้น
“ท่านขี่ม้าได้ใช่มั้ยครับ”
“อย่าบอกนะว่าเราจะหนีไปจากที่นี่ด้วยม้า”
“เลือกตัวที่ท่านคิดว่าฝีเท้าดีที่สุดแล้วไปกับแวววาว ผมจะถ่วงเวลาพวกมันไว้เอง”
ประโยคที่ได้ยินทำให้หญิงสาวลืมตาโพลง
“ผู้พัน… หมายความคุณจะ…”
“ไม่ต้องห่วงผม ชีวิตของท่านประธานาธิบดีสำคัญที่สุดต่อความช่วยเหลือคนไทย หน้าที่ของเราคือการปกป้องท่านไว้ให้ได้”
นาวาโทมหากาฬพูดพร้อมกับจับแขนแวววาวบีบแน่น
“รีบขี่ม้าแล้วรอฟังสัญญาณจากผม ถ้าได้ยินเสียงระเบิดให้หนีออกไปทางด้านหลังให้เร็วที่สุด”
“คุณจะเล่นงานคอมมานโดพวกนั้นด้วยระเบิดงั้นหรือ”
“ใช่ พวกมันยังไม่รู้ว่ามีกับระเบิดที่ผมกับหัวหน้ารักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดีวางไว้ตั้งแต่เมื่อคืน”
ว่าแล้วธงอินทร์ก็หยิบรีโมทออกมาชูให้เห็น
“ถ้าผมกดปุ่มเมื่อไหร่ ซีโฟว์ทุกแท่งที่ฝังไว้ก็จะจุดชนวนขึ้นมาพร้อมๆ กัน เพื่อทำให้ทุ่งหญ้าด้านนอกกลายเป็นคิลลิ่งโซนทันที”
“พระเจ้าช่วย… สถานที่พักผ่อนของผมถูกทำให้เป็นสนามรบงั้นหรือ”
ประธานาธิบดีสีผินจิงอุทานออกมาอย่างลืมตัว
เจ้าหน้าที่ชาวไทยไม่ตอบแต่หันไปพยักหน้าให้แวววาว
“ไป… ผู้หมวด ทำตามที่ผมบอกได้แล้ว”
“สัญญานะว่าคุณจะตามไป”
“โอเค.”
ธงอินทร์ตอบ แล้วผละจากหญิงสาววิ่งปราดไปยังประตูด้านหน้าโรงเรือนเตรียมรับมือกับศัตรูซึ่งยังไม่รู้แน่ว่าเป็นพวกไหนและกำลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาเป็นลำดับ
“ในโรงเรือนมีคน… ด้านหน้าหนึ่ง ด้านหลังสอง !”
หัวหน้าทีมคอมมานโดซึ่งใช้กล้องอินฟาเรดจับคลื่นความร้อนทะลุผ่านสิ่งกีดขวางร้องบอกลูกน้องจากภาพที่เห็น
“กระจายกำลังกันออกไป แล้วตีโอบปีกทั้งสองข้าง พวกมันกำลังจะหนีด้วยม้าทางด้านหลัง!”
แม้จะไม่ได้ยินเสียงสั่งการของฝ่ายตรงข้าม แต่ลักษณะการจู่โจมที่เปลี่ยนรูปขบวนไปอย่างฉับพลันก็ทำให้ธงอินทร์เดาได้ในทันทีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
“ถ้าขืนรอต่อไปละก็ สองคนนั่นคงจะหนีลำบากแน่!”
ธงอินทร์ขบกรามแน่น ก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาด
“ผู้หมวด… คุณต้องพาท่านประธานาธิบดีออกไปเดี๋ยวนี้!”
ขาดคำ ธงอินทร์ก็กดปุ่มจุดชนวนซีโฟว์ทันที
ตู้ม!
บึ้ม! บึ้ม!
