◊ งานนอกเวลากับคุณป้ามหาภัย ◊
………..
“แน่ใจหรือคะว่าจะไม่ขึ้นไปด้วยกัน”
“แน่ใจครับ”
ชายหนุ่มในเครื่องแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์พยักหน้า
“บอกตามตรงว่าผมไม่ค่อยชอบสอบปากคำผู้ต้องสงสัยที่มีอายุมากๆ โดยเฉพาะผู้หญิง”
“เพราะเธอจะทำให้ผู้กองนึกถึงคุณแม่หรือคุณยายอย่างนั้นหรือ”
“อาชีพตำรวจทำให้ผมไม่ค่อยมีเวลาให้กับทั้งสองท่าน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเวลาสำหรับพวกท่านนับถอยหลังลงไปทุกที”
“ท่านอายุเท่าไหร่แล้วคะ”
ธณิศรยิ้มเล็กน้อย
“แม่ผมจะครบ 70 เดือนหน้า ส่วนคุณยาย 92 แล้ว”
“อายุยืนทั้งคู่เลย คงจะยังแข็งแรงอยู่นะคะ”
“แข็งแรงยังไงก็คงไม่เท่าคุณป้าอายุ 73 ที่ต้องผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมตกตึกที่เราได้รับคำสั่งให้มาคลี่คลาย”
“จะว่าไปฉันชอบนะคะที่เรามีงานนอกเวลา ระหว่างที่หน่วยพิทักษ์ประชายังไม่มีภารกิจ”
แวววาวเป็นฝ่ายยิ้มบ้างขณะที่ก้มลงสำรวจเครื่องแบบของตนเองเป็นครั้งสุดท้าย
“อย่างน้อยมันก็ช่วยให้ได้ออกจากที่ตั้งปกติได้ใช้สมองและมีงานทำ ดีกว่าการอยู่เฉยๆ”
“ถ้ามีอะไรฉุกเฉินจำเป็นจะต้องใช้ผู้ช่วยรีบส่งข่าวมาเลยนะครับ ผมจะได้ตามขึ้นไปสมทบ”
“ขอบคุณค่ะ”
นายตำรวจสาวพยักหน้า
“แต่ไม่ต้องห่วง ฉันมั่นใจว่าเอาอยู่การสอบปากคำคุณป้าคนโสด คงไม่มีอะไรซับซ้อนมากนักหรอกค่ะ”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่แวววาวบอกกับธณิศรก่อนที่หล่อนจะเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในคอนโดมิเนียมสูง 30 ชั้นซึ่งเพิ่งเกิดคดีการเสียชีวิตปริศนาของผู้ชายคนหนึ่ง
จังหวะที่นายตำรวจสาวเพื่อนร่วมทีมก้าวเข้าไปในอาคารสูง ธณิศรก็แหงนหน้าขึ้นมองคอนโดหรูที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึง 20 เมตร อย่างพินิจพิจารณา
แล้วแว่บหนึ่งที่ความคิดอะไรบางอย่างแล่นเข้าสู่สมอง ธณิศรก็ตัดสินใจหยิบสมาร์ทโฟนออกมา
“หน่วยกู้ภัยใช่มั้ยครับ…”
ธณิศรพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
“ผม… ร้อยตำรวจเอกธณิศร อยู่ระหว่างการปฏิบัติงานสืบสวนสอบสวนในพื้นที่สุขุมวิทเหนือ…”
“ต้องการให้ช่วยอะไรครับผู้กอง?”