วินาทีเดียวกับที่ทุ่นระเบิดแสวงเครื่องแผดคำรามกึกก้องเปลวเพลิงสีส้มก็สว่างวาบพร้อมๆ กับเศษดินและสะเก็ดสังหารที่ปลิวว่อนสาดกระจายออกมารอบทิศ
แต่เพราะเป้าหมายยังเข้ามาไม่ถึงตำแหน่งที่กำหนดไว้เป็น “คิลลิ่งโซน” อาวุธที่เตรียมไว้รับมือฝ่ายตรงข้ามจึงไม่อาจทำอันตรายใดๆ แก่ศัตรู ยกเว้นเพียงตัดจังหวะการบุกให้ชะงักลงเพราะคอมมานโดทั้งทีมต่างพุ่งร่างกระโจนลงพื้นด้วยสัญชาตญาณในพริบตาที่การระเบิดอุบัติขึ้น
และยังไม่ทันที่คนเหล่านั้นจะทันได้ตั้งตัว ม้าเทศฝีเท้าดีสองตัวที่มีประธานาธิบดีจีนและแวววาวอยู่บนอานก็โลดทะยานออกจากด้านหลังของโรงเรือนตามสัญญาณนัดหมายที่ตกลงกันไว้ ก่อนที่ธงอินทร์จะวิ่งตามมาที่คอกแล้วกระโจนขึ้นม้าตัวที่สามเพื่อทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับคำขอของแวววาว
เพราะแทนที่อาชาสีดำคอขาวของพยัคฆ์ชาวไทยจะกวดตามฝ่ายเดียวกัน เพื่อหลบหนีไปจากพื้นที่อันตราย ธงอินทร์กลับบังคับม้าให้วิ่งออกมาทางด้านหน้าโรงเรือนสวนเข้าหาการบุกของฝ่ายตรงข้ามอย่างบ้าดีเดือด
“เฮ้ย.. อะไรวะ”
หัวหน้าคอมมานโดร้องออกมาอย่างลืมตัวขณะที่นัยน์ตาเบิกกว้างเหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
พริบตาเดียวกับที่ปรปักษ์อยู่ในอาการตกตะลึง ธงอินทร์ซึ่งอยู่บนหลังม้าก็สะบัดปืนเข้าหาเป้าแล้วลั่นไกปล่อยกระสุนออกมาราวกับสายฟ้าแลบ
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
กัมปนาทการยิงดังสะท้อนไปทั่วบริเวณกว้างพร้อมๆ กับมฤตยูร้อนจี๋แล่นเข้าใส่ร่างของคอมมานโดที่เพิ่งจะยันกายลุกขึ้นอย่างเหมาะเหม็ง
ทั้งสองคนที่โดนเข้าไปจึงมีอันสะดุ้งสุดตัวแล้วหงายผลึ่งลงไปฟาดพื้นราวกับต้นไม้ถูกโค่น วิญญาณหลุดลอยออกจากร่างในจังหวะที่ฝ่ายเดียวกันที่เหลือร้องตะโกนเอ็ดอึง พร้อมกับตวัดอาวุธขึ้นเล็งเพื่อสาดกระสุนตอบโต้โดยไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปแม้แต่วินาทีเดียว
ปังๆๆๆๆ! ปังๆๆๆๆ!
ปังๆๆๆๆ! ปังๆๆๆๆ!