——————————————
แล้วสิ่งที่ร้อยตำรวจโทหญิงแวววาวประเมินไว้ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อได้พบกับ “นางสาวศรีสุพรรษา” สตรีสูงอายุซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีการเสียชีวิตปริศนาของพนักงานดูแลคอนโดฯ เจ้าของห้องพักชั้น 25 เพศเดียวกันที่ครองความบริสุทธิ์มาได้มากกว่าครึ่งชีวิตได้ให้ความร่วมมือกับผู้สอบสวนเป็นอย่างดี
“ตอนที่ฉันยังเป็นสาว นายตำรวจที่เป็นผู้หญิงหายากมากหรือแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้”
หนึ่งในประโยคที่แวววาวได้ยินในช่วงแรกๆ ของการสนทนา
“ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ผู้หญิงก็เข้าโรงเรียนนายตำรวจสามพรานได้ พอจบออกมาติดยศก็ไปอยู่โรงพักทำงานเหมือนตำรวจที่เป็นผู้ชาย”
“ค่ะ”
แวววาวตอบเสียงเรียบ
“วันเวลาเปลี่ยนไปทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกับสมัยนี้ที่ผู้หญิงอย่างเราที่ครองตัวเป็นโสดใช้ชีวิตตามลำพังมีจำนวนมากกว่าสมัยก่อน”
“ทั้งที่การใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก คุณว่ามั้ยล่ะ”
ผู้สูงวัยกว่าจ้องตาคนที่อยู่ในเครื่องแบบ
“ยากหรือง่ายคงอยู่ที่การเลือกรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละคนซึ่งไม่เหมือนกันค่ะ”
“ดื่มชาสิ เดี๋ยวจะเย็นเสียก่อน”
นางสาวศรีสุพรรณษาเตือนนายตำรวจหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“เอิร์ลเกรย์บีบมะนาวนิดหน่อย รสชาติกลมกล่อมกำลังดี”
“ขอบคุณค่ะ”
แวววาวยกถ้วยเคลือบขึ้นจิบ
“แต่ฉันอยากให้คุณป้าตอบคำถามไปด้วย”
“นี่เป็นการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยตามวิธีการของตำรวจหรือเปล่า”
“ที่เกิดเหตุคือระเบียงห้องพักของคุณป้า ไม่ว่าจะในฐานะพยานหรือผู้ต้องสงสัย ยังไงก็ต้องมีการสอบสวนค่ะ”
แวววาวกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“นายธีรวัฒน์เป็นพวกหื่นกามเสพติดเรื่องลามก วันๆ เอาแต่ดูคลิปโป๊งานการไม่ค่อยทำ ทั้งๆ ที่ตัวเองมีหน้าที่ต้องดูแลความเรียบร้อยในคอนโดฯ นี้”
“แต่มันก็ไม่น่าจะเชื่อมโยงกับการที่เขาต้องเข้ามาเสียชีวิตด้วยการตกตึกจากระเบียงห้องคุณป้านี่คะ”
นายตำรวจสาวยังคงมีน้ำเสียงปกติ
“นายลามกนั่นรู้ความเคลื่อนไหวและกิจวัตรของฉันในแต่ละวันว่าต้องทำอะไรเข้าออกห้องตอนไหน”
“เขาก็เลยแอบเข้ามาซุ่มรอหลังม่านตอนที่เจ้าของห้องไม่อยู่”
แวววาวพูดจากข้อมูลเบื้องต้นที่มีอยู่
“ฉันเคยจ้างเขาให้ช่วยทำความสะอาดห้องเป็นส่วนตัวหลายครั้ง มันคงเป็นโอกาสให้เขาแอบก๊อบปี้คีย์การ์ดของฉันไว้จนสามารถเข้ามาได้ตอนที่ฉันไม่อยู่”
“ทรัพย์สินของคุณป้าไม่ได้หายไปไม่ใช่หรือคะ”
“บอกแล้วไงว่านายนั่นต้องการหญิงแก่เพื่อสนองความวิปริตของตัวเอง ไม่งั้นจะเข้ามาดักรอฉันทำไม”
ถึงตอนนี้น้ำเสียงของนางสาวศรีสุพรรษาบ่งบอกว่าเจ้าตัวเริ่มมีอาการหงุดหงิด
“เรียนตามตรงเลยนะคะคุณป้า…”
แวววาวเว้นระยะไปนิดหนึ่ง
“ฉันได้รับคำสั่งให้เข้ามาคลี่คลายคดีนี้ก็เพราะว่าชั่วเวลาเพียงสามเดือนคอนโดฯ ของคุณป้ามีอุบัติเหตุคนตกตึกตายไปแล้วสองคน”
“แล้วยังไง”
หญิงชราย้อนถามขณะที่นัยน์ตาขุ่นเขียวเหมือนโกรธ
“ตำรวจก็เลยสงสัยว่าฉันเป็นฆาตกรเพียงเพราะผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในห้องฉันก่อนตายอย่างนั้นหรือ”
“คุณป้ากำลังจะบอกว่าการที่นายธีรวัฒน์รู้ความเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันของคุณป้าทำให้เขาแอบเข้ามาดักรอคุณป้าในห้อง”
“มันง่ายมากสำหรับพนักงานคอนโดฯ ที่จะแอบปั๊มคีย์การ์ดของลูกบ้านไม่ใช่หรือ”
สตรีเจ้าของผมสีดอกเลาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ก่อนจะชี้มือไปทางผนังห้องอีกด้าน
“เจ้าหื่นนั่นแอบอยู่หลังผ้าม่านริมหน้าต่าง ซึ่งเป็นตำแหน่งซุ่มซ่อนตัวรอจนกว่าเหยื่อของมันจะกลับเข้ามา”
แวววาวพยักหน้าช้าๆ
“จากนั้นคนตายก็เข้าประชิดตัวเพื่อจี้ชิงทรัพย์หรือบังคับให้เจ้าของห้องบอกที่ซ่อนทรัพย์สิน คุณป้าคิดอย่างนั้นหรือคะ”
“ไม่ใช่”
นางสาวศรีสุพรรษาสั่นศีรษะ
“ตัวฉันต่างหากที่มันต้องการ”
“ผู้หญิงอายุ 73 เนี่ยนะคะ”
“พวกโรคจิตไง เหมือนที่มีรสนิยมเสพกามกับเด็ก บางคนก็ชอบช่วยตัวเองในที่สวนสาธารณะหรือขโมยชุดชั้นในไปสูดดม”
แวววาวถอนหายใจเล็กน้อย
“ทำไมคุณป้าถึงคิดแบบนั้น”
“สายตาไงคุณตำรวจ”
สตรีโสดสูงอายุตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
“สายตาที่นายธีรวัฒน์มองฉันทุกครั้งที่เราเจอหน้ากันมันบ่งบอกชัดเจนว่าเขาคิดอะไร”
“เราไม่อาจสรุปความคิดของคนได้จากสายตาหรอกค่ะ”
“ทำไมจะไม่ได้”
นางสาวศรีสุพรรษาเถียง
“โบราณพูดต่อๆ กันมาดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ใครคิดแบบไหนสายตามันจะสื่อออกมาให้เห็น”
“แค่นั้นไม่พอหรอกค่ะ สำหรับการที่จะสรุปว่าคนตายมีรสนิยมเบี่ยงเบนต้องการล่วงละเมิดหญิงสูงอายุ”
“คุณตำรวจไม่เชื่อฉันงั้นหรือ”
เจ้าของห้องย้อนถาม
“ปกติแล้วเวลาเจอกันเขามักจะพูดจากับคุณป้าแบบไหนคะ”
แวววาวตอบด้วยคำถาม
“ทักทายอย่างสุภาพอ่อนน้อมหรือว่าพูดจามีนัยยะ”