เสียงปืนแผดสนั่นหวั่นไหวจากการระดมยิงชนิดหูดับตับไหม้ แต่มฤตยูที่กระหน่ำออกไปกลับพลาดเป้าอย่างเหลือเชื่อ เพราะร่างที่อยู่บนหลังม้าเอียงวูบลงไปอยู่ข้างอานแทนที่จะนั่งแท่นรอรับกระสุน
มิหนำซ้ำคนที่ห้อยตัวอยู่ข้างอาชายังเสือกแขนลอดใต้คอม้าที่ถูกบังคับให้วิ่งหันข้างเข้าใส่ปรปักษ์ก่อนที่ปืนบนมือของจ็อกกี้มหากาฬจะลั่นคำรามกลับคืนมาชนิดทันทีทันควัน
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
แม้จะไม่มีนัดไหนถูกเป้า แต่การยิงตอบโต้ก็ทำให้เหล่าคอมมานโดต้องกลิ้งหลบ ก่อนที่จะผงกหัวขึ้นมาสาดกระสุนไล่หลังเป้าเคลื่อนที่ซึ่งควบจี๋ไปทางปีกขวาของแนวปะทะอย่างรวดเร็ว
“ไอ้ระยำเอ๊ย.. คิดว่ากูจะโง่ไล่ตามมึงไปงั้นเหรอ !”
หัวหน้าทีมคอมมานโดคำรามลั่นเมื่ออ่านเกมได้ในทันทีว่าคนที่กำลังหนีซึ่งหน้าคือ “เป้าลวง” ที่ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อให้ฝ่ายเดียวกันทางด้านหลังได้เผ่นทะยานไปอย่างลอยนวล
มันจึงกรอกเสียงใส่ไมค์ตัวจิ๋วซึ่งติดอยู่กับหมวกบนศีรษะเพื่อแจ้งสถานการณ์ไปยัง ฮ.บัญชาการ
“นักบินจากคอมมานโด… ประธานาธิบดีกับคนคุ้มกันหนีไปทางด้านหลังโรงเรือนด้วยม้าสองตัว …ย้ำ เป้าหมายทางด้านหลังโรงเรือน!”
ทันทีที่รู้ตำแหน่งของบุรุษหมายเลขหนึ่งผู้ถูกสั่งตาย อากาศยานปีกหมุนที่เคยลอยลำคุมเชิงอยู่กับที่ก็เชิดหัวขึ้นสู่อากาศไต่ระดับเข้าหาความสูงที่ทำให้มองเห็นภูมิประเทศเบื้องล่างได้เป็นบริเวณกว้าง
“คอมมานโด จากนักบิน… พบเป้าแล้ว… ทิศสิบนาฬิกา กำลังเคลื่อนที่อยู่กลางทุ่งโล่ง!”
เสียงแผดกระหึ่มของแมลงปอเหล็กที่พุ่งผ่านเหนือหัวไปอย่างรวดเร็วทำให้ธงอินทร์ซึ่งอยู่บนหลังม้าใจหายวาบ รู้ได้ในทันทีว่าแผนล่อเหยื่อของตนเองไม่ได้ผล
นาวาโทชาวไทยจึงชักม้าเปลี่ยนทิศเพื่อกวดตาม ฮ.ของปรปักษ์ที่กำลังบินลิ่วเข้าหาเป้าเคลื่อนที่ซึ่งกำลังควบจี๋อยู่บนพื้นดินและทั้งสองชีวิตที่อยู่บนอานก็รู้แล้วเช่นกันว่า มัจจุราชกำลังแหวกอากาศตามมาทางด้านหลัง
“ระวัง… ท่านประธานาธิบดี! ฮ.กำลังไล่จี้เรามา!”