“นายนั่นชอบแทะโลมฉันด้วยวาจาแบบคุกคามทางเพศ”
“เช่นอะไรคะ”
สตรีสูงวัยนิ่งนึกก่อนจะขุดออกมาเป็นชุด
“โสดเสียของ… สุขสุดยอด ยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด… จะเก็บไว้ทำไม ชิวหาพาเพลิน ลงลิ้นให้ฟิน ลิงอุ้มแตงท่าถนัด”
“คงไม่มีใครเคยได้ยินว่าเขาพูดแบบนี้กับคุณป้า”
“แน่นอนสิ นายหื่นนั่นจะพูดกับฉันเฉพาะเวลาที่เจอกันสองต่อสองเท่านั้น”
“คุณป้าคะ…”
นายตำรวจสาวจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง
“เท่าที่ได้ข้อมูลจากการสอบปากคำพยานแวดล้อมเบื้องต้น ทุกคนให้การไปในแนวทางเดียวกันว่านายธีรวัฒน์เป็นคนเรียบร้อยสุภาพ โดยเฉพาะกับลูกบ้านที่เป็นเพศตรงข้าม อีกทั้งยังเป็นพนักงานที่ทำงานด้วยจิตสาธารณะ เต็มใจช่วยเหลือลูกบ้านทุกคน”
“คนเราใส่หน้ากากกันได้แบบที่เรียกว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ ใครๆ ก็สร้างภาพเสแสร้งได้ทั้งนั้น”
“รบกวนช่วยจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้หน่อยได้มั้ยคะ”
แวววาวเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันจะได้เห็นภาพและวิเคราะห์ได้ว่ามันมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่ผู้ตายจะพลัดตกจากระเบียงลงไปเองโดยไม่มีใครทำร้าย”
“มันก็ไม่มีอะไรหรอก เพราะหลังจากเปิดประตูเข้ามาในห้อง ฉันสังเกตเห็นผ้าม่านขยับก็เลยเดินไปใกล้แล้วรูดม่าน คนที่ซ่อนตัวอยู่เลยตกใจกระโจนออกมา”
“แน่ใจหรือเปล่าคะว่าคุณป้าไม่ได้นัดให้นายธีรวัฒน์เข้ามาในห้องเพื่อซ่อมทำเครื่องปรับอากาศที่ติดอยู่เหนือระเบียงห้อง”
“แอร์ของฉันยังใช้งานได้ดีนี่ คุณก็เห็น”
คิ้วสวยของนายตำรวจสาวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“ถ้าอย่างนั้นทำไมพยานบางคนที่อยู่ห้องติดกันให้การว่าได้ยินเสียงคนพูดกันที่ระเบียงห้องคุณป้าในวันที่เกิดเหตุ”
“คงเป็นเสียงที่ฉันเล่นงานเจ้าบ้านั่นที่แอบอยู่หลังม่านจนมันตกใจทำอะไรไม่ถูกนอกจากพรวดพราดออกไปที่ระเบียง”
“แปลกจัง”
แวววาวเม้มริมฝีปาก
“เขาจะออกไปที่ระเบียงเพื่ออะไรกัน”
“หนีไงล่ะ”
หญิงชรายักไหล่
“เขาสามารถเหยียบราวลูกกรงที่ระเบียงห้องแล้วปีนออกไปทางข้างเพื่อไปยังห้องที่อยู่ติดกันได้ไม่ยาก”
“ทำได้หรือคะ”
“ลองสิ คุณตำรวจ”
นางสาวศรีสุพรรษาชี้มือไปยังจุดเกิดเหตุ
“ปกติแล้วถ้าปีนราวระเบียงในสภาพปกติมันก็ปลอดภัย แต่ถ้าลนลานตะเกียกตะกายแบบตื่นตระหนกมันก็มีโอกาสที่จะหัวทิ่มตกลงไปได้”
“ถ้างั้นขออนุญาตทำตัวเป็นนายธีรวัฒน์หน่อยนะคะ”