แวววาวร้องตะโกนดังลั่น พร้อมกับกระทุ้งส้นเท้าเข้ากระแทกม้าเพื่อให้อาชาในบังคับเร่งฝีตีนสุดชีวิตควบขนานไปกับม้าของผู้นำจีนซึ่งกำลังตะลุยโลดไปข้างหน้าจนฝุ่นกระจาย
จังหวะเดียวกับที่ม้าทั้งสองตัวอยู่ห่างกันเพียงแค่เอื้อม สิ่งที่หางตาของนายตำรวจหญิงจับภาพได้ก็คือประกายไฟแลบวาบจาก ฮ.ลำใหญ่ที่แหวกฟ้าตามมาทางด้านหลัง
หล่อนจึงร้องอุทานเสียงหลงในวินาทีที่กระโจนออกจากหลังม้าโผนเข้าใส่ร่างของประธานาธิบดี เพื่อกระชากผู้นำสูงสุดให้กระเด็นหลุดจากอานหมุนคว้างลงไปกระแทกพื้น เกือบจะพร้อมๆ กับที่วิถีกระสุนจากการยิงที่ไล่มาจากด้านหลังจับเปาะเข้าที่ม้าชะตาขาดทั้งสองตัวจนร่างฉีกกระจายกลายเป็นเศษเนื้อในพริบตา
ถึงแม้จะรอดจากการยิงในชุดแรกอย่างฉิวเฉียด พร้อมๆ กับที่ ฮ.ที่บินผ่านหัวพุ่งข้ามตำแหน่งไปโดยไม่มีการเบรค แต่ทั้งประธานาธิบดีจีนและหญิงสาวชาวไทยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่คุ้มกันก็รู้ดีว่า ฮ. เพชฆาตจะต้องเลี้ยวกลับมาเล่นงานเหยื่อของมันเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน
แวววาวจึงกระชากแขนของประธานาธิบดีสีผินจิงให้ลุกขึ้นพร้อมกับร้องตะโกนสุดเสียง
“วิ่งเร็ว! ถ้าอยู่เป็นเป้านิ่งเราตายแน่!”
สัญชาตญาณทำให้ผู้นำปักกิ่งสับฝีเท้าแบบไม่คิดชีวิตวิ่งจี๋ไปพร้อมๆ กับหญิงสาวชาวไทยก่อนที่สายจะมองเห็นม้าอีกตัวซึ่งมีองครักษ์หนุ่มอยู่บนอานกำลังควบลิ่วเข้ามาหา
“คิดจะหนีงั้นหรือ… อย่าหวังเลยว่ามึงจะรอดไปได้!”
นักบิน ฮ.คำรามในทันทีที่บังคับเครื่องเลี้ยวกลับและมองเห็นความเป็นไปด้านล่างซึ่งประธานาธิบดีจีนกำลังตะเกียกตะกายขึ้นม้าอีกครั้ง
“พาท่านประธานาธิบดีไปเลยผู้พัน… ไม่ต้องห่วงฉัน!”
แวววาวร้องบอกเร็วปรื๋อ และนั่นจึงทำให้ไอ้คอขาวที่มีนาวาโทหนุ่มนั่งซ้อนหลังผู้นำจีนกระโจนออกจากตำแหน่งพุ่งทะยานไปข้างหน้าชนิดเต็มฝีเท้า ราวกับจะรู้ว่า ฮ.มัจจุราชเริ่มต้นการไล่ล่าในฉากที่สองชนิดกัดไม่ปล่อย
“เล็งม้าตัวนั้นไว้! ขี่สองคนแบบนั้นมันไปได้ไม่ไกลแน่!”
นักบินที่หนึ่งร้องบอกพลปืนซึ่งชะโงกตัวออกมาจากห้องโดยสารทางด้านซ้ายและด้านขวาเตรียมที่จะเหนี่ยวไกสาดกระสุนสังหารลงมาอีกครั้ง
“เข้ามาเลย ไอ้พวกบัดซบ!”
แวววาวกัดฟันแน่น ขณะที่ปักหลักในท่าชันเข่าเหยียดแขนประกบมือส่องปืนขึ้นฟ้า เล็งเข้าหาเป้าที่กำลังบินเข้ามาแล้วเหนี่ยวไกปล่อยกระสุนออกไปอย่างไม่ยั้ง
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
แต่การยิงของหล่อนก็ไร้ผลเพราะ ฮ.ของฝ่ายตรงข้ามซึ่งอยู่ในระยะสูงไม่สะดุ้งสะเทือน และพุ่งผ่านเลยไปโดยไม่สนใจด้วยกำลังมุ่งไล่ล่าเป้าหมายสำคัญซึ่งควบหนีอยู่ในตำแหน่งที่ห่างออกไปทางด้านหลังของคนยิง
“เสร็จกูละมึง!”
พลปืนบน ฮ.ลั่นคำอย่างลำพองใจพร้อมกับกระชับปืนเข้าร่องไหล่ เล็งศูนย์เข้าหาร่างที่ถูกสั่งตายอย่างมั่นใจว่ายังไงก็ไม่พลาด
แต่แล้วประกาศิตยมบาลจากนรกกลับเปลี่ยนไปอย่างเหลือเชื่อ
เพราะในบัดดลเดียวกับที่พลยิงบน ฮ.เหนี่ยวไกจรวดสังหารที่ยิงมาจากเครื่องบิน “ไชนิส แร็ปเตอร์” ของกองทัพอากาศจีนที่บินมาอารักขาประธานาธิบดีก็แล่นเข้ากระทบเป้าหมายอย่างแม่นยำ
ตูม!
บึ้ม!
ฮ. ทั้งลำแหลกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในวินาทีที่เสียงระเบิดกัมปนาทปานฟ้าถล่มบังเกิดขึ้นพร้อมๆ กับทุกชีวิตที่อยู่บน ฮ.ดับดิ้นไปโดยไม่ทันจะรู้ตัวด้วยซ้ำว่าวิญญาณปลิดปลิวออกจากร่างเพราะเหตุใด
แต่ทั้งหมดนั่นก็ยังไม่สำคัญเท่ากับสถานการณ์ที่พลิกผันไปราวปาฏิหาริย์ เพราะแทนที่กระสุนจาก ฮ.จะกระหน่ำลงมาเป็นห่าฝน วิถีการยิงกลับขาดสะบั้นลั่นออกมาได้เพียงไม่กี่นัดในวินาทีที่ ฮ.ระเบิดเป็นลูกไฟกลางเวหา
ประธานาธิบดีสีผินจิงจึงรอดพ้นจากการถูกเด็ดชีพตรงข้ามกับคอมมานโดที่แปรแถวอยู่ด้านหน้าโรงนาซึ่งกลายเป็นเป้าสังหารในพริบตาอันต่อเนื่องเมื่อระเบิดทำลายจากไชนิส แร็ปเตอร์ หลุดออกจากเครื่องลอยละลิ่วลงสู่พื้นตามคำสั่งโจมตีจากคำยืนยัน “ที่เหลืออยู่คือฝ่ายตรงข้าม”
ตูม! ตูม!
บึ้ม! บึ้ม!
ปฐพีสั่นสะเทือนเลือนลั่นด้วยอานุภาพของนาปาล์มที่ถล่มลงมาจนไฟลุกท่วมเผาผลาญทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในรัศมีการทำลายล้างจนวายวอดไปในพริบตา
เปลวเพลิงสว่างจ้าและควันดำทะมึนที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจนคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโรงเรือนมองเห็นได้อย่างถนัด ทำให้ผู้นำจีนร้องออกมาอย่างดีใจ
“เรารอดตายแล้ว… นายพลหวูต้าส่งเครื่องบินมาช่วยเรา!”
“ครับ… ท่านประธานาธิบดี”
ธงอินทร์ถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะชักสายบังคับม้าเพื่อให้ไอ้คอขาวเลี้ยวกลับมา
“จากนี้ไปก็เป็นเรื่องภายในของปักกิ่งที่จะต้องสืบหาความจริงให้ได้ว่าทำไมถึงมีคนอยากให้ท่านตาย”
“คุณช่วยชีวิตผมไว้”
ประธานาธิบดีพูดเสียงหนักแน่น
“ไม่ต้องห่วงนะ ผมรับปากว่าจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยคนไทยให้ผ่านวิกฤตโควิด-19 ให้ได้เป็นการตอบแทน!”
***********************************
อ่านทุกตอนคลิ๊กที่รูป