พูดจบ แวววาววางถ้วยชาแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปยังทางออกระเบียงห้องโดยมีหญิงชราเดินตามไปด้วย
นายตำรวจสาวค่อยๆ ปีนขึ้นไปบนราวระเบียงอย่างระมัดระวังขณะที่นึกบอกตัวเองในใจว่าโชคดีที่สวมกางเกงเครื่องแบบมาในวันนี้ ทำให้สามารถยงโย่ยงหยกหมิ่นเหม่อยู่บนจุดอันตรายได้โดยไม่ลำบาก
“นายธีรวัฒน์ขึ้นไปแบบนี้ใช่มั้ยคะ”
หล่อนหันมาถาม
“ก็ใช่น่ะสิ!”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่แวววาวได้ยินพร้อมๆ กับที่สายตามองเห็นใบหน้าเหี่ยวย่นที่แปรสภาพไปอย่างฉับพลันเหมือนใบหน้าแม่มดแสยะยิ้มในวินาทีที่เจ้าตัวถลันเข้าใส่แล้วกระแทกสองมือเข้าหาร่างที่อยู่ในตำแหน่งมรณะสุดแรงเกิด
สัญชาตญาณทำให้นายตำรวจสาวร้องอุทานออกมาคำหนึ่งด้วยความตกใจขณะที่ตีลังกาหัวทิ่มลงสู่เบื้องล่างราวกับนกปีกหัก
แม้จะมีเวลาเพียงไม่กี่วินาทีขณะที่ร่วงหล่นลงจากห้องพักชั้น 23 แต่สมองของแวววาวยังแล่นจี๋ด้วยความฉงนสนเท่ห์ไม่อยากเชื่อว่าหญิงชราจะเป็น “ฆาตกร” ตัวจริงอย่างถูกสงสัย
แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้หล่อนรู้สึกเหลือเชื่อที่ตนเองรอดตายจากการตกตึกเมื่อร่างในเครื่องแบบกระแทกลงสู่เบาะลมขนาดใหญ่ที่รอรับอยู่บนพื้นแล้วกระดอนขึ้นก่อนจะกลิ้งลงมาสู่แขนของธณิศรที่รอรับอยู่
“เป็นไงบ้าง เหมือนเล่นบันจี้จั๊มป์มั้ยครับ”
“ประมาณนั้นเลย”
นายตำรวจสาวถอนหายใจโล่งอก
“ขอบคุณมากที่ผู้กองหาเบาะลมมารอรับฉัน ไม่งั้นคงไม่รอดแน่”
“คุณกล้าหาญมากที่ใช้วิธีนี้จับผิดผู้ต้องสงสัย”
“บอกหน่อยได้มั้ยว่าทำไมผู้กองถึงอ่านเกมได้ทะลุแบบนี้”
“ตอนที่เราแยกกัน ผมสังหรณ์ใจว่าน่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็เลยโทร.แจ้งหน่วยกู้ภัยให้รีบมาที่นี่”
ธณิศรพูดอย่างเป็นงานเป็นการ
“ผมเดาว่าผู้ต้องสงสัยคงเป็นโรคจิต เพราะในรอบห้าปีที่ผ่านมา นางสาวศรีสุพรรณษาย้ายที่พักมาแล้วถึงสี่คอนโดฯ และทุกแห่งมีคดีการเสียชีวิตปริศนาจากการตกตึกทั้งสิ้น”
“ฉันไม่อยากย้อนขึ้นไปจับคุณป้าเลย”
แวววาวพูดขณะแหงนหน้ามองขึ้นไปยังตึกสูงที่ตนเองร่วงลงมา
“แกอาจจะตกใจจนเป็นลมไปเลยก็ได้ถ้าเห็นหน้าคนที่แกผลักลงมา”
“ถ้าไม่จับหญิงชราโรคจิตผมเชื่อว่าจะมีคนตกเป็นเหยื่อของแกอีกมาก”
“อายุขนาดนี้ถ้าถูกจำคุกก็คงไม่มีโอกาสได้ออกมาใช้ชีวิตข้างนอกอีกแล้ว”
“ผมก็คิดแบบนั้น”
นายตำรวจหนุ่มเอื้อมมือไปบีบแขนแวววาวเบา ๆ
“ทำใจให้สบาย ขึ้นไปรับตัวแกลงมาเถอะ งานนอกเวลากับคุณป้าโรคจิตของเราจบแล้วครับ”
***********************************
อ่านทุกตอนคลิ๊กที่รูป